“กางเกงไซซ์เอสครับ ส่วนบราสามสิบหกซีนะครับ”
...
“เอาคละกันมาหลายๆ สีแล้วกันครับเผื่อเขาต้องอยู่ที่นี้อีกหลายวัน”
...
“ครับ! ถ้าดื้อมากผมจะจัดการเอง ไม่ต้องห่วงนะครับ”
หึ่ย!
เสียงเดิมที่ฉันได้ยินก่อนหมดสติกำลังคุยสายสั่งเสียงานกับใครอีกคน
พบฉันลืมตาขึ้นก็เจอเขากับคนเดิมที่เป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นๆ กำลังยืนเท้าเอวขมวดคิ้วมองมาที่ฉัน
และดูท่าว่าจะเห็น
“ตื่นแล้วก็มาคุยกัน”
...
“หนูดี! ลุกมาเดี๋ยวนี้”
ฉันเปิดเปลือกตาและลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงอย่างห้ามไม่ได้
ดีเลย! ฉันจะเอาเรื่องเมียอีตานี้ที่มาทำร้ายร่างกายฉัน
“อ่า...เอาผ้าห่มปิดก่อนสิ”
“ว๊าย!”
ทั้งร่างกายไม่มีอะไรปกปิดถึงว่าไอ้ไซซ์สามสิบหกซีที่บอกคนใส่สายนั่นคือขนาดบราของฉัน
“เสื้อผ้าฉันไปไหน”
“กองอยู่นั่นไง”
“ไอ้เลว! แกถอดชุดฉันทำไมห้ะ” ฉันอยู่ในสภาพเปลือยเปล่านอนอยู่บนเตียงในห้องนอน อย่าบอกว่า...
“อยากใส่เลอะๆ แบบนั้นก็เชิญ”
“ทำไมมันสกปรกอย่างนี้ รู้ไหมพวกนี้ราคาเท่าไร”
“แล้วไง ถ้าตอนนี้ต้องเลือกระหว่างนอนแก้ผ้าบนเตียงกับใส่เสื้อผ้าราคาถูกๆ จะเลือกอะไรห้ะ”
“แล้วทำไมฉันต้องเลือก”
“ก็ตอนนี้ตัวเองกำลังนอนแก้ผ้าอยู่ และที่นี่ก็ไม่มีใครนอกจากเรา...”
“แล้วทำไม นายจะทำอะไรฉัน”
“มันง่ายนะถ้าจะ//ไอ้ไคม์” ฉันคิดว่าคนอย่างมันไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก มันแค่สนุกที่ข่มให้ฉันกลัวและยอมแพ้เพราะอยากจะเอาชนะก็เท่านั้น
“อยากรู้ว่าจะกัดขาดรึเปล่าอะสิ หรือว่าจะอมมิดด้าม”
“ลองเซ้!” ฉันไม่ยอม
ทำไมฉันต้องยอมให้ผู้ชายเอาเรื่องเพศมาขู่ให้กลัวและต้องยอมแพ้ด้วย
“ปากดีแบบนี้โคตรชอบ”
“ก็มาเซ้...อึ๊ก!” คราวนี้เป็นฉันเองที่ถูกคร่อมเอว
มือของไคม์พยายามกระตุกผ้าห่มออกเมื่อไม่สำเร็จเพราะฉันกอดไว้แน่น อีตานั่นจึงหันไปถอดของตัวเองแทน
“ตอนนี้เราเท่าเทียมกันแล้วนะ”
“พูดบ้าอะไร”
“หนูดีไม่มีเสื้อผ้าใส่ พี่ก็ไม่มี”
กรี๊ด!!!
กางเกงชั้นในชายเป็นชิ้นสุดท้ายที่เห็นเพราะไคม์ถอดมันออกแล้วโยนใส่หน้า
เป็นอีกครั้งที่ฉันช็อกหมดสติทันทีและไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นจนกระทั่งเช้า
เพี๊ยะ!
“ไคม์! ลุกเดี๋ยวนี้เลย”
“ครับป้า”
“โอ๊ย! หัวใจป้าจะวายตาย นี้เราลากน้องมากินจนได้นะ”
ฮื้อออ
ฉันสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโวยวายของป้าชีวา และด้วยความตกใจจึงกระโดดออกจากเตียงไปยืนตัวสั่นติดกำแพงห้องนอน
จังหวะนี้เอง ทั้งฉันและป้าชีวาจึงเห็นขี้เซานอนแก้ผ้าบนเตียงอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ไอ้ชีเปลือยร่างใหญ่ยังนอนบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยล้าอย่างหน้าไม่อาย
“เอะอะเสียงดังอะไรแต่เช้าครับป้า”
“ยังจะมีหน้ามาถามอีกนะ”
“โอ๊ย!!”
ป้าชีวาโยนผ้าขนหนูผืนหนึ่งให้ไคม์แล้วฟาดมือไม่ยั้งอย่างลงโทษหลานชาย
ฉันเองก็อย่าตีมันให้ตายเหมือนกันที่มารังแกฉันแบบนี้
“ทำไมถึงได้ทำกับน้องแบบนี้”
“เราแค่นอนด้วยกันเองป้า เรื่องใหญ่ตรงไหน”
“ไคม์”
ฮื้ออ....
ฉันปล่อยโฮลั่นอย่างคนไร้สติกับคำนั้น
“หญิงชายนอนกกกอดด้วยกันมันเรื่องเล็กซะที่ไหนตาไคม์ ลุกไปแต่งตัวเดี๋ยวนี้”
“หนูดีจะกลับบ้าน” ฉันร้องกลับบ้าน
เวลานี้ไม่มีที่ไหนดีไปกว่าบ้านอีกแล้ว
“เดี๋ยวเราไปพร้อมกันนะจ๊ะหนูดี”
ฮื้อออ....
“ไอ้หลานตัวดีของป้ามันต้องรับผิดชอบในสิ่งที่มันทำ”
“ห้ะ”
ฉันหันมองหน้าป้าชีวา อย่าบอกนะว่าจะเป็นอย่างที่คิด
“ผมต้องรับผิดชอบอะไรป้า ผมแค่นอนกับน้องแค่นั้นเองนะ หนูดีบอกป้าไปสิ” ไคม์หันมาตวาดใส่ฉันราวกับว่าฉันเป็นคนผิดที่เอาแต่ยืนร้องไห้
“จะให้ฉันพูดอะไร!”
“ก็แค่นอนด้วยกัน มันเรื่องใหญ่ตรงไหน อย่าเงียบสิ”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะไคม์ ป้าไม่เคยสอนให้แกไร้มารยาท ไร้ความรับผิดชอบแบบนี้”
“ผมต้องรับผิดชอบอะไรด้วยป้า! ผมกับน้องแค่นอนด้วยกัน แค่นั้น” คำธรรมดาแต่ทว่าคนฟังเจ็บจี๊ด
ชายหญิงนอนแก้ผ้าร่วมเตียงกัน สำหรับอีตาไคม์มันเป็นเรื่องใหญ่ตรงไหน
“พูดอะไรสักคำสิปากเก่งนักไม่ใช่รึไง รึว่าอยากได้พี่เป็นผัว”
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือป้าชีวาลงโทษหลานชายในขณะฉันกำลังยืนอึ้งกับเหตุการณ์นี้
“แกต้องรับผิดชอบน้อง ป้าจะไปสู่ขอหนูดีกับดุจดาวให้เป็นเรื่องเป็นราว”
“เดี๋ยวนะคะป้า คือหนูดีคิดว่าเราควรคุยกันก่อนนะคะ” แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันใหญ่ที่สุดในชีวิตของฉันตั้งแต่เกิดมาจนอายุยี่สิบเอ็ดปี
แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับการแต่งงานกับคนที่ฉันเกลียดและยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย