“คุณชีวาค่ะ! ทางนู้นมีอาสาสมัครเป็นลม”
“ไปเอายาที่รถดิฉันได้เลยค่ะจอดอยู่ตรงนั้น”
ครืด!!!!
“ตาเถร”
แชะ
แชะ
แชะ
เสียงประตูรถตู้ถูกเปิดออกและฉันก็พยายามขยับตัวแต่ก็ไม่สำเร็จ มิหนำซ้ำยังถูกฉวยกอดเอวรัดไว้แน่นกว่าเดิม
ฉันกำลังอยู่ช่วงมึนงงกับสถานการณ์ที่เจอตรงหน้าแต่พอมีแสงสว่างวาบวับๆ มันก็เรียกสติของฉันให้สะดุ้งขึ้น
“เมื่อกี้ถ่ายรูปฉันเหรอ”
“อ่า...”
“ลบเดี๋ยวนี้นะ ถ่ายทำไม พวกแกแอบถ่ายฉัน”
“ตอนนี้ก็ไลฟ์สดอยู่ด้วย”
“หนูดี! หนูลงจากตักพี่เขาก่อนเถอะนะ”
“หึ่ย!”
เพี๊ยะ!
ฉันอยู่ท่านั่งหันหน้าชนกันและคร่อมตักฝ่ายชายบนเบาะในลักษณะปรับนอน และอีตาไคม์ก็โอบเอวฉันไว้อีกข้างล็อกท้ายทอย
ไม่นานต่อจากนั้น ทั้งภาพทั้งคลิปที่ฉันจูบดูดดื่มกับไคม์ก็ว่อนเต็มไปทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตพร้อมคำวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา
“งามหน้าไหมห้ะ ให้ไปช่วยงานกุศลแต่ดันไปทำตัวทุเรศๆ”
“พ่อ! หนูดีบอกแล้วไงว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”
“อุบัติเหตุยังไงถึงได้อยู่ในท่านั้น”
“ก็...”
“ฉันกับแม่ตามใจแกมากไปใช่ไหม แกถึงได้เหลวแหลกทำตัวกร้านโลกแบบนี้ มีที่ไหนไปนั่งคร่อมผู้ชายแล้วดูดปากกันบนรถ”
“คุณพี่!”
ฉันพยายามอธิบายเหตุการณ์บนรถแต่ทั้งแม่และพ่อต่างก็ไม่ฟัง
ในชีวิตฉันไม่เคยมีแฟนสักคนและคนอย่างฉันจะกร้านโลก เหลวแหลกอย่างที่พ่อแม่ว่าได้ไง
“หยุดเลยนะดุจดาว! เธอเป็นแม่ควรจะสั่งสอนลูกสาวเราให้มันทำตัวดีๆ มีค่ามีราคาหน่อย สมัยนี้ผู้ชายมันไม่ได้โง่นะที่จะใช้วิธีรวบหัวรวบหางแล้วเขาจะรับผิดชอบ อยากร่านไปให้เขาเจาะไข่แดงง่ายๆ มันก็ฟันแล้วทิ้งก็เท่านั้น ไม่ใช่สมัยก่อนที่ฉันต้องมาขอเธอแต่งงาน เข้าใจไหม”
“คุณพี่! พูดแบบนี้กับฉันอีกแล้วนะ”
“ก็นี้มันวิธีของเธอไม่ใช่เหรอห้ะ”
“คุณพี่!”
นี้แหละภูมิหลังของครอบครัวฉัน
ฉากหน้าที่ดูว่ามีพร้อมไปเสียทุกอย่างแต่ภายในกลับเน่าเฟะ
ผู้ชายสมัยก่อนถ้าได้ล่วงเกินฝ่ายหญิงไปแล้ว สุดท้ายต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงานทุกราย ถึงแม้มันจะไม่เกิดจากความรักแต่ก็ต้องทนอยู่ไปเพราะพลาดท่าไปมีอะไรกัน
“อ้าวหนูมิน”
“สวัสดีค่ะคุณลุง,คุณป้า มินขอรับตัวหนูดีไปอยู่ที่บ้านสักพักได้ไหม”
“เดี๋ยวนักข่าวก็ตามไปวุ่นวายที่นั่นเปล่าๆ”
“ไม่มีใครกล้ากับส.ส.ทรงวุฒิเหรอคะ คุณลุงกับคุณป้าจะได้พักผ่อนเงียบๆ บ้าง หนูดีก็เหมือนกัน” แม่พระคนเดียวของฉันมารับตัวฉันไปหลบพักรักษาใจ
จริงอย่างที่คำคมเคยว่าไว้ เพื่อนไม่จำเป็นต้องมีมากมาย มีแค่คนเดียวที่จริงใจและพร้อมอยู่เคียงข้างเราในยามลำบากก็พอ
บ้านมินตรา
“เรื่องมันยังไงห้ะ”
“ฉันก็บอกแล้วไง”
“หยุดสะอื้น! เช็ดน้ำตา! ฉันไม่มีอารมณ์มานั่งปล่อยแกนะหนูดี ตั้งสติแล้วค่อยๆ พูด”
ฮื้ออ...
นางฟ้าแสนดีในฐานะเพื่อนรักดุเข้าให้
จริงๆ แล้วตั้งแต่วันนั้นฉันยังไม่ได้เจอหน้าใครรวมถึงมินตรา ไม่ได้ไปเรียนเพราะข่าวมันแพร่กระจายไปทั่ว
“วันนั้น ไอ้บ้าไคม์มันอุ้มฉันขึ้นรถแล้วก็เกิดเถียงกัน มันนอนขวางทางไม่ให้ฉันลงจากรถและท้าให้ฉันกระโดดข้ามเบาะไปเอง”
“แล้วไปจูบกันได้ไง”
“ฉันไม่รู้”
“แกนั่งคร่อมตักจูบปากเขาแต่แกไม่รู้”
“ก็จังหวะมันเร็วไปหมด กว่าฉันจะรู้ตัวก็มีคนถ่ายรูปถ่ายคลิปไปแล้ว” นี้ถือเป็นการพูดถึงเหตุการณ์นั้นมากที่สุดตั้งแต่เกิดเรื่อง ที่ผ่านมาฉันไม่อยากนึกถึงมันอีกด้วยซ้ำ
ทุกอย่างมันรวดเร็วอย่างที่เล่าจริงๆ
อีตานั่นมันพูดจาลามกกับฉันก่อนแล้วผิดเหรอที่ฉันจะไม่ยอม ฉันท้าทายกลับและพยายามกระโดดข้ามเบาะที่ขวางแต่พลาดท่าไปนั่งคร่อมเอวและเรื่องวุ่นๆ ตามมาอีกเป็นพรวน
“แกไม่ได้โกหกฉันนะ”
“ฉันโกหกแกทำไมมิน”
“งั้นก็หลบเงียบๆ สักเดือนแล้วกัน เดี๋ยวข่าวก็เงียบลงไปเอง”
ห้างสรรพสินค้า
อาทิตย์กว่าๆ ที่ฉันกินนอนประดุจดั่งคุณหนูอีกคนของบ้านท่านส.ส.ทรงวุฒิอันแสนเบื่อหน่าย
มินตรายังคงไปเรียนและทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยจนดึกทุกวัน พอกลับมาแล้วนางก็มุดอยู่แต่ในห้อง
สุดท้าย! นิสัยขี้เบื่อของฉันก็เอาชนะการเก็บตัวเงียบๆ ฉันมาเดินห้างแก้เซ็งและมองหาร้านตัดผมแต่งเล็บแก้กลุ้ม
โชคดีที่ช่วงนี้โควิด การจะใส่แมสใส่หมวกอำพรางใบหน้าจึงเป็นเรื่องง่าย
“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง วันนี้จะให้รับใช้อะไรดีคะ”
“วันนี้จะเปลี่ยนสีผมหน่อยค่ะ”
“อ้าว! น้องหนูดี หายหน้าไปเลยนะคะ” ฉันลืมไปสนิทเลยว่ามาทำผมต้องถอดแว่นและหมวก และเป็นธรรมดาที่ช่างประจำร้านจะจำหน้าฉันได้และทักทายฉัน
“พี่ช่วยเงียบๆ หน่อยได้ไหม”
“อ้อ! ช่วงนี้เป็นข่าวอยู่นี้นะ ถึงว่าทำไมต้องปิดหน้าปิดตามิดชิด”
“คนมองหมดแล้ว ไว้วันหลังหนูดีมาทำผมใหม่นะคะ”
“เอ้า!”
ปกติฉันมักจะเฉิดฉายและเชิดใส่เวลามีใครมองเพราะฉันสวย แต่พอเกิดเรื่องกับอีตาไคม์ ฉันกลายเป็นคนประหม่า ขี้ระแวงและกลัวไปหมด
อาจเป็นเพราะข้อความเป็นพันๆ ที่ส่งมาขู่ฆ่าฉันที่ดันไปยุ่งกับผัวของเขา
อีตานั่นมีสาวๆ ในสต๊อกกี่คนกันแน่ ทำไมคนเหล่านั้นจึงอยากจะฆ่าฉันให้ตายกับข่าวที่เห็น
มีเพจรวมกันแอนตี้ฉันเยอะแยะไปหมดในเวลาข้ามคืน มีคนที่ฉันไม่รู้จักเยอะแยะไปหมดมานั่งแฉพฤติกรรมว่าฉันเคยทำอะไรกับใคร
โอ๊ย!
“นางหนูดี อีร่าน”
เพี๊ยะ!
ฉันกำลังจะถึงรถของตัวเองแต่จู่ๆ ก็มีมือปริศนาฟาดมาที่ใบหน้าของฉัน
พวกมันเข้ามารุมทึ้งดึงแว่นและแมสออก แต่พวกมันกลับปกปิดใบหน้าตัวเองไว้
“มึงคิดว่าตัวเองแน่นักเหรอวะ”
“อยากแย่งผัวคนอื่นนักก็ต้องโดนแบบนี้”
“ตายซะเถอะอีกะหรี่”
เพี๊ยะ!
ผลัวะ!
โอ๊ย!
ฉันได้แต่นอนงอตัวอยู่กับพื้นด้วยความจุกและตื่นกลัว ฉันที่เคยปากเก่งกับคนเขาไปทั่วแต่ถึงเวลาจวนตัวจริงๆ กลับขี้ขลาดจนไม่กล้าร้องขอความช่วยเหลือด้วยซ้ำ
เพี๊ยะ!
“นี้สำหรับที่มึงมายุ่งกับผัวกู”
“ทำอะไรกัน หยุดนะ!”
ตายแล้วคุณ...
“หนูดี!”
เสียงนั้นแว่วลอยห่างออกไป จากนั้นสติฉันก็เลือนหายไม่รู้เนื้อรู้ตัวอีกเลย