บทที่ 6

4367 Words
"พี่โนไปไหน ผมไปด้วย" "จะเอาน้ำไหมฮะ เดี๋ยวผมเอาให้" "หมูย่างเสร็จแล้ว ผมไปหยิบให้นะฮะ" ผมบริการพี่โนทุกระดับประทับใจ ท่ามกลางสายตาหงุดหงิดของพี่สาวตัวเอง ผมพยายามเอาใจพี่โน และไม่คิดสนใจพี่ตัวสร้างปัญหาอย่างพี่แอล "อาร์ตพี่ทำเองได้ พี่ไม่ได้เป็นง่อย" แต่ดูเหมือนพี่โนจะเป็นคนทนไม่ไหวกับการปรนนิบัติของผมแทน พี่โนดันแก้วน้ำอัดลมที่ผมยื่นให้กลับมาให้ผม "ไม่ชอบเหรอฮะ" ผมได้ยินเสียงหัวเราะสะใจของพี่สาวผมด้วย ผมมั่นใจ "ใช่ มันวุ่นวายไปอาร์ต อันนี้พี่ไม่โอเค" เมื่อโดนปฏิเสธ สิ่งที่ผมทำต่อคือนั่งซึมอยู่ข้าง ๆ พี่โน ไม่วุ่นวายอีก "ถ้าอยากได้อะไรก็บอกผมได้นะ" ผมพูดเสียงเบาให้พี่โนได้ยิน พี่โนพยักหน้ารับ แต่ไม่ใช้บริการอาร์ตเดลิเวอรี่อีก พี่โนไปหยิบอะไรด้วยตัวเอง ไม่ให้ผมตามไปด้วย ผมนั่งนิ่งท่ามกลางเสียงเยาะเย้ยของพี่สาวตัวเอง "เฮ้อ แอลเลิกแกล้งอาร์ตได้แล้ว ฉันปวดหัว" พี่โนถอนหายใจ และหันไปปรามพี่สาวผม พี่แอลทำเพียงยักไหล่ และเดินไปหากลุ่มผู้ชายที่นั่งคุยกันในตอนเช้า "อาร์ต ตอนนี้อาร์ตเข้าหาพี่เพราะอยากเอาชนะใจพี่ หรืออยากเอาชนะแอล" คำถามของพี่โนทำผมรู้สึกลำบากใจที่จะตอบขึ้นมา "...ตอนนี้อยากเอาชนะพี่แอลฮะ" ผมรู้สึกผิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น "ชนะเรื่องไหน สวีทกับพี่เย้ยหน้าคนโสดเหรอ" ผมพยักหน้ารับอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง "พวกเราก็โสดอาร์ต อันนี้พี่ขอไม่เล่นด้วย อาร์ตไปคุยกับผู้หญิงแถวนี้ก็ได้" นอกจากไม่คิดช่วยผมแล้ว พี่โนยังไล่ให้ผมไปหาผู้หญิงอื่นด้วย ผมรู้สึกแย่อะ "พี่โนไม่ชอบก็ไม่ชอบสิ อย่าไล่ผมไปหาคนอื่น" ผมมองพี่โนนิ่ง บอกให้พี่โนรู้ว่าผมเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน "ได้ พี่ขอโทษ พี่เองก็ไม่ชอบที่อาร์ตเอาพี่ไปอยู่ในสงครามพี่น้อง ทะเลาะกันสองคนอย่าเอาคนอื่นมายุ่ง..." "...อย่าเอาชนะกันด้วยการแสดง เพราะผลที่ได้ไม่ได้ทำให้คนที่เกี่ยวข้องดีใจด้วยหรอกนะ" "ผมไม่ได้แสดงนะฮะ ผมอยากดูแลพี่แบบนั้นจริง ๆ" ผมแย้งทันที ดูเหมือนพี่โนจะเข้าใจผมผิดเข้าให้แล้ว "งั้นพี่ควรแสดงว่าพี่ชอบที่อาร์ตดูแลพี่ เพื่อให้แอลเจ็บใจเล่นงั้นสิ" ผมเกือบตอบว่าใช่ แต่เมื่อคิดตาม ผมถึงรู้ว่ามันไม่สมควร ถึงผมจะชนะพี่แอล แต่ผมก็คงไม่ดีใจถ้าพี่โนแสดงละครไปพร้อมกับผม ถึงผมอาจจะชอบการกระทำเหล่านั้น แต่มันก็คือการแสดง “ขอโทษฮะ” ผมเอ่ยจากใจจริง เมื่อเห็นผมคิดได้ พี่โนก็ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะแยกไปเอาเสื้อผ้าในเต็นท์เพื่อไปอาบน้ำ “พี่โนจะไปคนเดียวเหรอฮะ” ผมรีบวิ่งไปขวางหน้าทันที พี่โนพยักหน้า และเดินอ้อมผมไป ถึงแม้จะเป็นห้องน้ำแยกชายหญิงแต่ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ที่ปล่อยพี่โนไปคนเดียว ผมหันไปหาพี่แอล ตอนนี้พี่แอลกำลังพูดคุยกับคนกลุ่มหนึ่งอย่างสนุกสนานจนผมไม่สามารถทำใจไปกวนพี่แอลได้ ผมยืนรออยู่หน้าทางเดินที่ทอดยาวไปถึงห้องน้ำหญิง มีคนหลายกลุ่มเดินออกมา และมองผมด้วยความสงสัย แต่ผมไม่สนใจคนพวกนั้น คงอื่นเขายังมาเป็นกลุ่ม ทำไมพี่โนถึงมาคนเดียวนะ “มายืนทำอะไรตรงนี้อาร์ต” เสียงพี่โนดังขึ้นจากคนกลุ่มหนึ่งที่เดินออกมา ทุกคนมองผมอย่างเป็นมิตร ดูเหมือนในช่วงเวลาอันสั้นพี่โนจะได้เพื่อนเข้าแล้ว ผมมองพี่โนด้วยความงงงวย พี่โนที่ผมรู้จักไม่ใช่คนเข้ากับคนได้ง่ายแบบพี่แอล แต่กลุ่มคนตรงหน้ากำลังทำลายความเชื่อนี้ของผม “น้องเธออึ้งอะไรอยู่” หนึ่งในกลุ่มสาว ๆ ถามพี่โน พี่โนมองผมก่อนจะยิ้มตอบอีกฝ่ายไป “น่าจะอึ้งความสวยของพวกเธอน่ะสิ” รอยยิ้ม และท่าทางที่ดูเข้าถึงได้ง่ายของพี่โนทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก ทำไมดูแตกต่างจากที่ผมรู้จักล่ะ กลุ่มคนตรงหน้าหัวเราะให้กับคำตอบของพี่โนสีหน้าท่าทางดูพึงพอใจในคำพูดของพี่โนเป็นอย่างมาก เมื่อหยอกล้อกันเสร็จก็แยกย้ายกันไปเก็บของที่จุดพักของตัวเอง เมื่ออยู่กันสองคน รอยยิ้มเป็นมิตรก็เลือนหายไป กลายเป็นพี่โนที่ผมรู้จัก “เมื่อกี้มันอะไรน่ะ” ผมถามทันทีที่ตั้งสติได้ “การแสดงไง อาร์ตคิดว่าพี่จะใช้ชีวิตในฐานะสัตว์สังคมได้ยังไงถ้าพี่ไม่มีหน้ากากออกงานน่ะ” “ไม่ ๆ นั่นไม่ใช่การแสดงนะพี่โน พี่โนรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ” ผมแย้งตามที่ผมเห็น “การแสดงมันไม่จำเป็นต้องปลอมเสมอไปหรอกนะ แสดงออกอย่างจริงใจแต่ไม่ใช่ตัวเอง” พี่โนอธิบายผม และเดินกลับเต็นท์ ผมเดินตามไปด้วยความมึนงง “เป็นอะไร” เมื่อถึงจุดพักของพวกผมพี่แอลที่กำลังเตรียมของไปอาบน้ำมองท่าทางผมอย่างสงสัย “โนไปดูดาวด้วยกันไหม” “ไม่เป็นไร เรารอเพื่อนเราอาบน้ำก่อน” ผมไม่ตอบพี่แอล ผมชี้ไปทางพี่โนที่กำลังยิ้มตอบเพื่อนใหม่อยู่ สีหน้าของผมคงแปลกมากแน่ ๆ พี่แอลถึงหัวเราะหนักขนาดนั้น “มันคือการแสดงอาร์ต ฮ่า ๆ” พี่แอลเดินมาคล้องคอผม และพาผมเดินกลับทางเดิม “ถ้าเราอยู่คนเดียว เราต้องรู้จักยืดหยุ่นตามสถานการณ์ เพื่อที่จะอยู่กับคนรอบข้างได้ ถ้าเราเป็นมิตรกับเขา เขาจะเป็นมิตรกับเรา คนอย่างโนต้องมีบุคลิกที่ 2” พี่แอลอธิบาย แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี “ทำไมต้องมีบุคลิกที่ 2 ล่ะ” “อาร์ตบางอย่างฉันก็อยากให้นายคิดได้เองบ้างนะ...แต่เชื่อเถอะ คนที่ไม่ถูกบุคลิกที่ 2 กลืนกินบุคลิกที่ 1 น่ะมีน้อย เพราะคนรอบข้างต่างชื่นชมในบุคลิกที่ 2” พี่แอลเดินแยกเข้าห้องน้ำหญิงไป ทำให้ผมรู้ตัวว่าผมโดนหลอกให้เดินมาส่งพี่แอลหน้าห้องน้ำเสียแล้ว แต่ผมก็ยืนรอพี่แอลอยู่ที่เดิม ผมเป็นน้องที่ดีน่ะเนี่ย เมื่อพี่แอลจัดการธุระเสร็จ ก็ถึงตาผมไปอาบน้ำแล้ว ห้องอาบน้ำที่นี่ มีห้องน้ำสองที่ ตรงกลางเป็นถังใส่น้ำสีฟ้า และขันให้ตักอาบ มีคนอาบอยู่ประปราย ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น “หุ่นดีเหมือนกันนะเนี่ย” ผมหันไปหาต้นเสียง เห็นผู้ชายสองคนที่อยู่กับพี่แอลเมื่อเช้า ผมเมินทั้งสองทันที “อย่าเมินกันแบบนี้สิ พวกฉันไม่มีใครสนใจพี่สาวคนโปรดของนายหรอก” คนที่อยู่ข้างพี่โนตอนนั้นพูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ และมาตักน้ำราดตัวข้าง ๆ ผม “ใช่ พวกฉันเบื่อ ๆ แล้วแอลวานให้แกล้งนายเท่านั้นเอง” ผมถอนหายใจกับต้นเหตุความวุ่นวายใจของผม ผมเองก็รู้ตัวนะว่าโดนแกล้ง แต่คนมันจะหวงไม่มีใครห้ามได้หรอก “ช่างมันเถอะครับ” ผมยอมพูดกับสองคนนั้น พวกผมใช้เวลาอาบน้ำสักพักก่อนจะแยกย้ายกันไป ผมได้เพื่อนใหม่เพิ่มเช่นกัน แถม 1 ใน 2 คนนั้นอาจกลายเป็นพี่เขยผมในอนาคตด้วย ผมเดินมาที่เต็นท์ เห็นพี่โนนั่งอยู่ที่ผ้าปูหน้าเต็นท์ดื่มอะไรสักอย่างอยู่ ผมรีบเก็บของ และถือวิสาสะไปนั่งข้างพี่โนทันที “พี่โนทำอะไรอยู่ฮะ” “...นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย” พี่โนตอบผม พี่แกก็ดูง่วงนะ แต่ไม่ยักจะเข้าไปนอน “พี่แอลล่ะฮะ” “นอนแล้ว พรุ่งนี้เช้าแอลจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้น” “พี่โนไม่ไปเหรอ” พี่โนส่ายหน้าปฏิเสธ "ไม่ พี่จะนอนเก็บแรงไปพิชิตยอดเขา" พี่โนตอบเสียงอู้อี้ ดูเหมือนพี่โนจะหลับแล้วจริง ๆ "พี่โนเข้าไปนอนด้านในเลยฮะ" พี่โนเข้าเต็นท์ไปอย่างว่าง่าย ผมเองก็กลับมาที่เต็นท์ตัวเองก่อนจะฉุกคิด เมื่อกี้พี่โนรอผมงั้นเหรอ ผมว่าตอนนี้ผมยิ้มเหมือนคนบ้าแน่ ๆ "ฝันดีครับ" ผมเริ่มเอ็นดูพี่โนเสียแล้วสิ ... ยามเช้าผมตื่นเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกับพี่แอล แน่นอนว่าพี่สาวผมต้องอยู่กับผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ แต่คนส่วนมากที่มาทริปนี้เขามาเพื่อพัก ทำให้เรื่องสานสัมพันธ์ต้องเอาไว้ก่อน ผมแอบสะใจคนที่มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่เล็ก ๆ สักพักทุกคนก็กลับไปทำข้าวเช้ากินกัน บางคนก็กินกันเป็นกลุ่มใหญ่ บางคนก็กินเงียบ ๆ พวกผมไปกินกับกลุ่มใหญ่ มีเพื่อนใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ ถ้าคุยกันถูกใจ บางคนก็จะขอเบอร์ติดต่อกันไว้เพื่อพบปะกันต่อหลังเลิกทริป ทุกคนเตรียมตัวไปน้ำตก และไปพิชิตยอดเขา การพิชิตยอดเขาไปได้เป็นกลุ่ม ๆ เพื่อความสะดวกในการดูแลของพี่พนักงาน ทางปีนเขาลาดชัน และมีเชือกทอดยาวเพื่อให้ปีนขึ้นไป ทุกคนที่สนใจต่างได้รับถุงมือ และหมวกมาปกป้องส่วนสำคัญของร่างกาย เมื่อถึงกลุ่มพวกผม ที่มีผม พี่โน พี่แอล และคนแปลกหน้าอีกสี่คน...ที่เป็นเพื่อนใหม่พี่แอล พวกเราต่างค่อย ๆ ปีนขึ้นไปตามคำแนะนำของพี่พนักงาน คนแปลกหน้านำขึ้นไปก่อน พี่แอล พี่โนตามขึ้นไป ผมเป็นคนสุดท้าย และพี่พนักงานปิดท้ายผมอีกคน ทางหินลาดชันทำให้ผมลื่นเป็นพัก ๆ พี่พนักงานคอยระวังให้ผมดีมาก เมื่อใกล้ถึงยอดเขา มือเล็กยื่นมาตรงหน้าผม พี่โนยืนรออยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นว่าพื้นที่ที่พี่โนยืนอยู่นั้นปลอดภัย ผมก็คว้ามือนั้นไว้ และช่วยส่งมือไปให้พี่พนักงานที่ตามผมมา เมื่อขึ้นมาได้ ต้องเดินขึ้นไปอีกสักพัก พื้นที่แถวนั้นค่อนข้างชัน ทุกคนต่างช่วยระวังให้กัน และกัน จนกลายเป็นความประทับใจในการมาเที่ยวครั้งนี้ วิวด้านบนนอกจากป้ายบอกพิชิตยอดเขา และภาพมุมสูงของผืนป่า ไม่อาจสู้ความตื้นตันใจในการช่วยเหลือซึ่งกัน และกันของคนแปลกหน้าได้เลย ขากลับทุกคนแวะเล่นที่น้ำตกจนถึงเวลาอาหารเย็น จากการแยกกันกินเป็นกลุ่ม ๆ กลายเป็นกลุ่มก้อนหนึ่งในพื้นป่า ทุกคนคุยกันอย่างสนิทใจมากขึ้น แคมป์ปิ้งรอบกองไฟ แบ่งปันอาหารกัน เป็นสีสันที่หาดูได้ยากในตัวเมือง ทุกคนสร้างกลุ่มไลน์ปีนเขา เพื่อชวนกันไปในทริปต่อ ๆ ไป เป็นสังคมติดดินอีกกลุ่มหนึ่งที่เกิดขึ้นข้ามคืน ... เช้าของวันต่อมา ทุกคนต่างเก็บของเตรียมลงเขา ขึ้นมายังไงก็กลับอย่างนั้น พวกผมใช้เวลาสักพักก็ถึงที่หมายในตอนเที่ยง คณะทัวร์ และพวกผมล่ำลากัน แยกกันกลับไปทำหน้าที่ที่ควรทำ ทริปนี้เป็นทริปที่ผมรู้สึกชื่นชอบ แต่สิ่งที่ชอบไม่ใช้การปีนเขา แต่เป็นมิตรภาพระยะสั้นที่เกิดขึ้นในเวลาไม่กี่วัน ผม พี่แอล และพี่โน นั่งพักกันอยู่บนรถ กินอาหารง่าย ๆ รองท้องในมื้อกลางวัน พี่แอลพักขาสักพักก็ออกรถกลับกรุงเทพฯ พวกผมแวะซื้อของฝากระหว่างทาง แวะเดินเล่นเพื่อให้พี่แอลได้ยืดเส้นยืดสาย “เราแวะทำบุญแถวนี้เลยไหม จะได้พักกันยาวไปเลย” พี่แอลเสนอขึ้นซึ่งผมก็เห็นด้วย แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากพี่โน ผม และพี่แอลเหลือบมองพี่โนผ่านกระจกมองหลัง พี่โนนอนซุกกองตุ๊กตาหลังรถไปแล้ว “เหนื่อยน่าดู” พี่แอลหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “น่ารักดีนะฮะ” ผมพูดออกมาตามความรู้สึก พี่แอลเหลือบมองผม และยกยิ้มที่ดูไม่น่าไว้ใจ “นายยังรู้จักโนไม่ดีเลย ทำไมนายดูเป็นเด็กคลั่งรักแล้วล่ะ” “ก็อยู่ในช่วงทำความรู้จักกันไง พี่แอลจะทำอะไรพี่ยิ้มไม่น่าไว้ใจเลย” “นายระแวงไปเองอาร์ต นี่คือเรียนรู้กัน หรือพยายามจีบอยู่ล่ะ” “มันต่างกันเหรอ” “ต่างกันสิ เรียนรู้กัน และกันก็คือการเฝ้ามองอีกฝ่าย แต่ถ้าจีบคือการเข้าหาอีกฝ่าย ปากนายบอกเรียนรู้กันอยู่ แต่ท่าทางนี่พร้อมจีบตลอดเวลา ระวังโนรำคาญนะ” ผมมองพี่สาวที่ยกยิ้มเยาะผมอยู่ ผมอยากเถียงไปว่าขอจีบแล้ว แต่คิดไปคิดมาผมขอจีบก็จริง แต่ก็อยู่ในช่วงทำความรู้จักกันให้มากขึ้น...นี่คือผมข้ามขั้นหรือเปล่า “ทำมันทั้งสองอย่างจะเป็นไรไป” เสียงงัวเงียของคนพึ่งตื่นนอนดังขึ้นจากด้านหลัง พี่โนขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ปิดปากหาวอย่างคนไม่ตื่นดี “ถึงตอนนี้ฉันจะรำคาญ แต่ถ้าอนาคตไม่รำคาญก็เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอาร์ตไม่ใช่เหรอ แถมอาร์ตมีเวลาจำกัด อีกไม่กี่อาทิตย์ก็ต้องกลับไปเรียนต่อแล้ว ปล่อยให้ทำอะไรที่อยากทำเถอะ” พี่โนพูดเหมือนให้ความหวังผมนะ แต่ครึ่งประโยคหลังถือเป็นการเอาความจริงลูบหน้า ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย ผมต้องกลับไปเรียนต่อ ส่วนพี่โนก็จะเริ่มทำงานเวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกันจะน้อยลง “โนก็พูดถูก...งั้นรีบทำคะแนนนะน้องรัก” พี่แอลเลื่อนมือมาตบไหล่ผมเป็นเชิงให้กำลังใจ ดูเหมือนพี่แอลก็จะบอกว่าเวลาผมมีจำกัดเหมือนกัน “งั้นเราแวะวัดสักวัดทำบุญดีกว่า อาจจะกลับดึกหน่อย แต่หลังจากนี้จะได้ใช้เวลาตามอยากได้” ผม กับพี่โนพยักหน้าตอบรับ พวกผมใช้เวลาทำบุญในวันครึ่งชั่วโมง ผมแอบขอพรให้พี่โนอยากอยู่กับผมเร็ว ๆ ด้วยล่ะ อย่าบอกเขานะ “พี่โน กับพี่แอลจะทำงานอะไรกันเหรอฮะ” ผมถามขึ้น ทำลายความเงียบในห้องโดยสาร “พี่คงทำงานซักบริษัทหนึ่ง ส่วนโนจะไปทำฟรีแลนซ์สักงาน เตรียมต่อปริญญาโท” “พี่โนจะต่อที่ไหน” ผมหันไปถามพี่โนทันที “พี่ยังไม่รู้ แต่คงไม่ใช่ในไทยหรอก” “เอาประเทศผมไว้ในตัวเลือกพี่ด้วยนะ” ผมรีบเสนอทันที คนมือหนักจากเบาะคนขับตบเข้าเต็มหัวผม พี่แอลมองผมอย่างหมั่นไส้ ถึงแม้ผมจะมึนขนาดไหน ผมยังคงแลบลิ้นปลิ้นตาท้าทายอำนาจมืด “ไอ้เด็กนี่” ถ้าพี่แอลไม่ได้ขับรถอยู่ ผมว่าไม่มือก็เท้าต้องปะทะกับผมล่ะ แต่ตอนนี้ปะทะได้แต่ฝีปากไง ผมกับพี่แอลเถียงกันตลอดทางจนถึงบ้าน...ถึงบ้านเลยจริง ๆ ข้าวเย็นก็ไม่ได้กิน แต่ทุกคนก็เหนื่อยเกินกว่าจะไปหาอะไรกินในตอนนี้ ม๊า และน้านายด์เปิดไฟหน้าบ้านไว้ให้พวกผม ผู้ใหญ่ทั้งสองน่าจะหลับกันหมดแล้ว เพราะเกือบเที่ยงคืนแล้ว “พี่แอล” ผมเรียกพี่แอลไว้ก่อนพี่แอลจะเข้าห้อง ผมเห็นพี่โนนอนกอดหมอนข้างอยู่ในห้อง ดูเด็กจริง ๆ “พี่โนจะกลับบ้านวันไหน พี่เขาแค่มาเที่ยวกับพี่นี่” พี่แอลมองผมก่อนหันไปมองพี่โน “โนไม่กลับบ้านหรอกนะ แต่น่าจะกลับห้องพักมากกว่า พี่ก็ลืมถามเหมือนกันพรุ่งนี้ค่อยถาม” พี่แอลตัดบทผม ก่อนจะได้พูดอะไรประตูก็ปิดใส่หน้าผมแล้ว ผมจึงได้แต่เข้าห้องไปนอนอย่างจำยอม พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน ... “พี่โนกลับห้องพักไปแล้ว!?” ยามเช้าผมเดินลงมาเจอแต่พี่แอล และข่าวที่พี่แอลบอกผมทำเอาผมตื่นเต็มตา “ทำไมพี่ไม่ปลุกผม!” พี่แอลไม่ตอบผม ทำให้ผมสังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่าง “...พี่โนก็ไม่บอกพี่เหรอ” “ไม่ใช่ ไอ้เด็กเวรนั่นมันมา โนเลยต้องกลับไปช่วยดูแล...ไอ้ครอบครัวxxx” พี่แอลสบถคำหยาบที่ไม่สามารถออกสื่อได้ออกมา จากตกใจการเป็นสงสัยไปเสียแล้ว “พี่แอลบอกวิธีเดินทางไปห้องพักพี่โนให้ผมหน่อยสิ” ผมวิ่งเข้าห้องน้ำ และตะโกนบอกพี่แอล ผมไม่อยากเอาเวลาที่ควรได้อยู่ด้วยกันมานั่งหงุดหงิดแบบพี่แอล อย่างที่พี่โนเคยบอก...ผมมีเวลาจำกัด เมื่อผมออกมา ผมเจอคนที่พร้อมกว่าผมพี่แอลสตาร์ทรถรอผมไว้แล้ว ผม และพี่แอลเดินทางไปห้องพี่โน มันเป็นโรงแรมห้าดาว ที่เห็นวิวสวย การตกแต่งดูหรูหรา ดูเหมือนว่าพี่โนจะไม่ใช่คนทั่วไปซะแล้ว แต่พี่แอลกลับเบะปาก สีหน้าดูรังเกียจที่นี่เป็นที่สุด “ที่นี่มันกรงขังอาร์ต ผู้บริหารเฮงซวย” พี่แอลพูดโดยไม่ได้ลดเสียงลงเลย ผมรีบตะปบปากพี่แอล และพาเดินเข้าไปหาพนักงานต้อนรับ “มาหาพี่สาวครับ” ผมปล่อยให้พี่แอลติดต่อกับพนักงานไป สักพักพนักงานก็พาพวกเรามานั่งที่ห้องรับรอง พี่แอลยิ่งมีสีหน้าไม่พอใจยิ่งขึ้นไปอีก “พี่แอลเป็นอะไร” “เรากำลังเจอกับเด็กXXX” ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่แอลด่าใคร แต่เท่าที่ฟังดูเหมือนพี่แอลจะไม่ชอบคนคนนั้นมาก ๆ สักพักประตูห้องรับรองก็เปิดออกพร้อมพี่โนที่เข้ามากับผู้ชายคนหนึ่ง ผมสีควันบุหรี่เซตทรงอย่างดี ดวงตาสีน้ำผึ้ง ผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาด้วยท่าทางหงุดหงิดที่หงุดหงิดยิ่งกว่าพี่แอล “พวกนายมารบกวนเวลาของฉัน” เสียงตวาดดังก้องห้อง ผมยังประมวลผลสถานการณ์ตรงหน้าได้ไม่ดีหนัก “นายก็มากวนเวลาของฉันเหมือนกัน ฉันมาหาโน นายมาทางไหนกลับไปทางนั้นซะ” พี่แอลเองก็ตวาดกลับ เมื่อคนหัวร้อนสองคนมาเจอกัน ความร้อนระอุก็เริ่มปะทุความดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ พี่โนมองสถานการณ์ตรงหน้าเหมือนต้นไม้ที่ไม่ไหวติง ผมขยับเข้าไปหาพี่โน แต่ร่างสูงใหญ่ของคนที่กำลังจ้องตากับพี่แอลอยู่ก็มาบดบังเส้นทางของผมเสียมิด “นายเป็นใคร มีธุระไรกับโน” เสียงห้วนดังขึ้น ผมกับอีกฝ่ายมีส่วนสูง และรูปร่างที่ใกล้เคียงกันท่าทางคุกคามตรงหน้าจึงไม่มีผลกับผมมากนัก “ผมมีธุระอยากคุยกับพี่โนน่ะครับ” ผมตอบอีกฝ่ายอย่างสุภาพ ผมไม่รู้สถานะของอีกฝ่ายทำให้ผมต้องตอบอย่างเป็นกลาง “พวกนายให้พนักงานมาบอกพวกฉันว่าอยากเจอ เจอแล้วนี่ กลับไปได้แล้ว” ผมอ้าปากค้างกับการกระทำนี้ ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน ทำไมทำตัวหยาบคายได้ขนาดนี้ “นายไม่มีสิทธิ์จะมาสั่งน้องชายฉัน” พี่แอลเข้าไปผลักตัวชายแปลกหน้า ดูเหมือนสองคนนี้เขาจะรู้จักกัน “พวกเราต้องการคุยกับพี่โนครับ” ผมรั้งพี่สาวไว้ และมองสบตากับอีกฝ่าย ชายคนนั้นหันไปมองพี่โน และหันมายิ้มเยาะพวกผม “พวกนายยังเล่นแสดงละครเป็นครอบครัวที่เป็นห่วงเป็นใยกันอยู่เหรอ รู้อยู่เต็มอกว่าครอบครัวมันมีได้แค่ครอบครัวเดียว เป็นแค่เพื่อนอย่ามายุ่งวุ่นวายกับพวกเรามากนักเลย ตอนนี้มันเวลาของคนในครอบครัว” ผมค้าง และกำลังประมวลผลคำพูดนั้น แต่พี่โนมือไวกว่าสมอง ฟาดลงไปบนใบหน้านั้นเต็มแรง เพียะ ผมรู้สึกเหมือนฉากในการ์ตูนที่จะมีมุมบน มุมข้าง มุมหน้า มุมหลัง ค้างไว้ให้คนโดนกระทำประมวลผล ผมรีบดึงพี่สาวออกห่างจากอีกฝ่ายทันที พี่โนยังคงนิ่งไม่ไหวติงราวกับเรื่องตรงหน้าไม่ใช่เรื่องของพี่โน พี่โนเป็นอะไร? “ก็เพราะครอบครัวแบบนายมันเฮงซวยยังไงล่ะ โนถึงได้มีคนอย่างฉันเป็นครอบครัวที่ดีกว่านาย ครอบครัวต้องประกอบด้วยสมาชิกที่สร้างความสบายใจให้กัน...มันมีทั้งครอบครัวที่เลี่ยงไม่ได้ กับครอบครัวที่สร้างขึ้นได้ ครอบครัวอย่างนายโนไม่อยากอยู่ร่วมด้วยนานนักหรอก” “พี่แอลใจเย็น ๆ” พี่แอลดิ้นในอ้อมแขนผมแรงมาก จนผมจะรั้งไม่อยู่ คนแปลกหน้าเองก็เดือดดาลกับคำพูดพี่แอลพอกัน อีกฝ่ายมุ่งเข้ามาจนผมต้องรีบปกป้องพี่สาวตัวเอง พลั่ก...โครม กำปั้นใหญ่ของผู้ชายพุ่งเข้าใส่พวกผม ผมเอาแขนขึ้นมาป้องกันพี่แอล เตรียมรับความเจ็บปวด แต่นอกจากเสียงของหนักที่กระแทกพื้นแล้วพวกผมก็ไม่เป็นอะไรเลย ผมมองไปที่ชายอารมณ์ร้อน ใบหน้าของอีกฝ่ายแดงก่ำด้วยความโกรธ แต่สีหน้าดูตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า ผมหันไปหาต้นเสียง พี่โนนอนล้มอยู่บนพื้นและกำลังยันตัวขึ้นนั่ง ตรงมุมปากมีเลือดไหลออกมา “ไอ้เนม” เมื่อพี่แอลเห็นพี่โนที่ล้มไปกองบนพื้น พี่แอลโวยวายหนักกว่าเดิม ร่างในอ้อมแขนผมจะพุ่งตัวไปหาคนที่ชื่อเนมเต็มที่ ผมที่อยากไปดูอาการพี่โนจึงจำเป็นต้องรั้งพี่ตัวเองไว้ก่อน “พี่แอล พี่ต้องไปดูพี่โนก่อน พี่โนเจ็บนะพี่ อย่าพึ่งเพิ่มคนเจ็บเลยนะ” ผมพยายามลากพี่แอลเข้าไปหาพี่โน แต่มีคนไวกว่าผม คนออกหมัดพุ่งตัวเข้าไปอุ้มพี่โน และเดินออกไปทันที ทิ้งให้ผมอยู่กับพี่แอลสองคน เห็นแบบนั้นพวกผมจึงวิ่งตามไป และแทรกตัวเข้าไปในลิฟต์ตัวเดียวกันทัน “พี่โนเจ็บไหมครับ” ผมขยับเข้าไปหาพี่โน แต่คนที่อุ้มพี่โนอยู่กลับเอาตัวมาบังผม กันผมออกห่างจากพี่โนเต็มที่ อีกฝ่ายคงเป็นใครสักคนในครอบครัวพี่โน ผมโกรธที่อีกฝ่ายทำให้พี่โนเจ็บ แต่หมัดนั้นไม่ได้เล็งพี่โน แต่เล็งคนปากเจ็บแบบพี่แอล ตอนนั้นที่ผมเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายตอนปล่อยหมัด เขาดูตกใจ...และผมว่าผมเห็นแววตาที่วูบไหวด้วยความรู้สึกผิดนั้นด้วย ความโกรธที่ผมรู้สึกมลายหายไป แต่ผมก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง แต่ทำไมอีกฝ่ายต้องอุ้มพี่โนท่าเจ้าสาวด้วย...ผมอิจฉาอะ “ปวดนิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย อาร์ตกับแอลอยากกินอะไรไหม” เสียงพี่โนดังลอดออกมาจากกำแพงมนุษย์ น้ำเสียง และท่าทางดูไม่เหมือนคนที่พึ่งโดนต่อยเลย “ได้” พี่แอลตอบโดนไม่รอความเห็นผม พร้อมกับมองเนมตาขวาง “พี่แอล สองคนนั้นเป็นอะไรกันน่ะ” ผมกระซิบถามพี่แอล “ไอ้นี่คือน้องชายของโน” พี่แอลตอบเสียงแข็ง เนมเองก็หันมายิ้มเยาะพี่แอลเมื่อพี่แอลพูดว่าน้องชายเหมือนกัน ผมไม่เข้าใจการกระทำของคนแปลกหน้าคนนี้เท่าไหร่นัก ดูเหมือนการเป็นน้องชายของพี่โนสำหรับเนมคือการแสดงอำนาจในการถือครองพี่สาวหรือเปล่า...หรือว่าเนมแอบรักพี่โนความสัมพันธ์ต้องห้ามเหรอ ผมเครียดทันทีกับข้อสรุปของตัวเอง งั้นคนนี้ก็เป็นศัตรูหัวใจผมงั้นเหรอ ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ควรได้สิทธิ์นั้น แต่คนตัดสินใจคือพี่โนนะ ผมอยากแย่งพี่โนมาอุ้มจัง ลิฟต์ส่งเสียงเตือนเรียกให้ผมออกจากภวังค์ ผม และพี่แอลเดินประกบเนมทันทีเพื่อกันอีกฝ่ายสลัดพวกผมทิ้งระหว่างเดินเข้าห้อง แต่ผิดคาดชั้นที่เปิดให้พวกผมคือเพนท์เฮ้าส์ทำให้ผมรู้ตัวว่าได้ขึ้นลิฟต์ส่วนตัวขึ้นมาซะแล้ว พี่โนโดนวางไว้บนโซฟากลางห้อง เมื่อเนมผละออกไปเอากล่องยาทำแผล ผม และพี่แอลรุกเข้าไปดูอาการพี่โนทันที รอยช้ำปรากฏให้เห็นที่ซีกแก้มขาว ผมมองรอยช้ำนั้นอย่างไม่ชอบใจ ประคองหน้าพี่โนให้มองสบตาผม “คราวหน้าอย่าเอาตัวมาขวางแบบนี้อีกนะครับ” ผมบอกอย่างเป็นห่วง เกลี่ยนิ้วที่รอยช้ำอย่างเบามือที่สุด “ไม่” พี่โนปฏิเสธอย่างไม่สนใจความเป็นห่วงของผม ข้อมือผมถูกดึงออกด้วยมือของเจ้าของห้องอีกคน “อย่ามาแตะต้องสมบัติของฉัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD