ตอนที่4 ดิกชันนารีส่วนตัว

1947 Words
ตอนที่4 ดิกชันนารีส่วนตัว โลกมักจะมีเรื่องเซอร์ไพรส์เราเสมอ แพรไหมรับขนมและน้ำผลไม้มานั่งทานเงียบ ๆ อยู่เบาะนั่งด้านหลัง ขนมปังร้านเบเกอรี่ชื่อดังที่นานครั้งเด็กสาวจะมีโอกาสได้ทานเพราะแถวโรงเรียนเธอไม่ได้มีห้างสรรพสินค้าใหญ่โตที่จะมีร้านขนมดัง ๆ มาเปิดขาย มีเพียงร้านขายของชำและสหกรณ์ร้านค้าภายในโรงเรียนที่ขายขนมราคา 5 บาท 10 บาท ที่เหมาะสมกับกำลังซื้อของนักเรียนที่ผู้ปกครองไม่ได้มีกำลังทรัพย์ให้เงินค่าขนมมาโรงเรียนมากมายนัก “อร่อยไหมครับ” “อร่อยค่ะ ขอบคุณนะคะ” “ทิชชูครับ” ชายหนุ่มยื่นกระดาษทิชชูสีขาวแผ่นใหญ่ให้เด็กสาว ขณะที่มือเล็กยื่นมารับ จังหวะนั้นรถที่วิ่งด้วยความเร็วพอสมควรตกหลุมถนนที่ชำรุดจังหวะนั้นมือทั้งสองจึงสัมผัสกันแบบไม่ตั้งใจ “ขอโทษครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ” “พ่อขอโทษนะพอดีมันมีน้ำขังพ่อมองไม่เห็นว่ามันมีหลุม” วสินเอ่ยขอโทษลูก ๆ ที่ขับรถตกหลุมโดยที่ไม่ได้ลดความเร็วลงส่งผลให้แรงกระแทกของล้อรถกับถนนสั่นสะเทือนแรง “ไม่เป็นไรค่ะ ถนนเส้นนี้ก็หลุมเยอะแบบนี้แหละค่ะ รถบรรทุกอ้อยบรรทุกมันสำปะหลังวิ่งเยอะ ทำใหม่แป๊บเดียวก็กลับมาพังเหมือนเดิม” แพรเอ่ยบอกออกไปน้ำเสียงปลงตกเพราะตั้งแต่เธอเกิดมาและจำความได้เธอก็เห็นถนนเส้นนี้เป็นหลุมเป็นบ่อตลอด ได้งบประมาณมาซ่อมก็ใช้งานได้แค่ไม่กี่ปีก็กลับมาพังเหมือนเดิม “ลุงไม่ค่อยได้วิ่งเส้นนี้สักเท่าไหร่เลยไม่ค่อยชิน แต่ต่อไปคงได้วิ่งบ่อย ๆ เดี๋ยวก็คงชิน” วสินพูดออกไปสายตาก็เหล่มองหน้าลูกชายที่นั่งนิ่งมองเด็กสาวสนทนากับผู้เป็นพ่อผ่านกระจกมองหลัง “คุณลุงจะเปลี่ยนมาวิ่งเส้นนี้เหรอคะ เส้นบ้านไผ่วิ่งเข้าขอนแก่นไม่ใกล้กว่าเหรอคะ” เด็กสาวที่สงสัยจึงเอ่ยถามไปเพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าเส้นทางไหนจะใกล้กว่ากัน แต่ถ้าเปรียบเทียบสภาพของถนนเส้นนั้นน่าจะสภาพดีกว่าเส้นนี้เยอะทีเดียว “พอ ๆ กันแต่ที่มาเปลี่ยนวิ่งเส้นนี้เพราะจำเป็นน่ะ อีกอย่างรถก็ไม่ติดด้วย” วสินแกล้งพูดแซวลูกชายก่อนเฉไฉไปเรื่องอื่นเมื่อมีสายตาอาฆาตของเซิร์ฟมองไปที่ผู้เป็นพ่อ “อ๋อค่ะ” “พ่อแวะส่งน้องแพรกับเซิร์ฟแล้วพ่อขอกลับบ้านไปเคลียร์งานต่อก่อนนะ แล้วเย็น ๆ พ่อจะกลับมารับ” วสินเอ่ยบอกเด็กทั้งสองเมื่อรถเคลื่อนมาจอดอยู่หน้าบ้านหลังเล็กของเด็กสาว “ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวยกมือไหว้ขอบคุณอย่างมีมารยาทก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายเปิดประตูลงจากรถ บรึ๊น…. เสียงรถเคลื่อนตัวออกไปเหลือเพียงเด็กสาวและชายหนุ่มที่จะมาทำหน้าที่เป็นติวเตอร์ให้เธอในวันนี้เดินสะพายกระเป๋ายืนอยู่บริเวณประตูรั้วหน้าบ้าน “เข้าบ้านก่อนค่ะ พ่อกับแม่น่าจะออกไปสวน” เด็กสาวหยิบกุญแจรั้วบ้านมาไขและเดินนำชายหนุ่มเข้าบ้าน “นั่งก่อนนะคะ เดี๋ยวแพรไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและหยิบน้ำมาให้” เด็กสาวเดินหายเข้าไปในห้องส่วนตัวและกลับมาออกมาในชุดกางเกงขาสั้นเสื้อยืดสีขาว เดินหายเข้าครัวออกมาพร้อมกับแก้วน้ำเปล่าในมือ “น้ำค่ะ” “ขอบคุณครับ” “วันนี้มีการบ้านวิชาอะไรบ้างครับ” เมื่อทั้งสองพร้อมที่จะเริ่มติวแล้วเซิร์ฟจึงเอ่ยถามขึ้นเพราะอยากติวให้เสร็จไว ๆ จะได้มีเวลาคุยเรื่องอื่นด้วยก่อนจะถึงเวลาที่ผู้เป็นพ่อกลับมารับ “วิชาภาษาอังกฤษเหมือนเดิมค่ะ วันนี้อาจารย์ให้ Sheet มาแต่แพรอ่านคำสั่งแล้วไม่เข้าใจ” เด็กสาวหยิบ Sheet ที่เป็นบททดสอบประจำบทเรียนออกมาจากกระเป๋า “หืม..นี่มันเป็น Test ระดับม.ปลายนี่ โรงเรียนนี้สอนภาษาอังกฤษยากขนาดนี้เลยเหรอ แล้วไม่ใช่โรงเรียนสองภาษาด้วยพี่ว่ายากเกินนะ งั้นพี่จะอ่านและอธิบายให้ฟังแต่ละพาร์ทแล้วกันแพรจะได้เข้าใจง่ายขึ้น” ชายหนุ่มหยิบแผ่นกระดาษในมือเด็กสาวขึ้นมาอ่านถึงกับร้องอุทานออกมาเพราะบททดสอบนั้นยากเกินไปสำหรับนักเรียนระดับม.ต้น “โอเคค่ะ” “คำสั่งข้างบนเขาบอกว่าให้อ่านบทสนทนาข้างต้นนี้แล้วตอบคำถามด้านล่างให้ถูกต้อง ให้แพรลองอ่านดูก่อนถ้าติดตรงไหนที่แปลไม่ได้เดี๋ยวพี่ช่วยแปลให้ฟัง” เด็กสาวอ่านบทสนทนาระหว่าง A กับ B อ่านมาถึงบทสนทนาที่สองก็เงยหน้าขึ้นถามชายหนุ่มเพราะเธอไม่เคยเห็นศัพท์คำนี้มาก่อน “คำนี้แปลว่าอะไรคะ” นิ้วเรียวเล็กชี้ไปที่คำศัพท์ตรงกลางประโยค “คำนั้นอ่านว่าคิวท แปลว่า..น่ารัก” เซิร์ฟอ่านและแปลความหมายให้ฟัง แต่น้ำเสียงจะเน้นตรงความหมายของคำเป็นพิเศษ ไหนจะสายตาที่มองมายังเด็กสาวอีก “อ้อค่ะ” “อ่านจบแล้ว ลองตอบคำถามด้านล่างดูครับ” “ตรงนี้เขาถามว่า A ชม B ว่าสวยใช่หรือไม่ ใช่หรือเปล่าคะ” แพรไหมอ่านประโยคแรกจบเมื่อไม่แน่ใจในคำถามจึงเงยหน้าขึ้นถามชายหนุ่ม จังหวะนั้นพอดีกับที่เซิร์ฟมองหน้าแพรไหมอยู่ก่อนแล้ว “ครับ แต่พี่ว่าน่ารักมากกว่า” เซิร์ฟตอบคำถามเสียงเบาเหมือนคนละเมอ ทั้งที่สายตายังไม่ได้มองประโยคที่หญิงสาวถามเลยด้วยซ้ำ “ก็ต้องตอบว่าไม่ใช่สิคะ เพราะในประโยคสนทนา A ชม B ว่าน่ารัก..ไม่ใช่สวย” แพรตั้งใจทำการบ้านจนแล้วเสร็จในเวลาครึ่งชั่วโมง โดยมีผู้ช่วยเป็นชายหนุ่มรูปหล่อที่อาสามาเป็นติวเตอร์ให้เธอในวันนี้ “เย้! เสร็จแล้ว” เด็กสาวร้องขึ้นเสียงดังด้วยความดีใจว่าการบ้านที่แสนยากระดับสิบของเธอนั้นเสร็จเรียบร้อยไปด้วยดี โดยมีดิกชันนารีส่วนตัวที่คอยแปลให้โดยไม่ต้องเสียเวลามานั่งเปิดหาเอง “หึ! ดีใจขนาดนั้นเชียว” “ก็ต้องดีใจสิคะ พี่เซิร์ฟรู้ไหมว่าถ้าแพรทำเองคนเดียวต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมงเพราะมัวแต่เปิดดิกชันนารีอยู่นั่นแหละกว่าจะเจอแต่ละคำ” ใบหน้าเล็กยิ้มแป้นด้วยความดีใจ รอยยิ้มเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้ปรุงแต่งช่างเชิญชวนชายหนุ่มตรงหน้าให้หลงใหล “ต่อไปไม่ต้องเปิดแล้วนะครับ เพราะน้องแพรมีดิกชันนารีส่วนตัวอยู่ตรงนี้แล้ว” เซิร์ฟพูดขึ้นทีเล่นทีจริงหยอกล้อเด็กสาว ก่อนที่แพรไหมจะเก็บ Sheet การบ้านใส่กระเป๋า “พรุ่งนี้ถ้าไม่มีการบ้าน น้องแพรไปเล่นบ้านพี่ไหมไปทานขนมฝีมือคุณย่าด้วย รับรองน้องแพรต้องติดใจอยากไปบ้านพี่ทุกวันแน่นอน” เซิร์ฟเอ่ยชวนหลังจากที่คิดอยู่นานว่าจะชวนดีไหมเพราะพึ่งรู้จักกันได้แค่สองวันกลัวว่าเด็กสาวจะอึดอัดเกินไป “แพรไปได้เหรอคะ” แพรไหมถามกลับน้ำเสียงตื่นเต้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างถามกลับชายหนุ่มเพื่อความแน่ใจ “ได้สิครับ ทำไมจะไปไม่ได้ล่ะเดี๋ยวรอคุณลุงกลับมาพี่จะขออนุญาตคุณลุงเอง” ถึงพ่อของเขาทั้งสองจะสนิทกันเมื่อจะพาลูกสาวเขาไปไหนมาไหนก็จำเป็นต้องขออนุญาตผู้ใหญ่ก่อนเสมอ “คุณย่าทำขนมอะไรบ้างคะ” เมื่อพูดถึงขนมไทยเด็กสาวถึงกลับตาโตถามออกไปน้ำเสียงตื่นเต้น “คุณย่าท่านทำเป็นหมดทุกอย่างครับ น้องแพรอยากทานขนมอะไร กลับไปเย็นนี้พี่จะบอกคุณย่าไว้ให้ครับ” ชายหนุ่มแอบอมยิ้มเมื่อเขานั้นกำลังมาถูกทาง สามารถพาเด็กสาวเข้าไปทำความรู้จักกับคนในครอบครัวมากขึ้นโดยเฉพาะผู้เป็นแม่นั้นยิ่งอยากเจอมากกว่าใคร “แพรอยากทานเม็ดขนุนที่ทำจากเม็ดขนุนจริง ๆ ไม่ใช่จากถั่วค่ะ” ขนมไทยสุดโปรดของเด็กสาวคือเม็ดขนุนที่เป็นแบบดั้งเดิมคือทำจากเม็ดขนุนแท้ ๆ แพรไหมอมยิ้มเมื่อนึกถึงรสชาติขนมที่เธอได้ลองทานเมื่อหลายเดือนก่อนแต่เมื่อถามผู้เป็นพ่อว่าเอามาจากไหนก็ได้รับคำตอบว่าเพื่อนพ่อเอามาฝาก เธอได้แต่ภาวนาว่าเพื่อนพ่อคนนั้นให้เป็นลุงวสินพ่อของชายหนุ่ม นั่นหมายความว่าพรุ่งนี้เธอจะได้ลิ้มรสขนมไทยแสนอร่อยแบบวันนั้นอีกครั้ง “ได้ครับ กลับไปเย็นนี้พี่จะบอกคุณย่าทำให้ทานพรุ่งนี้ รับรองความอร่อยเต็มสิบไม่หักแน่นอนครับ” ใบหน้าหล่อเหลาเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเมื่อพูดถึงคนเป็นย่าที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็กและเขาเองก็โตมากับรสชาติขนมไทยของคนเป็นย่าเช่นกัน “อือ..อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็ว ๆ จัง” ใบหน้าเรียวเล็กเผยอยิ้มจนเห็นฟันขาวที่เรียงตัวสวยเสริมให้ใบหน้านั้นน่ามองมากขึ้น ดวงตากลมโตกะพริบตาปริบ ๆ จินตนาการถึงขนมวันพรุ่งนี้ “หึ! ท่าทางจะชอบมากจริง ๆ” มือหนายื่นไปยีกลุ่มผมตรงกลางศีรษะทุยเล็กเบามืออย่างเอ็นดู “ขนมราคาแพง ๆ สมัยนี้ก็สู้ขนมไทยภูมิปัญญาชาวบ้านไม่ได้หรอกนะคะ” “อยู่โรงเรียนมีคนมาจีบเยอะไหมครับ” จู่ ๆ เซิร์ฟก็เปลี่ยนเรื่องทั้งที่ก่อนหน้ายังคุยเรื่องขนมอยู่ดี ๆ “ไม่มีหรอกค่ะแพรยังไม่คิดถึงเรื่องมีแฟนเอาไว้โตกว่านี้ก่อน ถึงจะเป็นรักใส ๆ ในวัยเรียนอย่างน้อยก็ขอให้ขึ้น ม.ปลายก่อน ขืนมีตอนนี้พ่อคงจะปวดหัวเพราะลูกสาวคนเดียวมีแฟนตอนอายุ 14 มีหวังกลายเป็นคนดังถูกพูดถึงไปทั่วหมู่บ้านแน่นอนค่ะ” เด็กสาวตอบคำถามพร้อมกับอธิบายเหตุผลยาวเหยียดจนคนที่ตั้งใจฟังถึงกลับเผยอยิ้มมุมปากพอใจในคำตอบ “พี่เซิร์ฟล่ะคะ มีสาว ๆ เยอะไหมที่โรงเรียน” “ถ้าที่โรงเรียนก็มีสาวเยอะนะครับ แต่พี่ไม่ได้ชอบสาวพวกนั้นหรอกครับ รอให้พี่โตรับผิดชอบตัวเองได้มากกว่านี้ก่อนอย่างน้อยก็ขอให้เข้ามหาวิทยาลัยก่อนถึงจะมีแฟน” “โห หน้าตาอย่างพี่เซิร์ฟไม่น่าโสดนะคะ สาว ๆ น่าจะมาตามจีบเยอะ” ปฏิเสธไม่ได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านั้นหน้าตาหล่อเหลาคมคายไร้ที่ติเป็นสเปคของสาว ๆ หลายคนเลยทีเดียว “ครับเยอะ แต่พี่ก็ไม่ได้โฟกัสตรงจุดนั้น พี่มีเป้าหมายของพี่แล้วครับ รอแค่เวลาที่เหมาะสมแค่นั้นเอง” เสียงทุ้มตอบออกไปขณะที่สายตาคมเข้มจ้องใบหน้าเรียวเล็กตลอดเวลา “เวลาที่เหมาะสม คือรอพี่เซิร์ฟเข้ามหาวิทยาลัยก่อนน่ะเหรอคะ หรือว่ารออะไร” เสียงหวานเอ่ยถามออกไปอย่างไร้เดียงสา “เหตุผลส่วนหนึ่งก็แบบนั้น แต่ที่สำคัญรอเขาโตก่อนครับ” “คนที่พี่เซิร์ฟชอบเขายังเด็กอยู่ยังเป็นแฟนกันไม่ได้ตอนนี้ใช่ไหมคะ” “ครับยังเป็นแฟนตอนนี้ไม่ได้ ตอนนี้เป็นได้แค่พี่ชายอีก 4 ปีข้างหน้าค่อยขอเป็นแฟนครับ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD