ตอนที่7 เหนือการควบคุม

1842 Words
ตอนที่7 เหนือการควบคุม ความรู้สึกมักอยู่เหนือการควบคุม ธรรมชาติสร้างสิ่งแปลกใหม่ให้เกิดขึ้นเสมอ เย็นวันอาทิตย์ หลังจากที่ทั้งสองไปเที่ยวด้วยกันตลอดทั้งวัน และก็ไปทานมื้อเย็นบ้านชายหนุ่มมา เซิร์ฟก็ขับรถมาส่งเด็กสาวที่บ้าน “น้องแพรครับ เราจะไม่ได้เจอกันอีกสองวันนะครับพรุ่งนี้พี่ต้องเดินทางไปสอบที่กรุงเทพฯ ประมาณสองวัน” เสียงทุ้มเอ่ยบอกเด็กสาวขณะที่ขับรถมาส่งที่บ้าน “พี่เซิร์ฟสอบอะไรเหรอคะ” เด็กสาวถามออกไปด้วยความสงสัยเพราะช่วงนี้ไม่ใช่เทศกาลสอบเข้ามหาวิทยาลัยและเซิร์ฟเองก็พึ่งเรียนอยู่แค่เกรดสิบคือเทียบเท่ามัธยมศึกษาปีที่ 4 “สอบเทียบครับ เรียกว่าสอบ GED มันคือการสอบเทียบวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายในระบบอเมริกัน (US High School Equivalency Diploma) เป็นวุฒิที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก มีที่มาจาก American Council on Education (ACE) กรุงวอชิงตัน ดีซี ซึ่งจัดการทดสอบ GED ขึ้นเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้นักเรียนที่ไม่ได้เรียนตามระบบปกติ พวกนักกีฬาหรือคนที่เรียน home school สามารถสอบเพื่อใช้เทียบวุฒิ ม.ปลาย (จบ ม.6) ยื่นเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในและต่างประเทศครับ” “แล้วอย่างนี้คนสอบก็ต้องเก่งภาษาอังกฤษถึงจะสามารถสอบได้ใช่ไหมคะ” เด็กสาวเอ่ยถามเพราะการสอบแบบนี้เด็กชนบทอย่างพวกเธอคงเข้าไม่ถึง “ใช่ครับ เพราะหลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรของอเมริกาและข้อสอบทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ” “ถ้าพี่เซิร์ฟสอบผ่านก็สามารถสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้เลยโดยไม่ต้องรอเรียนจบ ม.6 ใช่ไหมคะ” “ครับ ถ้าสอบผ่านก็ใช้วุฒิที่ทางสถาบันออกให้ยื่นสมัครแทนวุฒิ ม.ปลายได้เลยครับ” “อย่างนี้ก็ดีสิคะ จะได้เรียนจบปริญญาตรีไว ๆ” “ครับ มันเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่ไม่ชอบเรียนสายปกติทั่วไป” “แล้วถ้าพี่เซิร์ฟสอบผ่านพี่เซิร์ฟจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ไหนคะ ที่กรุงเทพฯ หรือที่ขอนแก่น” “น่าจะกรุงเทพฯ นะครับ สาขาที่พี่อยากเรียนเปิดสอนที่นั่นครับ” หลังจากที่ได้ยินคำตอบเด็กสาวก็หน้าเจื่อนลงทันทีเมื่อคิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะหายไปจากชีวิตเธอ “ถ้าพี่ต้องไปเรียนที่กรุงเทพฯ เมื่อไหร่พี่จะกลับมาหาน้องแพรทุกอาทิตย์พี่สัญญาครับ น้องแพรอย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ” เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเซิร์ฟจึงรีบพูดขึ้น ไม่เพียงแต่เด็กสาวที่ใจหายตัวเขาเองก็ใจหายเช่นกันที่ต้องอยู่ห่างไกลกันขนาดนี้ นี่เพียงแค่คิดไปก่อนล่วงหน้าถ้าถึงวันนั้นจริง ๆ เขาก็ไม่รู้ว่าจะเข้มแข็งได้มากแค่ไหน จะทนความคิดถึงได้หรือเปล่า จะมีสมาธิเรียนไหม เมื่อห่างกันแล้วความรู้สึกจะเหมือนเดิมหรือเปล่า หลาย ๆ อย่างประเดประดังเข้ามาในหัวแต่ก็ต้องไล่ความคิดพวกนั้นออกไปโดยเร็วเมื่อเห็นว่าเด็กสาวที่นั่งข้าง ๆ นั้นกำลังมองมาที่ตน “เรียนมหาวิทยาลัยแล้วจะยุ่งและเรียนหนักมาก วันหยุดก็ต้องทำรายงานพี่เซิร์ฟคงไม่มีเวลากลับบ้านหรอกค่ะ” ความเข้าใจที่เด็กสาวได้ยินแบบนั้นมาตลอดและมันคือความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ “พี่จะกลับมาหาน้องแพรให้ได้ ต่อให้งานเยอะแค่ไหนพี่ก็จะกลับมาครับ พี่สัญญา” เสียงทุ้มหนักแน่นสีหน้าจริงจังหันไปบอกกับเด็กสาวที่ตอนนี้เริ่มมีน้ำใส ๆ คลอที่เบ้าตา “พรุ่งนี้ขอให้พี่เซิร์ฟทำข้อสอบให้ได้ทุกวิชานะคะ แพรเป็นกำลังใจให้ค่ะ” ใบหน้าฝืนยิ้มบอกกับชายหนุ่มออกไป นิ้วเรียวเล็กชูขึ้นสองนิ้วให้กำลังใจ “ครับ” “แล้วพี่เซิร์ฟจะเดินทางกี่โมงคะ” เมื่อปรับอารมณ์ได้แล้วเสียงใสจึงเอ่ยถามขึ้น “บินไฟล์ทแรกประมาณ 6 โมงเช้าครับ” “เดินทางปลอดภัยนะคะ งั้นแพรขอตัวเข้าบ้านก่อน” ทั้งคู่นั่งเงียบกันอยู่สักพักก่อนที่เด็กสาวจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นทำลายความเงียบ “น้องแพรครับ” มือเล็กที่กำลังเอื้อมไปเปิดประตูต้องชักมือกลับและเอี้ยวตัวหันกลับมาทางเจ้าของเสียงเรียก “คะ พี่เซิร์ฟมีอะไรหรือเปล่าคะ” “ขอกำลังใจหน่อยครับ” แขนแกร่งสองข้างอ้ากว้าง เด็กสาวลังเลสักครู่ก่อนจะค่อย ๆ โน้มตัวเข้าไปกอดชายหนุ่ม แขนทั้งสองข้างโอบกอดร่างบางไว้แน่น ความรู้สึกหลากหลายตีกันในหัวเพราะยิ่งนับวันเขายิ่งเสพติดเด็กสาวมากขึ้น สัมผัสแรกของทั้งสองแต่ในฐานะพี่ชายกับน้องสาว โอบกอดที่โหยหามาตลอด เซิร์ฟผู้ที่อยากมีน้องสาวมาตลอดและเด็กสาวเองก็โหยหาพี่ชายที่คอยปกป้องเหมือนคนอื่น ๆ ความรู้สึกดี ๆ ถูกส่งผ่านให้กันและกันก่อนที่จะคลายอ้อมกอดออกจากกัน “พรุ่งนี้ถึงกรุงเทพฯ แล้วพี่โทรหานะครับ” “ค่ะ กลับบ้านดี ๆ นะคะ” เมื่อคลายอ้อมกอดจากกันเด็กสาวก็รีบลงจากรถก่อนที่น้ำใส ๆ ที่เอ่อคลออยู่เบ้าตาจะห้ามไม่อยู่และเอ่อไหลออกมาเมื่อคิดว่าความสุขของเธอกำลังจะหายไป “ก่อนนอนพี่โทรหานะ ถ้านอนแล้วไม่ต้องตื่นมารับสายพี่ก็ได้” เสียงทุ้มเอ่ยบอกออกไปอีกครั้งขณะที่เด็กสาวกำลังก้าวเท้าลงจากรถเอี้ยวตัวหันกลับมาเล็กน้อยพูดขึ้นเสียงอ่อย “แพรจะรอค่ะ” เซิร์ฟนั่งมองเด็กสาวเดินเข้าบ้านจนลับสายตา ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่รู้จักกันเซิร์ฟยิ่งเสพติดเด็กสาวมากขึ้นทุกวัน กับความรู้สึกที่มากกว่าพี่น้องแต่ด้วยวัยที่ยังไม่เหมาะสมที่จะรักกันแบบนั้นได้ จึงจำเป็นต้องรักษาระยะห่างให้เหมาะสมอยู่ในสถานะนี้ ตี 5 เช้าวันรุ่งขึ้น “แกจะแวะไปหาน้องก่อนไหม ยังพอมีเวลา” วสินเอ่ยถามลูกชายขณะที่รถกำลังจะวิ่งผ่านทางเข้าหมู่บ้านเด็กสาว “ไม่เป็นไรครับ ยังเช้าอยู่น้องน่าจะยังไม่ตื่น” “แกบอกน้องหรือยัง ว่าไม่อยู่สองวัน” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามขึ้นเพราะพฤติกรรมของเด็กทั้งสองอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา จึงรับรู้ว่าเด็กทั้งสองนั้นตัวติดกันมากแค่ไหน ไม่เพียงแต่ชายหนุ่มแพรไหมเองก็เสพติดการมีเซิร์ฟอยู่ข้าง ๆ “บอกแล้วครับ” “น้องตื่นค่อยโทรหาน้องแล้วกัน” “ผมบอกน้องว่าถึงกรุงเทพฯ แล้วจะโทรบอกครับ” ใบหน้าเหงาหงอยที่ต่างจากทุกวันบอกผู้เป็นพ่อออกไปเสียงอ่อย “แกจะมีสมาธิสอบแน่นะเซิร์ฟ พ่อเห็นแกนั่งใจลอยตั้งแต่ออกจากบ้านแล้ว” วสินเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “พ่อครับผมโตแล้วนะครับ ถึงจะคิดถึงน้องมากแต่ผมก็แยกแยะได้ครับ” “แล้วอย่างนี้ถ้าแกต้องไปเรียนที่กรุงเทพฯ แกจะทำใจได้เหรอวะ แกติดน้องขนาดนี้” วสินเอ่ยถามลูกชายขึ้นด้วยความเป็นห่วงเพราะอนาคตข้างหน้าเด็กทั้งสองก็ต้องแยกกันเพื่อไปทำหน้าที่ของตัวเอง “กรุงเทพฯ นะครับไม่ใช่ต่างประเทศนั่งเครื่องชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้วครับ ผมกลับมาบ้านทุกอาทิตย์ยังได้เลย” “พ่อต้องขายนาเอาเงินมาจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินให้แกไหมเนี่ย 1 ปีมี 52 สัปดาห์ ค่าตั๋วไปกลับสัปดาห์ละ 3,000 บาท เท่ากับว่าพ่อต้องจ่ายค่าเดินทางให้แกเพิ่มปีล่ะ 156,000 บาท แกเรียน 4 ปี ก็ประมาณ 624,000 บาท พ่อคิดถูกหรือคิดผิดที่วันนั้นพาแกไปเจอน้องด้วย” วสินแกล้งพูดตัดพ้อกับลูกชาย แต่เอาเข้าจริงก็พร้อมซัพพอร์ตลูกชายทุกอย่าง “แล้วน้องแพรน่ารักไหมครับ” ชายหนุ่มถามกลับผู้เป็นพ่อเสียงเรียบ “ก็น่ารัก บ้านเราดูมีสีสันขึ้นมากตั้งแต่มีน้องแพร คุณย่ายังบ่นทุกวันเลยว่าอยากให้ถึงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ไว ๆ จะได้ทำขนมให้น้องแพรทาน” วสินพูดขึ้นเพราะเด็กสาวกลายเป็นความสุขของบ้านสิริทรัพย์ไปแล้ว “แล้วพ่อคิดว่าคุ้มไหมล่ะครับ เงิน 6 แสนกับว่าที่ลูกสะใภ้คนโปรดได้ทั้งลูกสาวและลูกสะใภ้มีแต่คุ้มกับคุ้ม มรดกของพ่อขายหมดเลยก็ได้ครับผมหาใหม่ได้..แต่น้องแพรหาใหม่ไม่ได้ครับ” “แกคิดว่าน้องเขาจะเอาแกหรือไอ้ลูกชาย น้องเขาโตขึ้นเขาอาจเปลี่ยนใจก็ได้เพราะตอนนี้น้องเขาก็เห็นแกเป็นเหมือนพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่เหรอ” “ฐานะพี่ชายไม่ได้มั่นคงตลอดไปหรอกครับ คุณวสินเชื่อมั่นเบ้าหน้าหล่อ ๆ ของลูกชายคุณได้เลยว่าจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” “หึ ให้มันแน่เถอะ พ่อจะรอดู” ทั้งสองคุยกันจนมาถึงสนามบินก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เมื่อจอดรถเสร็จก็เดินเข้ามาเช็กอินที่เคาน์เตอร์ ภายในสนามบินผู้คนบางตาเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่เที่ยวบินขาเข้ายังไม่มีเข้ามา ส่วนเที่ยวบินขาออกก็ไม่ค่อยมีคนเดินทางสักเท่าไหร่ จึงไม่ค่อยวุ่นวาย สนามบินดอนเมือง เซิร์ฟเดินทางมาถึงสนามบินดอนเมืองตอนนี้เป็นเวลา 7 โมงนิด ๆ และเป็นช่วงชั่วโมงเร่งด่วนของคนเมืองกรุง ผู้คนต่างพากันเร่งรีบเพื่อที่จะไปทำงาน การจราจรที่ติดขัดแทบจะเป็นอัมพาตแม้จะขึ้นทางด่วนก็ตาม ตู๊ด….ตู๊ด….ตู๊ด…. “ค่ะพี่เซิร์ฟ” แพรที่นั่งจ้องโทรศัพท์อยู่นานรีบกดรับสายเมื่อเบอร์ที่กำลังรออยู่นั้นโทรเข้ามา “น้องแพรถึงโรงเรียนหรือยังครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นเมื่ออีกฝ่ายรับสาย “ถึงแล้วค่ะ” “แล้วกำลังทำอะไรอยู่ครับ” “นั่งเล่นกับเพื่อนค่ะ” “ทานข้าวเช้าหรือยังครับ” “แพรทานมาจากบ้านแล้วค่ะ แล้วพี่เซิร์ฟถึงกรุงเทพฯ แล้วเหรอคะ” “ถึงแล้วครับ ตอนนี้กำลังนั่งแท็กซี่ไปที่ศูนย์สอบครับ” “พี่เซิร์ฟทานข้าวหรือยังคะ” “พี่ทานของว่างรองท้องตอนอยู่บนเครื่องแล้วครับ อ้อ..ตอนเที่ยงพี่อาจจะไม่ได้โทรหานะถ้าตอนเย็นสอบเสร็จแล้วพี่จะโทรไปครับ” “โอเคค่ะ ตั้งใจสอบนะคะ” หัวใจที่ห่อเหี่ยวตลอดสองชั่วโมงที่ผ่านมาเริ่มมีชีวิตชีวากลับมาเต้นแรงอีกครั้งเมื่อได้กำลังใจจากเด็กสาวผู้ที่มีอิทธิพลต่อสภาพจิตใจมากที่สุดตอนนี้ “ครับ ตั้งใจเรียนนะครับ แล้วเจอกันอีกสองวันครับ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD