ตอนที่6 เรื่องบังเอิญ=พรหมลิขิต
คนสองคนโคจรมาพบกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ..แต่มันคือพรหมลิขิต
หลังจากวันนั้นเซิร์ฟก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของแพรไหมตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน จะห่างกันแค่ช่วงกลางวันที่ต่างคนต่างไปเรียนหนังสือ ชีวิตของเด็กสาววัย 14 ปีที่แสนธรรมดาเริ่มมีสิ่งแปลกใหม่ที่แสนพิเศษเข้ามาในชีวิตทุก ๆ วันและมีโอกาสออกไปเรียนรู้โลกกว้างที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัส
วันหยุด
รถยนต์คันหรูวิ่งมาจอดหน้าบ้านหลังเล็กอย่างเช่นทุกวันทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุด เซิร์ฟในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนขายาวแบรนด์ดัง สวมรองเท้าผ้าใบสีขาวรุ่นยอดฮิตเดินเข้ามาภายในบริเวณบ้าน
“คุณน้าสวัสดีครับ” มารยาทไทยที่ผู้เป็นย่าพร่ำสอนไม่เคยหายไปจากชายหนุ่มแม้จะเรียนโรงเรียนอินเตอร์ตั้งแต่เด็ก
“มารับน้องเหรอลูก”
“ครับ น้องยังไม่ออกจากห้องเหรอครับ” เซิร์ฟเอ่ยถามแม่ของเด็กสาวที่กำลังนั่งเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำขนมอยู่เฉลียงหน้าบ้าน
“ยังเลยลูก”
“งั้นผมขอเข้าไปนั่งรอน้องด้านในนะครับ” ปกติเซิร์ฟได้รับอนุญาตให้เข้าออกบ้านนี้ได้ตลอดแต่ทุกครั้งชายหนุ่มจะขออนุญาตตลอด
“น้าว่าเซิร์ฟเดินเข้าไปเคาะประตูเรียกเลยดีกว่า น้าได้ยินเสียงเล่นกีตาร์มาสักพักแล้วน่าจะแต่งตัวเสร็จแล้ว”
“ครับ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาภายในบ้านและหยุดอยู่ที่หน้าห้องของเด็กสาว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“น้องแพรเสร็จยังครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนที่อยู่ด้านใน
“เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวแพรออกไป” เสียงเล็กตะโกนแข่งกับเสียงกีตาร์ที่เจ้าตัวกำลังเล่นอยู่ออกมาจากด้านใน เมื่อได้ยินดังนั้นเซิร์ฟก็เดินกลับมานั่งรอที่โซฟาเพราะคำว่าเดี๋ยวของแพรไหมน่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 นาที
10 นาทีผ่านไป
“มาแล้วค่ะ” เด็กสาวในชุดเสื้อยืดสีขาวสั้นพอดีตัวกับกระโปรงยีนเหนือเข่าเดินสะพายกระเป๋าออกมาจากห้อง ผมหน้าม้าทิ้งตัวลงมา จนเกือบปิดดวงตาคู่สวย ผมด้านหลังถูกปล่อยยาวสยายเต็มแผ่นหลังเสริมให้เด็กน้อยวัย14 ปีดูโตเป็นสาวแรกแย้ม บวกกับการแต่งตัวที่น่ารักสมวัย
