ตอนที่9 ให้โอกาส=เปิดโอกาส

2028 Words
ตอนที่9 ให้โอกาส=เปิดโอกาส 448 กิโลเมตรที่แสนไกล ห้าเดือนถัดมา ในที่สุดวันที่เซิร์ฟไม่อยากเจอก็มาถึง วันนี้ชายหนุ่มต้องเดินทางไปเรียนที่กรุงเทพฯ หลังจากที่ผลัดผู้เป็นพ่อขอเลื่อนการเดินทางมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้เลื่อนไม่ได้แล้วเพราะวันพรุ่งนี้คือวันเปิดเทอมวันแรกของมหาวิทยาลัย “เซิร์ฟเร็ว ๆ หน่อยลูกเดี๋ยวตกเครื่อง ถ้าลูกตกเครื่องรอบนี้แม่จะให้ลูกนั่งรถทัวร์ไปเองแล้วนะ” ญาดาขึ้นมาตามลูกชายบนห้องนอนเป็นครั้งที่สามเมื่อเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก็จะถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้ว “รู้แล้วครับ วันนี้ลูกชายแม่ถึงกรุงเทพฯ แน่นอนครับ” เสียงทุ้มตะโกนบอกผู้เป็นแม่ที่ยืนเคาะประตูเรียกอยู่หน้าห้อง ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนสีดำยืนมองรูปถ่ายที่ติดอยู่รอบ ๆ บริเวณห้อง รูปถ่ายของเด็กสาวในอิริยาบถต่าง ๆ ทั้งรูปที่ตั้งใจมองกล้องและรูปที่เขาแอบถ่ายเธอยามเผลอ สายตาคมจ้องมองก่อนจะเดินไปดึงรูปถ่ายแผ่นเล็กเป็นรูปที่เขาถ่ายคู่กับแพรไหมตอนไปเที่ยวทุ่งดอกไม้ด้วยกัน “เซิร์ฟลูก” เสียงเรียกของผู้เป็นแม่ดังขึ้นอีกครั้ง และดูเหมือนว่าครั้งนี้จะดังกว่าครั้งก่อน “ครับ ไปแล้วครับ” รูปถ่ายถูกยัดใส่สมุดบันทึกเล่มเล็กที่บันทึกเรื่องราวระหว่างเขาและเธอ เก็บใส่กระเป๋าสะพายก่อนจะเปิดประตูออกไป “มัวทำอะไรอยู่ โตแล้วนะไม่ใช่เด็กทำไมไม่รักษาเวลาเลยฮะเรา” ญาดาดุลูกชายออกไปเสียงดังเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับเดินลงบันไดไปยังชั้นล่างสีหน้าบึ้งตึง “ขอโทษครับ ผมมัวแต่เก็บของอยู่เลยช้านิดหน่อยครับ” “เก็บของหรือมัวแต่ยืนอาลัยอาวรณ์ดูรูปน้องอยู่ แม่บอกให้เก็บไปด้วยก็ไม่ยอมเก็บไป แล้วก็มาอาลัยอาวรณ์แบบนี้จนจะตกเครื่องอยู่แล้ว” เสียงบ่นของหญิงวัยกลางคนดังไปทั่วบ้าน วสินที่เตรียมรถเสร็จเปิดประตูหน้าบ้านเดินเข้ามาได้ยินสองแม่ลูกคุยกันพอดี “แกทำอะไรให้แม่เขาบ่นอีกล่ะ เสร็จหรือยังไปขึ้นรถได้แล้ว” “ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณญาดาก็บ่นไปเรื่อยกลัวไม่ได้บ่นอีกนานเลยบ่นเผื่อวันพรุ่งนี้ / โอ้ย!” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบแขนด้านซ้ายก็โดนฟาดด้วยฝ่ามือผู้เป็นแม่เข้าอย่างแรง “รีบไปขึ้นรถเลยเจ้าตัวแสบ พูดแบบนี้แม่จะไม่ช่วยดูน้องแพรไว้ให้เลยนะ” ผู้เป็นแม่แกล้งพูดขู่ออกไป “โธ่แม่ครับเราตกลงกันแล้วนี่ครับ นั่นว่าที่ลูกสะใภ้แม่นะครับ” ร่างสูงเดินเข้ามาก้มกอดผู้เป็นแม่หลวม ๆ พลางทำเสียงออดอ้อนเหมือนเด็ก “ไม่ต้องมาอ้อน ไปขึ้นรถได้แล้วเดี๋ยวก็ตกเครื่องจริง ๆ แล้วจะอ้อนไม่ออก” “ครับ ผมลานะครับวันเสาร์เจอกัน อย่าลืมจองตั๋วเครื่องบินขากลับให้ผมด้วยนะครับ ขอไฟล์ทแรกเช้าสุดวันเสาร์ส่วนวันอาทิตย์ขอไฟล์ทสุดท้ายหรือไม่ก็เป็นเช้าวันจันทร์ก็ได้ครับ” ชายหนุ่มหันไปย้ำผู้เป็นแม่อีกครั้งก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่ผู้เป็นพ่อสตาร์ตเครื่องรออยู่ “วันเสาร์นี้แกไม่มีกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยเหรอ พ่อเห็นเด็กปีหนึ่งช่วงเปิดเทอมแรก ๆ จะมีกิจกรรมเยอะทั้งเสาร์และอาทิตย์ด้วยไม่ใช่หรือไง” วสินเอ่ยถามขึ้นเมื่อได้ยินลูกชายสั่งผู้เป็นแม่ซื้อตั๋วกลับบ้านให้ตั้งแต่สัปดาห์แรก “เสาร์อาทิตย์คือวันหยุด ใครอยากทำก็ช่างเขาแต่ผมจะกลับบ้านใครจะมาห้ามครับ” ชายหนุ่มบอกออกไปเสียงแข็งเพราะเวลาแค่ 5 วันก็นานเกินพอสำหรับเขาแล้ว “ระวังมีปัญหากับรุ่นพี่นะเจ้าลูกชาย” วสินที่อาบน้ำร้อนมาก่อนเอ่ยเตือนลูกชายเพราะไม่ใช่รุ่นพี่ทุกคนจะมีเข้าใจรุ่นน้อง คำว่ารุ่นพี่นั่นหมายถึงอำนาจสั่งการที่มากกว่าและรุ่นน้องเคารพและปฏิบัติตาม “ค่าเทอมก็จ่ายเองทุกบาท จะมาบังคับกันได้ยังไงช่วยจ่ายก็ไม่ใช่ ผมไม่สนใจถ้ารุ่นพี่จะไม่มีเหตุผล เวลาวันจันทร์ถึงศุกร์จะทำกิจกรรมดึกดื่นแค่ไหนผมไม่ว่าแต่ถ้าเป็นวันหยุดผมก็ควรที่จะได้หยุดตามสิทธิ์ของผมเช่นกัน” เซิร์ฟพูดออกไปน้ำเสียงหนักแน่น “เอาที่ลูกสบายใจแล้วกัน ไปขึ้นรถต้องซิ่งแล้วล่ะไม่งั้นมีหวังแกตกเครื่องชัวร์” สองพ่อลูกเดินขึ้นรถและขับออกไปด้วยความเร็ว ทางหลวงชนบทซึ่งเป็นถนนเลนวิ่งสวนกันการทำความเร็วจึงไม่สม่ำเสมอเพราะบางครั้งก็มีรถของชาวไร่ชาวนาวิ่งขวางอยู่ข้างหน้า ส่งผลให้ชายหนุ่มมาถึงสนามบินช้ากว่าที่คิดไว้และตอนนี้เหลือเวลาเพียง 10 นาที ขายาวหุ่นนายแบบรีบวิ่งไปยังเคาน์เตอร์เพื่อเช็กอินและโหลดกระเป๋าเดินทาง “เรียบร้อยค่ะ” สนามบินสุวรรณภูมิ เซิร์ฟเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษ ๆ โดยมีน้าชายเป็นคนมารอรับที่สนามบินและพาไปส่งที่คอนโดที่ผู้เป็นพ่อจัดการซื้อและตกแต่งไว้รอเรียบร้อยแล้ว “น้าเนติ สวัสดีครับ” “สวัสดีลูก มาน้าช่วยถือกระเป๋า” “ขอบคุณครับ” “ได้ข่าวว่าเกือบตกเครื่องด้วยใช่ไหมหืม..แม่เราโทรมาบ่นให้น้าฟังใหญ่เลย” ทั้งสองเดินคุยกันไประหว่างทางไปยังลานจอดรถ “ครับ แต่ก็ทันเวลาพอดีครับ” “แล้วนี่ให้น้าไปส่งที่คอนโดหรือจะไปบ้านน้าก่อน” “ไปคอนโดเลยก็ได้ครับ ผมกะว่าจะเข้าไปเตรียมตัวสำหรับไปเรียนพรุ่งนี้ด้วย” “โอเค ตื่นเต้นเหรอหืม..ปกติไม่เห็นจะตื่นเต้นกับเรื่องอะไรเลยนี่” เนติพยักหน้าเล็กน้อยเป็นอันรับรู้ “ก็นิดหน่อยครับ ผมเด็กกว่าคนอื่นที่เรียนรุ่นเดียวกันเลยประหม่านิดหน่อยครับ” ด้วยความที่เซิร์ฟสอบเทียบวุฒิม.ปลายเข้ามาอายุจึงแตกต่างจากเพื่อนรุ่นเดียวกันที่ส่วนมากจะเรียน ม.ปลายสายปกติมา “คนอื่นเขาไม่รู้หรอกว่าเซิร์ฟเด็กกว่า เขาก็คิดว่าอายุรุ่นราวคราวเดียวกันทั้งนั้นแหละ คณะนี้ใช่ว่าใครก็จะสามารถสอบเข้าได้นะ” คอนโด คอนโดหรูห่างจากมหาวิทยาลัยเพียง 5 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่พึ่งเปิดตัวได้ไม่กี่เดือน มีความเป็นส่วนตัวสะดวกสบายเหมาะสำหรับนักศึกษาที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและใกล้มหาวิทยาลัยด้วย “ห้องของเซิร์ฟอยู่ริมสุดฝั่งซ้ายมือ โซนด้านนี้จะมีเพียงสองห้อง ส่วนอีกห้องจะเป็นห้องของน้องแอมน้าซื้อไว้แต่น้องยังไม่ได้ย้ายมาตอนนี้มีห้องเซิร์ฟเพียงห้องเดียว เงียบสงบวางใจได้ ส่วนแม่บ้านจะเข้ามาทำความสะอาดอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เสื้อผ้าก็เหมือนกันจะมีแม่บ้านเก็บไปซักให้อาทิตย์ละครั้ง ดังนั้นถ้วยชามและอาหารการกินต้องช่วยเหลือตัวเอง มีอะไรสงสัยจะถามน้าอีกไหม” ชายหนุ่มวัยสี่สิบต้น ๆ อธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ให้หลานชายฟังก่อนที่จะขอตัวกลับทิ้งให้เซิร์ฟอยู่ห้องคนเดียวตามลำพัง “น้ากลับก่อนนะ” “ครับ ขอบคุณน้าติมากครับ” “ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ อย่าทำให้พ่อกับแม่เขาเป็นห่วงมาก” ก่อนกลับไม่วายสั่งหลานชายให้ทำตัวดี ๆ “ครับ” เซิร์ฟเดินเข้าสำรวจห้องนอนและจัดของใช้ส่วนตัวที่พกมาด้วยเข้าที่ให้เป็นระเบียบ รูปถ่ายแผ่นเล็กที่สอดอยู่ในสมุดบันทึกถูกหยิบออกมาดูอีกครั้ง "อีก 5 วันเจอกันนะครับเด็กน้อยของพี่” เสียงทุ้มพูดกับรูปถ่ายสายตาเหลือบมองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงแล้วจึงลุกจากเก้าอี้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะรอเวลาโทรหาเด็กสาว 12:00 น. ตู๊ด ๆ ๆ เซิร์ฟกดต่อสายทันทีเมื่อเข็มสั้นและเข็มยาวชี้ตรงเลขสิบสอง ไม่นานแพรไหมก็กดรับสาย “ค่ะพี่เซิร์ฟ” เสียงหวานดังแข่งกับเสียงเจื้อยแจ้วของผู้คนบริเวณรอบ ๆ โรงอาหาร “น้องแพรพักเที่ยงแล้วใช่ไหมครับ” “พักแล้วค่ะตอนนี้แพรอยู่ที่โรงอาหาร ตรงนี้มันเสียงดังอีกสิบนาทีแพรโทรกลับได้ไหมคะ” เสียงหวานตะโกนแข่งกับเสียงดังรอบ ๆ บอกปลายสายไป “ครับได้ครับ น้องแพรทานข้าวเสร็จแล้วค่อยโทรกลับก็ได้ครับ” เซิร์ฟจำเป็นต้องกดวางสายและนั่งรออีกสิบนาที ระหว่างนั้นก็หยิบเครื่องบันทึกเสียงขึ้นมาเปิดฟังอะไรสักอย่าง [ตั้งใจเรียนนะคะคนเก่งของแพร แพรจะเป็นกำลังใจและรอดูความสำเร็จของพี่นะคะ] เป็นเสียงของเด็กสาวที่เขาบันทึกไว้ก่อนวันที่จะเดินทางมากรุงเทพฯ เซิร์ฟเปิดฟังซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นจนแบตเตอรี่เริ่มอ่อนเสียงเริ่มเบาลงจนเครื่องดับไป “ค่ะพี่เซิร์ฟ ถึงกรุงเทพฯ แล้วใช่ไหมคะ” แพรไหมทานข้าวเสร็จก็รีบโทรหาชายหนุ่มทันที “ถึงแล้วครับ ตอนนี้พักอยู่คอนโดคนเดียวเหงามากครับ” “เดี๋ยวก็ชินค่ะ เหงาก็โทรหาแพรได้ค่ะแพรจะคุยเป็นเพื่อนพี่เซิร์ฟทั้งวันทั้งคืนเลย” “คุยเป็นมากกว่าเพื่อนได้ไหมครับ” เซิร์ฟแกล้งพูดขึ้นเพื่อดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายว่าจะตอบกลับอย่างไร “เป็นน้องสาวก็ได้ค่ะ ดูสนิทมากกว่าเพื่อนขึ้นมานิดหนึ่ง” แพรไหมรู้ดีว่าชายหนุ่มนั้นหมายถึงอะไร แต่ก็ตอบเฉไฉกลับไป “มากกว่าน้องสาวได้ไหมครับ” เซิร์ฟเริ่มรุกหนักขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเขาเองก็อยากแสดงออกให้ชัดเจนว่ารู้สึกยังไงกับอีกฝ่ายถึงแม้ว่าสถานะคนรักจะยังไม่ถึงเวลาก็ขอแสดงความเป็นเจ้าของไว้ก่อน “แพรพึ่งจะอายุ 15 เองนะคะ” แพรไหมตอบกลับเสียงใสเพราะเธอคิดคำตอบที่จะเลี่ยงไม่ออกแล้วจริง ๆ “โอเคครับ น้องสาวก็น้องสาวใช้นางสาวครบ 2 ปีเมื่อไหร่ค่อยขยับขึ้นเป็นอย่างอื่นก็ได้ครับ” ชายหนุ่มพูดตัดพ้อทำเสียงน่าสงสารจนอีกฝ่ายอดขำไม่ได้ “เดี๋ยวอีกหน่อยพี่เซิร์ฟก็เจอสาว ๆ สวย ๆ คงลืมเด็กน้อยคนนี้แล้วแหละค่ะ” “ไม่มีทางลืมแน่นอนครับ” “พี่เซิร์ฟวันนี้เราอาจจะมั่นใจในความรู้สึกเรา แต่วันข้างหน้ามันจะเปลี่ยนไปหรือเปล่าเราไม่มีทางรู้ เพราะฉะนั้นแพรไม่อยากให้พี่เซิร์ฟปิดกั้นตัวเอง วันหนึ่งอาจจะมีคนดี ๆ คนที่เหมาะสมกับพี่เซิร์ฟเข้ามาอย่าปิดกั้นและปิดโอกาส ถ้าอีกสองปีพี่เซิร์ฟยังไม่มีใครเราค่อยกลับมาคุยเรื่องนี้กันอีกทีดีไหมคะ” แพรไหมฝืนความรู้สึกพูดออกไปทั้งที่ในใจก็ไม่อยากเสียชายหนุ่มไป เพราะเธอไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ดึงคนคนหนึ่งไว้กับตัวเองทั้งที่ตอนนี้เธอเองก็ยังให้สถานะอะไรกับชายหนุ่มไม่ได้ เพราะฉะนั้นเขาก็สมควรได้เจอคนอื่นที่เหมาะสมมากกว่า “โอเคครับ พี่จะพิสูจน์ให้น้องแพรเห็นหวังว่าอีกสองปีพี่จะได้ขยับสถานะจากพี่ชายไปเป็นอย่างอื่นนะครับ” ชายหนุ่มตอบรับข้อเสนอทันทีเพราะเขามั่นใจหัวใจตัวเองว่าไม่มีทางเผลอไผลไปชอบคนอื่นแน่นอน “พอถึงวันนั้นแพรจะไม่ปฏิเสธแน่นอนค่ะ” ใจดวงน้อยได้แต่ภาวนาให้ฟ้าใจดีกับเธออย่างนี้ตลอดไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD