ตอนที่8 ความสำเร็จที่ไม่ค่อยยินดี
โชคชะตา..มักจะเล่นตลกกับมนุษย์เสมอ ว่ามนุษย์ใจร้ายกับมนุษย์ด้วยกันแล้ว..แต่ฟ้านั้นใจร้ายกับมนุษย์ยิ่งกว่าหลายเท่า
2 วันผ่านไป
เซิร์ฟเดินทางกลับจากกรุงเทพฯ พร้อมกับผลสอบที่ทราบผลทันทีหลังจากสอบเสร็จ ชายหนุ่มนั่งรอเด็กสาวในรถสีหน้าเป็นกังวลจนผู้เป็นพ่อเอ่ยถามขึ้น
“สรุปว่าแกดีใจหรือเสียใจที่สอบผ่านวะ พ่อเห็นแกดูไม่ค่อยดีใจตั้งแต่ทราบผลแล้ว” วสินเอ่ยถามลูกชายที่นั่งหน้าเครียดมาตลอดทาง
“ดีใจมันก็ดีใจอยู่หรอกพ่อ แต่มาคิดว่าปีหน้าต้องไปเข้ามหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ มันก็รู้สึกใจหวิว ๆ บอกไม่ถูกครับ” เซิร์ฟที่คิดไม่ตกตลอดเวลาเอ่ยบอกผู้เป็นพ่อออกไป ความกังวลต่าง ๆ นานาที่คาดการณ์ไปก่อนหน้าเริ่มประเดประดังเข้ามาในหัว
“เป็นเอามากนะลูกชายฉัน ไหนว่าทำใจได้ไง”
“ลองมาเป็นผมไหมจะได้รู้ว่ามันทรมานแค่ไหน อย่าทำเหมือนไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ได้ยินมาว่าแต่ก่อนคุณวสินก็นอนร้องไห้ทุกคืนที่คุณทิพย์ญาดาไปฝึกงานที่ต่างประเทศไม่ใช่เหรอครับ” เซิร์ฟว่ากลับคนเป็นพ่อเสียงเรียบหลังจากที่ทนฟังผู้เป็นพ่อพูดจากระแนะกระแหนน๋ใส่มานานสองนาน
“แม่แกเล่าเรื่องนี้ให้ฟังหรือไง” วสินถามกลับสีหน้าตกใจที่ความลับของตัวเองถูกเปิดเผย แม้จะเป็นคนในครอบครัวก็ตาม
“เปล่าครับ คุณย่าเล่าให้ฟัง”
“แกมันร้าย ริอ่านไปล้วงความลับพ่อ”
“ผมนิสัยเหมือนพ่อผมมาก”
“ฉันว่านิสัยแกเหมือนคนข้างบ้านมากกว่านะ”
“ยอมรับเถอะคุณวสินว่าเราสองคนนิสัยเหมือนกัน น้องแพรเดินมาโน่นแล้วผมลงไปรับน้องก่อนนะครับ” ทั้งสองคนโต้วาทีกันอยู่ในรถสักพัก เซิร์ฟที่มองหาเด็กสาวตลอดเวลาก็เอ่ยพูดขึ้นเมื่อเห็นคนที่รออยู่กำลังเดินออกมาพร้อมกลุ่มเพื่อน
“ยัยแพร พี่ชายสุดที่รักแกมารอรับอยู่โน่นแล้ว” ฟางพยักหน้าไปยังทิศทางที่ชายหนุ่มยืนอยู่ ร่างสูง 187 เซนติเมตรในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนดูโดดเด่นมองเห็นแต่ไกล
“เอ้า..กลับมาถึงแล้วเหรอคะไหนบอกไฟล์ทบินเลื่อนไง” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เมื่อชายหนุ่มที่เธอคิดถึงมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าก่อนเวลาที่บอกไว้เกือบสองชั่วโมง ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กก็รีบสาวเท้าเดินเร็วกว่าเดิมตรงดิ่งไปหาชายหนุ่ม
“น้องแพร”
“ไหนว่าไฟล์ทบินเลื่อนไงคะ”
“ตอนแรกทางสายการบินก็แจ้งเลื่อน แต่อยู่ ๆ ก็บอกว่าเลื่อนกลับมาเป็นเวลาเดิม” เซิร์ฟบอกออกไปตามความจริงเพราะเขาไม่ได้มีเจตนาจะโกหกเด็กสาว
“แล้วผลสอบเป็นยังไงบ้างคะ” แพรไหมเอ่ยถามขึ้นทันที ดวงตากลมโตจ้องหน้าชายหนุ่มเพื่อรอคำตอบ
“ขึ้นรถก่อนดีกว่าครับ ไว้พี่เล่าให้ฟัง” เซิร์ฟเลี่ยงที่จะไม่บอกเด็กสาวตอนนี้เพราะไม่อยากให้บรรยากาศในรถอึดอัด และอีกอย่างเขาพึ่งได้เจอเด็กสาวหลังจากที่ไม่ได้เจอกันสองวันเพราะขืนบอกออกไปตอนนี้ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร
“ค่ะ”
“คุณลุงสวัสดีค่ะ” มือเรียวยกขึ้นไหว้ผู้ใหญ่อย่างมีมารยาท
“สวัสดีลูก น้องแพรเรียนเหนื่อยไหมลูกวันนี้ หิวไหมเดี๋ยวให้พี่เซิร์ฟลงไปซื้ออะไรมาให้ทานรองท้องก่อน พอดีลุงรีบมาเลยไม่ได้แวะซื้อขนมติดมาด้วย” วสินที่เอ็นดูแพรไหมเหมือนลูกสาวอีกคนเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะ แพรไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ค่ะ”
“แต่ทานนี่รองท้องไปก่อนนะครับ ถึงบ้านแล้วค่อยทานของอร่อยฝีมือคุณย่า” ทุกวันนี้เด็กสาวจะไปทำการบ้านที่บ้านของชายหนุ่มก่อน พอถึงเวลากลับบ้านวสินก็จะขับรถกลับมาส่งเด็กสาวและถือโอกาสอยู่คุยกับเพื่อนวันละสิบยี่สิบนาที
วันนี้แพรไหมอยู่ทานมื้อเย็นที่บ้านชายหนุ่มเพราะได้รับคำเชื้อเชิญจากหญิงสูงวัยเจ้าของบ้าน โดยมีวสินทำหน้าที่โทรไปขออนุญาตพ่อของเด็กสาวให้และมีญาดาเป็นแม่ครัวรังสรรค์อาหารแสนอร่อย ส่วนแพรไหมและเซิร์ฟก็ทำหน้าเป็นนักชิมที่ดี
ศาลากลางสระบัว
“สรุปว่าพี่เซิร์ฟสอบผ่านไหมคะ” แพรไหมเอ่ยถามขึ้นเมื่อทั้งสองนั่งอยู่ตามลำพังที่ศาลาสระบัวด้านหลังบ้าน
“ผ่านครับ” น้ำเสียงดูกังวลตอบออกไปไม่เต็มเสียงนักจนหญิงสาวรู้สึกได้
“ดูพี่เซิร์ฟไม่ค่อยดีใจเลยนะคะ มีอะไรหรือเปล่าเล่าให้แพรฟังได้นะเผื่อแพรจะช่วยอะไรได้บ้าง”
“เปล่าหรอกครับ พี่แค่กังวลกลัวเตรียมตัวไม่ทันอีกแค่ไม่กี่เดือนต้องสอบ A-NETแล้ว ถ้าคะแนนสอบไม่ถึงก็เข้าเรียนคณะที่อยากเรียนไม่ได้อยู่ดี” ชายหนุ่มจำต้องโกหกออกไปเพราะไม่อยากให้เด็กสาวคิดว่าเขานั้นกังวลเรื่องของเธออยู่ พานจะคิดมากไปกันใหญ่
“พี่เซิร์ฟเก่งขนาดนี้ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ ทำข้อสอบได้สบายอยู่แล้ว” รอยยิ้มหวานถูกส่งให้ชายหนุ่มตรงหน้า ยิ่งมองยิ่งหลงใหลไม่อยากห่างรอยยิ้มนี้ไปไหน
แพรไหมกลับบ้านด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนหน้าทำเป็นเข้มแข็งแต่เมื่อแยกกับชายหนุ่มก็แอบมานั่งเศร้าอยู่คนเดียวทั้งที่เตรียมใจไว้แล้วระดับหนึ่งแต่พอได้ฟังคำตอบจากชายหนุ่มจริง ๆ ก็รู้สึกใจหวิวที่ทุกวันต่อจากนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
“น้องแพรดูซิว่าวันนี้ใครมาบ้านเรา” เสียงอิงอรตะโกนเรียกบุตรสาวที่กำลังเดินหน้าเศร้าเข้ามาในบ้าน
“เฮียแตงค์ คิดถึงจังเลย” เด็กสาวรีบวิ่งเข้าไปกอดพี่ชายที่นั่งอยู่ที่โซฟาทันที
“เจ้าตัวแสบ นึกว่าลืมพี่ไปแล้ว” มือหนาโยกศีรษะทุยเล็กออกแรงบีบเบา ๆ อย่างเอ็นดู
“ใครกันแน่ที่ลืม เฮียต่างหากที่มีแฟนแล้วลืมน้อง คาร์ลก็ด้วย” ใบหน้าง้ำงอพูดประชดออกไปจนชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ถัดไปถึงกลับสะดุ้งที่อยู่ ๆ ก็โดนงอนแบบไม่ทันตั้งตัว
“เกี่ยวอะไรกับคาร์ล คาร์ลยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ แฟนก็ยังไม่มี” คาร์ลรีบปฏิเสธขึ้นทันที
“มึงรีบพูดเอาตัวรอดเลยนะไอ้คาร์ล น้องครับเฮียยังไม่มีแฟนนะเฮียจะอยู่เป็นโสดแบบนี้ดูแลน้องสาวเฮียไปตลอด และที่เฮียไม่ค่อยได้กลับมาหาเพราะเฮียเรียนหนักมาก” แตงค์รีบอธิบายให้เด็กสาวเข้าใจทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าน้องสาวนั้นไม่ได้โกรธเขาจริงจัง
“ขอนแก่นใกล้แค่นี้ทำยังกับต้องนั่งเครื่องบินข้ามน้ำข้ามทะเลมา เชอะ! อย่ามาแก้ตัวเสียให้ยาก..น้องโกรธจริง” ศีรษะเล็กสะบัดไปด้านข้างพร้อมกับเอียงตัวตาม
“น้องก็มีไอ้เซิร์ฟมันคอยดูแลอยู่แล้วนี่ คงไม่คิดถึงเฮียแล้วมั้ง” แตงค์แกล้งหยอกเย้าเด็กสาว แต่คนฟังกลับรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
“เกี่ยวอะไรกับพี่เซิร์ฟ อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลย” แพรไหมหันไปแว๊ดเสียงใส่พี่ชายอย่างคนกำลังถือไพ่เหนือกว่า
“ต่อไปคาร์ลกับเฮียจะกลับบ้านมาหาน้องทุกอาทิตย์ จะมาทำหน้าที่พี่ชายที่ดี จะพาไปเที่ยวและสอนหนังสือ จะเป็นทุกอย่างให้น้องเลย..โอเคไหมครับ” คาร์ลที่นั่งเงียบมาสักพักพูดขึ้น เรียกรอยยิ้มจากเด็กสาวขึ้นมาทันที
“พูดแล้วนะคะ พ่อกับแม่เป็นพยาน” เมื่อได้ทุกอย่างตามที่วางแผนไว้แพรไหมก็เลิกดึงดรามาและกลับเข้าสู่โหมดปกติ
“น้องแพรลูก พวกพี่เขาก็เรียนหนักกันอยู่แล้วอย่าบังคับพี่เขานักเลยลูก” อิงอรพูดขึ้นเมื่อรู้สึกว่าลูกสาวตัวเองกำลังเอาแต่ใจจนทำให้พี่ ๆ ลำบากใจ
“ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ น้องแพรก็เหมือนน้องสาวพวกเรา ปล่อยให้แกเอาแต่ใจบ้างก็ได้ครับ อีกหน่อยโตเป็นสาวก็ติดแฟนไม่มาอ้อนพี่ ๆ อย่างนี้หรอกครับ” คาร์ลหันไปบอกกับผู้ใหญ่ทั้งสองไม่ให้กังวลกับพฤติกรรมของเด็กสาว
“เราก็ตามใจน้องตลอด เลี้ยงกันแบบนี้โตมาระวังจะรับมือไม่ไหวนะ” อิงอรเอ่ยเตือนในฐานะที่อาบน้ำร้อนมาก่อน
“ทำไงได้ล่ะครับรักมากก็ตามใจมากเป็นธรรมดา น้องมาให้คาร์ลกอดหน่อยกอดแต่เฮียคาร์ลก็น้อยใจเป็นนะ” คาร์ลที่หลงเด็กสาวไม่แพ้พี่ชายคนโตพูดเสริมขึ้น
“โอ๋ ๆ อย่าน้อยใจเลยนะ แพรก็รักทุกคนเท่ากันแหละ” มือเล็กยกขึ้นลูบแผ่นหลังกว้างปลอบท่าทีเหมือนเด็ก
“รักเท่ากันแน่นะ ซีรีส์เรื่องนี้ดูจบยังน๊า 4 แผ่นสุดท้ายนี้คงมีแล้วเนาะ” แผ่นซีดีซีรีส์เกาหลีที่กำลังโด่งดังอยู่ตอนนี้ถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าสะพาย
“พี่วอนบิน ฮือ..รักเฮียมากกว่านิดนึงก็ได้ ทำไมรู้ว่าแพรยังขาดอยู่อีก 4 แผ่นล่ะคะ” แพรไหมรีบคลายอ้อมกอดออกจากคาร์ลทันทีเมื่อหันไปเห็นแผ่นซีดีซีรีส์เกาหลีที่เธอติดงอมแงมอยู่ตอนนี้
“ไอ้เซิร์ฟมันฝากซื้อเห็นบอกว่าน้องกำลังเก็บเงินซื้ออยู่ สงสารบอกว่าน่าจะอีกนานเลยฝากเฮียซื้อมาให้”
“โถ่! นึกว่าเฮียเป็นคนซื้อมาให้ซะอีก”
“ไอ้เซิร์ฟมันรวยกว่าก็ให้มันซื้อนะถูกแล้ว อีกหน่อยมันไม่อยู่พวกเฮียก็ต้องรับหน้าที่เป็นคนดูแลน้องต่อ ก็ต้องประหยัดเก็บเงินไว้ก่อน” แตงค์แกล้งพูดติดตลกเรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคนที่นั่งอยู่
“เซิร์ฟจะไปไหนเหรอลูก” อิงอรถามขึ้นด้วยความแปลกใจเพราะเรื่องนี้แม่และพ่อของแพรไหมก็ยังไม่ทราบมาก่อน
“เซิร์ฟมันสอบเทียบวุฒิผ่านแล้วครับ ปีหน้าก็คงจะไปเรียนมหาวิทยาลัยเลยคงไม่เรียน high school ต่อแล้วครับ” แตงค์เป็นคนให้คำตอบ แพรไหมหน้าเจื่อนลงเมื่อเรื่องนี้ถูกพูดถึงอีกครั้ง
“เซิร์ฟนี่เก่งเนาะนี่ถ้าเทียบก็พึ่งอยู่ชั้นม. 4จะขึ้นม.5เองใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
“แล้วเซิร์ฟจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศหรือยังไง จะไปเรียนที่ญี่ปุ่นกับคุณวสินและคุณญาดาหรือเปล่า” อิงอรถามขึ้นเพราะตอนนี้พ่อและแม่ของชายหนุ่มนั้นไปทำธุรกิจอยู่ที่ต่างประเทศ
“มันไปไกลขนาดนั้นไม่ได้หรอกครับเดี๋ยวขาดใจตายที่ต้องห่างเด็กแถวนี้ ขนาดแค่กรุงเทพฯ มันก็ยังไม่อยากไปเลยครับ” คาร์ลบอกเหตุผลออกไป
“หืม..ติดน้องแพรขนาดนั้นเลยเหรอ แม่นึกว่าน้องแพรติดเซิร์ฟมากกว่าซะอีก” อิงอรแกล้งแซวลูกสาวให้ขำขันเพราะสังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนไปสักพักของเด็กสาว
“โธ่! คุณแม่ครับ ลูกสาวคุณแม่เนี่ยใครอยู่ใกล้ก็หลงกันหมดทุกคนแหละครับ อ้อนเก่งขนาดนี้”
“แล้วน้องแพรรู้เรื่องหรือยังลูก พี่เขาบอกเราหรือยัง”
“บอกแล้วค่ะ” แพรไหมตอบกลับเสียงอ่อยใบหน้าดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
“แล้วน้องแพรโอเคไหม” ทุกคนต่างจ้องหน้าเด็กสาวด้วยความเป็นห่วง
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ พี่เซิร์ฟไปเรียนและอีกอย่างไปแค่กรุงเทพฯ เอง น้องแพรไม่ใช่เจ้าของชีวิตพี่เขานะคะ และอีกอย่างน้องแพรแยกแยะได้ว่าอะไรสำคัญไม่สำคัญค่ะ”
“ถ้าคิดได้แบบนี้แม่ก็เบาใจ แม่น่ะกลัวเราไปงี่เง่าใส่พี่เขาไม่ยอมให้พี่เขาไปซะอีก” อิงอรบอกออกไปอย่างโล่งใจ ทั้งที่รู้นิสัยลูกสาวตัวเองดีอยู่แล้วว่าเป็นคนมีเหตุผลแต่ก็อดเป็นกังวลไม่ได้อยู่ดี
“น้องไม่ได้งี่เง่าหรอกครับ เจ้าตัวมันต่างหากที่ไม่อยากไป” คาร์ลบอกออกไปพลางขยับให้เด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้านั่งลงข้าง ๆ ระหว่างเขาและพี่ชาย
“แล้วคืนนี้เฮียนอนไหนคะ”
“อยากให้เฮียนอนไหนล่ะ”
“นอนนี่นะคะ แพรอยากดูซีรีส์ให้จบคืนนี้” แพรไหมหันไปอ้อนพี่ชายซบศีรษะทุยลงกับต้นแขนแกร่งและถูไปมา
“นี่เฮียต้องมานั่งดูเด็กน้อยร้องไห้อีกแล้วใช่ไหม ดูแล้วต้องร้องไห้ตามทุกรอบไม่รู้จะอินอะไรหนักหนา” ฝ่ามือหนายกขึ้นขยี้ปลายกลุ่มผมอย่างรักใคร่เอ็นดู
“เขาเรียกว่าเข้าถึงตัวละครต่างหากเนาะคาร์ลเนาะ” แพรไหมหันไปหาคนสนับสนุนอีกแรงเพื่อแก้เขินที่โดนพี่ชายคนโตแซว
“พรุ่งนี้ต้องไปเรียนคาร์ลอนุญาตให้ดูได้แค่แผ่นเดียว ถ้าไม่งั้นก็อดดูทั้งหมด”
“ทำไมคาร์ลใจร้ายจัง แล้วอย่างนี้แพรจะนอนหลับได้ยังไงถ้าไม่ได้ดูจนจบ” เสียงเล็กพูดขึ้นเสียงดังเมื่อแพลนที่วางไว้ในหัวนั้นล่มอย่างกะทันหัน
“ถ้าดูจนจบคงสว่างพอดี พรุ่งนี้คาร์ลมีควิซด้วยไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหนึ่งทุ่มเราจะเริ่มดูกัน” คาร์ลยื่นคำขาดโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้โต้แย้งหรือต่อรอง
“เจ้าค่ะ คุณคาร์ลผู้ใจร้าย” พูดจบก็ลุกเดินกระแทกเท้าหน้างอเข้าห้องไป
“ใช่คาร์ลใจร้าย ไม่ได้ใจดีเหมือนไอ้เซิร์ฟหรอกนะ ต่อไปก็เตรียมทำใจไว้เลย” เสียงทุ้มตะโกนตามหลังเด็กสาวออกไป
“เชอะ แพรงอน” เท้าเล็กหยุดชะงักและเอี้ยวตัวหันกลับมาตะโกนตอบกลับชายหนุ่ม
“งอนให้มันได้ตลอดนะ เรื่อง F4 อย่ามาอ้อนให้ซื้อให้นะ”
“เก็บตังค์ซื้อเองก็ได้ ใครจะง้อ” ใบหน้าเรียวเล็กสะบัดหน้ากำลังเดินกลับเข้าห้องโดยมีเสียงหัวเราะของคนด้านนอกหัวเราะชอบใจที่จัดการตัวป่วนของบ้านซะไปไม่เป็น
“ไอ้เซิร์ฟ คาร์ลก็จะบอกมันไม่ให้ซื้อให้เหมือนกัน รวมทั้งเฮียด้วย
ดูซิจะดื้อไปถึงไหน”
“คาร์ลใจร้ายเกินไปแล้วนะ แพรจะโกรธคาร์ลจริง ๆ แล้วนะ” เสียงเล็กตะโกนกลับมาเสียงดังพร้อมกับปิดประตูเสียงดัง
เด็กสาวกลับออกมาอีกครั้งพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่หลังจากอาบน้ำเสร็จ เดินออกมาพร้อมกับตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่เซิร์ฟซื้อมาให้เมื่อหลายเดือนก่อน
“แตงค์วันนี้เข้าไปช่วยแม่ในครัวหน่อยนะเห็นเด็กแถวนี้บอกอยากทานปลาอะไรไม่รู้ที่แตงค์ทำให้ทานเมื่อครั้งก่อน วันนี้พ่อเขาได้ปลาช่อนตัวใหญ่มาแม่กะว่าจะลองทำดู แต่โชคดีที่แตงค์มาพอดีให้พ่อครัวใหญ่แสดงฝีมือเลยแล้วกัน”
“เด็กแถวนี้อ้อนอยากกินเหรอครับ ไหนอ้อนเฮียหวาน ๆ ให้มีแรงทำหน่อย”
“เฮียแตงค์สุดหล่อได้โปรดทำให้น้องแพรกินหน่อยนะคะ นะคะ นะคะ” แก้มนุ่มถูไถแขนแกร่ง ส่งสายตาออดอ้อนจนคนเป็นพี่แกล้งต่อไม่ไหว
“โอเคเฮียยอมแพ้แล้ว” เมื่อเจอลูกอ้อนเหมือนแมวน้อยทำเอาคนพี่ต้องยกมือยอมแพ้ให้กับความน่ารัก
“หาเรื่องนะเฮีย รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าแมวตัวนี้อ้อนเก่งขนาดไหน เป็นไงล่ะโดนเข้าให้แล้ว”