“วันนี้แต่งตัวน่ารักจังครับ” สายตาคมไล่สำรวจใบหน้าหวาน เลื่อนมาถึงลำคอระหงนวลเนียน จนชายหนุ่มถึงกับอดชื่นชมไม่ได้
“แพรก็น่ารักทุกวันแหละค่ะ” แพรไหมไม่ปฏิเสธคำชมของชายหนุ่มแถมยังพูดยืนยอความน่ารักของตัวเองเพื่อแก้เขิน
“ครับข้อนี้พี่ไม่เถียง”
“ถึงเถียงก็สู้ไม่ได้เพราะหลักฐานมันโชว์เด่นอยู่ตรงหน้าค่ะ” ร่างบางหมุนโชว์ตัวผมยาวสลวยสะบัดไปตามแรงหมุน แขนเล็กสองข้างยกขึ้นเหนือหัวทำท่าเหมือนตอนเจ้าหญิงในนิยายเต้นรำ เสื้อสีขาวตัวเล็กเลิ่กขึ้นเหนือสะดือโชว์หน้าท้องเรียบเนียนไร้ไขมันส่วนเกิน
“โอเคครับไม่เถียงแม้แต่น้อย พี่ว่าไปกันเถอะครับเดี๋ยวจะไม่ทันดูคอนเสิร์ตนะ” แพรไหมเดินไปหยิบรองเท้าคู่โปรดเป็นคู่ที่ชายหนุ่มซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดที่ผ่านและเป็นรองเท้าของทั้งสองเพราะเซิร์ฟซื้อมาอีกคู่ที่เหมือนกันและเป็นคู่ที่ใส่มาวันนี้ด้วย
“สวัสดีค่ะคุณน้า” วันนี้น้าชายของเซิร์ฟทำหน้าที่ขับรถให้เพราะพ่อของชายหนุ่มนั้นติดธุระสำคัญ
“สวัสดีครับสาวน้อย วันนี้น้าจะพาซิ่งนะครับ” น้าชายวัยสามสิบปลาย ๆ พูดจากันอย่างสนิทสนมกับเด็กสาว
“โอเคค่ะ แพรพร้อมแล้วค่ะ” เด็กสาวรัดเข็มขัดนิรภัยและจัดท่านั่งเรียบร้อยก็เอ่ยส่งสัญญาณให้คนขับออกรถได้
“ซ่าส์จริง ๆ นะเราลืมตัวไปหรือเปล่าว่าตัวเองเป็นผู้หญิง” ใบหน้าคมเอี้ยวตัวหันไปเอ่ยแซวเด็กสาวที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“อย่าดุสิคะพี่ชาย” เสียงหวานบอกกับชายหนุ่มพร้อมส่งยิ้มกว้างผ่านกระจกมองหลังจนเซิร์ฟถึงกับพูดต่อไม่ออก
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พูดไม่ออกเลยสิหลานชาย” เสียงหัวเราะร่าของน้าชายเมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งนิ่ง สายตาคมยังเหล่มองกระจกมองหลังอยู่ตลอด
“ตั้งใจขับรถไปเลยครับ ถ้าขับไม่ดีผมจะฟ้องแม่”
“แกพาลน้านี่หว่า รู้ว่าสู้ไม่ไหวทีหลังอย่าริอ่านไปดุสาวน้อยของน้า” เหมือนเซิร์ฟกำลังโดนสองรุมหนึ่งจนต้องนั่งนิ่งเพราะขนาดแค่แพรไหมคนเดียวก็สู้ไม่ไหวแล้ว
ห้างสรรพสินค้าชื่อดังเมืองขอนแก่น
“น้านั่งรออยู่แถวนี้ ดูคอนเสิร์ตเสร็จโทรหาน้าแล้วกัน” เมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงห้างดังก็ใกล้เวลาประตูหน้างานคอนเสิร์ตของศิลปินดังกำลังจะเปิดให้เข้าไปด้านในพอดี
“ครับ”
“น้องแพรเราเข้าไปข้างในกันครับเพื่อนที่รออยู่ที่หน้าประตูทางเข้าแล้วครับ” มือหนายื่นมาจับข้อมือเล็กเดินจูงมือเข้าไปด้านในโซนที่มีการจัดแสดงคอนเสิร์ต
“โห..น่ารักกว่าที่คิดไว้อีก/น่ารักเชี่ย ๆ /น่ารักฉิบหาย” เสียงอุทานออกมาของกลุ่มเพื่อนอย่างไม่ได้นัดหมายเมื่อเห็นเด็กสาวเดินจูงมือมากับชายหนุ่ม
“สวัสดีค่ะ” มือเล็กทั้งสองข้างยกขึ้นไหว้เพื่อนของชายหนุ่มอย่างมีมารยาท
“สวัสดีครับ น้องแพรใช่ไหมครับ” แซมหนึ่งในกลุ่มเพื่อนทักทายเด็กสาวอย่างเป็นมิตร
“ใช่ค่ะ” รอยยิ้มหวานถูกส่งออกไปพร้อมกับคำตอบจนทุกคนร้องอุทานออกมาพร้อมกันอีกครั้ง
“เชี่ย!!! ไอ้เซิร์ฟที่ผ่านมามึงทนได้ไงวะ” แพรไหมถึงกับหน้าเสียที่ได้ยินดังนั้น
“ยิ้มน่ารักฉิบหาย แถมมีลักยิ้มอีกต่างหาก” แพรไหมที่ยืนหน้าเสียเมื่อสักครู่นั้นถึงกับเปลี่ยนเป็นหน้าแดงขึ้นมาแทน
“ทนไม่ได้ก็ต้องทนให้ได้นี่หว่า เข้าไปข้างในกันเถอะคอนเสิร์ตจะเริ่มแล้ว”
ผู้คนมากมายต่างพากันเดินเข้าไปด้านในฮอลล์ที่ใช้เป็นสถานที่จัดงาน บ้างก็เดินมาเป็นคู่ บ้างก็มาเป็นกลุ่มแก๊งเพื่อน เด็กวัยรุ่นต่างจังหวัดที่ไม่ค่อยได้สัมผัสการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินดัง ๆ แบบนี้บ่อยนัก แต่เมื่อมาจัดแสดงทีก็ได้การตอบรับอย่างดีทุกครั้ง
“น้องแพร ขยับขึ้นมายืนด้านหน้าพี่ครับ” แขนแกร่งโอบเอวคอดของเด็กสาวออกแรงดันให้ขยับขึ้นมายืนด้านหน้าและหันไปสั่งให้เพื่อน ๆ ยืนประกบซ้ายขวา เพราะคอนเสิร์ตคนค่อนข้างยืนเบียดกันจึงต้องให้ยืนกันไว้กลัวจะโดนเบียดจนล้ม
“คนเยอะมากเลยนะคะ” แพรไหมแหงนหน้าคุยกับชายหนุ่ม ด้วยความสูงที่ห่างกับเกือบยี่สิบเซนค่อนข้างเป็นอุปสรรค คนตัวเล็กดูตื่นเต้นที่จะได้เจอศิลปินที่ชื่นชอบและตื่นเต้นที่คนมาดูคอนเสิร์ตเยอะมากมายขนาดนี้เหมือนกัน นี่ก็เป็นประสบการณ์ใหม่ที่เด็กสาวได้รับ
“ถ้าจัดตอนกลางวันคนก็จะเยอะแบบนี้แหละครับ” เซิร์ฟตะโกนตอบข้างหูเด็กสาวเพราะเสียงข้างในค่อนข้างดังบวกกับบนเวลาที่กำลังมีการซาวด์เช็คอยู่
เด็กสาวมีความสุขกับการดูคอนเสิร์ตครั้งแรกและเป็นศิลปินที่เธอชอบด้วย คอนเสิร์ตที่จัดขึ้นกว่าสามชั่วโมงสร้างความสุขให้แพรไหมและตัวเซิร์ฟเองด้วย
“สนุกไหมครับน้องแพร” แซมเอ่ยถามขึ้นเมื่อทั้งหมดเดินออกมาด้านนอกฮอลล์แล้ว
“สนุกมากค่ะ” รอยยิ้มหวานที่เผยอยิ้มกว้างตลอดสามชั่วโมงที่ผ่านมา ณ ตอนนี้ยังไม่หุบยิ้ม
“ถ้ามีคอนเสิร์ตอีกพวกพี่จะพามาอีกนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“หิวหรือยังครับเราไปหาอะไรทานก่อนดีกว่า ไว้อีกครึ่งชั่วโมงพี่จะพาไปถ่ายรูปกับหนุ่ม” แซมเอ่ยบอกก่อนจะเดินนำทั้งหมดไปยังฟู้ดโซนเพื่อหาอะไรทานรองท้อง
“น้องแพรครับ สายรองเท้าหลุดครับ” เท้าเล็กหยุดชะงักก้มมองรองเท้าคู่เล็กของตัวเองก็พบว่าสายของรองเท้าข้างซ้ายของเธอนั้นหลุดออกจากกันไปกองอยู่ที่พื้น น่าจะเป็นตอนที่เดินเบียดออกมาแล้วมีคนเหยียบเท้าเธอ
“เดี๋ยวพี่ผูกให้ครับ” เซิร์ฟนั่งคุกเข่าลงกับพื้นตรงหน้าเด็กสาว มือเรียวยาวผูกสายรองเท้าอย่างชำนาญและไม่ลืมหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาเช็ดรองเท้าตรงจุดที่เปื้อน ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา
“พี่เซิร์ฟทำอะไรคะ” เสียงเล็กร้องถามอย่างตกใจ
“รองเท้าน้องแพรเปื้อนครับพี่เลยเช็ดให้” ชายหนุ่มลุกขึ้นมาตอบคำถามสีหน้าเรียบเฉยแบบปกติ
“ไม่เห็นต้องเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลยนี่คะ มันเปื้อนก็แค่ซักใหม่เท่านั้นเอง”
“เดี๋ยวกลับไปพี่เอาไปซักให้ใหม่ครับ”
“กูหิวข้าวมึงจะทำคะแนนอีกนานไหม ไปครับน้องแพรอย่าไปฟังไอ้เซิร์ฟมันมาก มันกำลังคลั่งรักก็เป็นแบบนี้แหละครับ”
“น้องแพรทานอะไรครับ” เมื่อทั้งหมดเดินมาถึงฟู้ดโซนที่ร้านอาหารต่าง ๆ เต็มไปด้วยผู้คนที่ต่อแถวยาวเหยียดรอซื้ออาหาร
“แพรอยากทานสุกี้ร้อน ๆ ค่ะเห็นด้านโน้นมีขายเดี๋ยวแพรเดินไปซื้อก่อนนะคะ” พูดจบเด็กสาวก็เดินตรงไปยังร้านที่เธอหมายตาไว้ตั้งแต่เดินเข้ามา
“มึงจะกินอะไรไอ้เซิร์ฟ”
“สุกี้” เซิร์ฟตอบแบบไม่ลังเล
“ไอ้ห่าคิดเองไม่เป็น มึงจะเดินตามน้องเขาตลอดเวลาแบบนี้ไม่ได้เดี๋ยวน้องเขาจะอึดอัดเอา” แซมเอ่ยเตือนเพื่อนเพราะรู้ดีว่าเซิร์ฟนั้นไม่ชอบอาหารประเภทต้ม จะกินก็แต่ซุปที่ใช้เวลาเคี่ยวหรือตุ๋นนาน ๆ เท่านั้น
“มึงไม่เห็นเหรอว่าคนเยอะ เดี๋ยวแพรโดนเบียด” พูดจบเซิร์ฟก็เดินสาวเท้ายาวไปยังร้านอาหารที่เด็กสาวยืนต่อแถวรอสั่งอาหารอยู่
“เออ เอาที่มึงสบายใจซื้อมาแดกด้วยนะไอ้ห่า” เสียงแซมตะโกนด่าตามหลัง
“อ้าวพี่เซิร์ฟจะทานทำไมไม่บอกแพรล่ะคะ แพรจะได้ซื้อไปให้ด้วย” เด็กสาวหันมาพูดกับชายหนุ่มที่เดินมาต่อแถวด้านหลังเธอ
“พี่พึ่งนึกได้ว่าอยากกินพอดีครับ”
“หนูเอาอะไรลูก” เสียงแม่ค้าตะโกนถามเมื่อถึงคิวของเด็กสาว
“หนูเอาสุกี้หมูน้ำขอน้ำแบบขลุกขลิกค่ะ” เสียงใสตะโกนสั่งแบบที่เธอชอบทาน
“แล้วพ่อหนุ่มล่ะลูกเอาแบบไหน”
“ผมเอาสุกี้หมูแห้งผัดน้ำ ไม่ใส่ขึ้นฉ่ายแต่ใส่โหระพาแทนครับ” แม่ค้าถึงกลับเงยหน้ามองเมื่อได้ยินเมนูที่ชายหนุ่มสั่ง
“หนูสองคนมาด้วยกันใช่ไหมลูก” เจ้าของร้านถามกลับ
“ครับ”
“โอเควันข้างหน้าแต่งงานกันไปก็คงเข้ากันได้ดีไม่มีปัญหาอะไร ชอบกินอะไรที่มันทำยาก ๆ เหมือนกัน รอป้าสักครู่นะป้าจะทำให้อย่างที่สั่งเป๊ะเลยจะได้เอาไปพูดกับลูกกับหลานว่าตอนที่จีบกันใหม่ ๆ เคยมากินสุกี้ร้านป้าแล้วสั่งป้าแปลก ๆ แต่ป้าก็ทำอร่อยมาก” หลังป้าพูดจบทั้งสองหันมองหน้ากัน
“ป้าเขาไม่ได้ด่าเราใช่ไหมคะ” ปากอวบทำปากขมุบขมิบกระซิบพูดกับชายหนุ่ม
“เปล่าหรอกครับ ป้าแกแค่แซวเล่นเท่านั้นเอง”
“เฮ้อ! ค่อยยังชั่วนึกว่าจะโดนด่าที่สั่งไปแบบนั้นซะอีก”
“ได้แล้วจ้ะลูก ของน้องผู้หญิงสุกี้น้ำแต่เอาน้ำแค่พอขลุกขลิก ส่วนจานนี้ของน้องผู้ชายสุกี้แห้งแต่สั่งผัดน้ำไม่เอาขึ้นฉ่ายให้ใส่โหระพาที่ป้าขอร้านข้าง ๆ มาใส่ให้..ทานให้อร่อยนะลูก” เมนูพิเศษที่เจ้าของร้านตั้งใจทำให้ถูกยกมาเสิร์ฟร้อน ๆ
“ขอบคุณครับ” เซิร์ฟขอบคุณแล้วจ่ายเงินยังไม่ลืมหันไปขอบคุณร้านอาหารตามสั่งข้าง ๆ ที่ให้โหระพามาด้วย
“ทานให้อร่อยนะลูก น้องผู้หญิงยิ้มน่ารักมากเลยขอให้รักกันนาน ๆ นะ” น้าเจ้าของร้านหันมายิ้มให้และอวยพรให้ทั้งสอง
“ไหนสุกี้มึงไอ้คุณชาย” แซมหันไปถามเซิร์ฟเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินถือจานมาแต่ไกล แต่ไม่ทันมองว่าในจานนั้นเป็นสุกี้แห้งที่สั่งร้านทำแบบพิเศษมา
“ก็ในจานนี่ไง” เซิร์ฟวางจานในมือลงพร้อมกับสายตาทุกคนมองมาที่จานและชามของเซิร์ฟและแพรไหม
“น้องแพรก็ชอบทานสุกี้แห้งเหมือนกันเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ แพรสั่งสุกี้น้ำแต่เอาแบบขลุกขลิกใส่น้ำนิดเดียวค่ะ”
“กูเข้าใจแล้ว โลกมักจะเหวี่ยงคนเหมือนกันมาเจอกัน” แซมพูดขึ้นเมื่อมองพินิจพิเคราะห์อาหารของทั้งสอง
“ทำไม”
“ก็ไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนกันไง อีกคนสั่งสุกี้แห้งแต่ผัดด้วยน้ำแถมใส่โหระพา อีกคนสั่งสุกี้น้ำแต่น้ำแทบไม่มีสักหยด..มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เพราะมันคือพรหมลิขิต”