ปากดี 2

1225 Words
“คุณชีวาค่ะ! ทางนู้นมีอาสาสมัครเป็นลม” “ไปเอายาที่รถดิฉันได้เลยค่ะจอดอยู่ตรงนั้น” ครืด!!!! “ตาเถร” แชะ แชะ แชะ เสียงประตูรถตู้ถูกเปิดออกและฉันก็พยายามขยับตัวแต่ก็ไม่สำเร็จ มิหนำซ้ำยังถูกฉวยกอดเอวรัดไว้แน่นกว่าเดิม ฉันกำลังอยู่ช่วงมึนงงกับสถานการณ์ที่เจอตรงหน้าแต่พอมีแสงสว่างวาบวับๆ มันก็เรียกสติของฉันให้สะดุ้งขึ้น “เมื่อกี้ถ่ายรูปฉันเหรอ” “อ่า...” “ลบเดี๋ยวนี้นะ ถ่ายทำไม พวกแกแอบถ่ายฉัน” “ตอนนี้ก็ไลฟ์สดอยู่ด้วย” “หนูดี! หนูลงจากตักพี่เขาก่อนเถอะนะ” “หึ่ย!” เพี๊ยะ! ฉันอยู่ท่านั่งหันหน้าชนกันและคร่อมตักฝ่ายชายบนเบาะในลักษณะปรับนอน และอีตาไคม์ก็โอบเอวฉันไว้อีกข้างล็อกท้ายทอย ไม่นานต่อจากนั้น ทั้งภาพทั้งคลิปที่ฉันจูบดูดดื่มกับไคม์ก็ว่อนเต็มไปทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตพร้อมคำวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา “งามหน้าไหมห้ะ ให้ไปช่วยงานกุศลแต่ดันไปทำตัวทุเรศๆ” “พ่อ! หนูดีบอกแล้วไงว่ามันเป็นอุบัติเหตุ” “อุบัติเหตุยังไงถึงได้อยู่ในท่านั้น” “ก็...” “ฉันกับแม่ตามใจแกมากไปใช่ไหม แกถึงได้เหลวแหลกทำตัวกร้านโลกแบบนี้ มีที่ไหนไปนั่งคร่อมผู้ชายแล้วดูดปากกันบนรถ” “คุณพี่!” ฉันพยายามอธิบายเหตุการณ์บนรถแต่ทั้งแม่และพ่อต่างก็ไม่ฟัง ในชีวิตฉันไม่เคยมีแฟนสักคนและคนอย่างฉันจะกร้านโลก เหลวแหลกอย่างที่พ่อแม่ว่าได้ไง “หยุดเลยนะดุจดาว! เธอเป็นแม่ควรจะสั่งสอนลูกสาวเราให้มันทำตัวดีๆ มีค่ามีราคาหน่อย สมัยนี้ผู้ชายมันไม่ได้โง่นะที่จะใช้วิธีรวบหัวรวบหางแล้วเขาจะรับผิดชอบ อยากร่านไปให้เขาเจาะไข่แดงง่ายๆ มันก็ฟันแล้วทิ้งก็เท่านั้น ไม่ใช่สมัยก่อนที่ฉันต้องมาขอเธอแต่งงาน เข้าใจไหม” “คุณพี่! พูดแบบนี้กับฉันอีกแล้วนะ” “ก็นี้มันวิธีของเธอไม่ใช่เหรอห้ะ” “คุณพี่!” นี้แหละภูมิหลังของครอบครัวฉัน ฉากหน้าที่ดูว่ามีพร้อมไปเสียทุกอย่างแต่ภายในกลับเน่าเฟะ ผู้ชายสมัยก่อนถ้าได้ล่วงเกินฝ่ายหญิงไปแล้ว สุดท้ายต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงานทุกราย ถึงแม้มันจะไม่เกิดจากความรักแต่ก็ต้องทนอยู่ไปเพราะพลาดท่าไปมีอะไรกัน “อ้าวหนูมิน” “สวัสดีค่ะคุณลุง,คุณป้า มินขอรับตัวหนูดีไปอยู่ที่บ้านสักพักได้ไหม” “เดี๋ยวนักข่าวก็ตามไปวุ่นวายที่นั่นเปล่าๆ” “ไม่มีใครกล้ากับส.ส.ทรงวุฒิเหรอคะ คุณลุงกับคุณป้าจะได้พักผ่อนเงียบๆ บ้าง หนูดีก็เหมือนกัน” แม่พระคนเดียวของฉันมารับตัวฉันไปหลบพักรักษาใจ จริงอย่างที่คำคมเคยว่าไว้ เพื่อนไม่จำเป็นต้องมีมากมาย มีแค่คนเดียวที่จริงใจและพร้อมอยู่เคียงข้างเราในยามลำบากก็พอ บ้านมินตรา “เรื่องมันยังไงห้ะ” “ฉันก็บอกแล้วไง” “หยุดสะอื้น! เช็ดน้ำตา! ฉันไม่มีอารมณ์มานั่งปล่อยแกนะหนูดี ตั้งสติแล้วค่อยๆ พูด” ฮื้ออ... นางฟ้าแสนดีในฐานะเพื่อนรักดุเข้าให้ จริงๆ แล้วตั้งแต่วันนั้นฉันยังไม่ได้เจอหน้าใครรวมถึงมินตรา ไม่ได้ไปเรียนเพราะข่าวมันแพร่กระจายไปทั่ว “วันนั้น ไอ้บ้าไคม์มันอุ้มฉันขึ้นรถแล้วก็เกิดเถียงกัน มันนอนขวางทางไม่ให้ฉันลงจากรถและท้าให้ฉันกระโดดข้ามเบาะไปเอง” “แล้วไปจูบกันได้ไง” “ฉันไม่รู้” “แกนั่งคร่อมตักจูบปากเขาแต่แกไม่รู้” “ก็จังหวะมันเร็วไปหมด กว่าฉันจะรู้ตัวก็มีคนถ่ายรูปถ่ายคลิปไปแล้ว” นี้ถือเป็นการพูดถึงเหตุการณ์นั้นมากที่สุดตั้งแต่เกิดเรื่อง ที่ผ่านมาฉันไม่อยากนึกถึงมันอีกด้วยซ้ำ ทุกอย่างมันรวดเร็วอย่างที่เล่าจริงๆ อีตานั่นมันพูดจาลามกกับฉันก่อนแล้วผิดเหรอที่ฉันจะไม่ยอม ฉันท้าทายกลับและพยายามกระโดดข้ามเบาะที่ขวางแต่พลาดท่าไปนั่งคร่อมเอวและเรื่องวุ่นๆ ตามมาอีกเป็นพรวน “แกไม่ได้โกหกฉันนะ” “ฉันโกหกแกทำไมมิน” “งั้นก็หลบเงียบๆ สักเดือนแล้วกัน เดี๋ยวข่าวก็เงียบลงไปเอง” ห้างสรรพสินค้า อาทิตย์กว่าๆ ที่ฉันกินนอนประดุจดั่งคุณหนูอีกคนของบ้านท่านส.ส.ทรงวุฒิอันแสนเบื่อหน่าย มินตรายังคงไปเรียนและทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยจนดึกทุกวัน พอกลับมาแล้วนางก็มุดอยู่แต่ในห้อง สุดท้าย! นิสัยขี้เบื่อของฉันก็เอาชนะการเก็บตัวเงียบๆ ฉันมาเดินห้างแก้เซ็งและมองหาร้านตัดผมแต่งเล็บแก้กลุ้ม โชคดีที่ช่วงนี้โควิด การจะใส่แมสใส่หมวกอำพรางใบหน้าจึงเป็นเรื่องง่าย “สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง วันนี้จะให้รับใช้อะไรดีคะ” “วันนี้จะเปลี่ยนสีผมหน่อยค่ะ” “อ้าว! น้องหนูดี หายหน้าไปเลยนะคะ” ฉันลืมไปสนิทเลยว่ามาทำผมต้องถอดแว่นและหมวก และเป็นธรรมดาที่ช่างประจำร้านจะจำหน้าฉันได้และทักทายฉัน “พี่ช่วยเงียบๆ หน่อยได้ไหม” “อ้อ! ช่วงนี้เป็นข่าวอยู่นี้นะ ถึงว่าทำไมต้องปิดหน้าปิดตามิดชิด” “คนมองหมดแล้ว ไว้วันหลังหนูดีมาทำผมใหม่นะคะ” “เอ้า!” ปกติฉันมักจะเฉิดฉายและเชิดใส่เวลามีใครมองเพราะฉันสวย แต่พอเกิดเรื่องกับอีตาไคม์ ฉันกลายเป็นคนประหม่า ขี้ระแวงและกลัวไปหมด อาจเป็นเพราะข้อความเป็นพันๆ ที่ส่งมาขู่ฆ่าฉันที่ดันไปยุ่งกับผัวของเขา อีตานั่นมีสาวๆ ในสต๊อกกี่คนกันแน่ ทำไมคนเหล่านั้นจึงอยากจะฆ่าฉันให้ตายกับข่าวที่เห็น มีเพจรวมกันแอนตี้ฉันเยอะแยะไปหมดในเวลาข้ามคืน มีคนที่ฉันไม่รู้จักเยอะแยะไปหมดมานั่งแฉพฤติกรรมว่าฉันเคยทำอะไรกับใคร โอ๊ย! “นางหนูดี อีร่าน” เพี๊ยะ! ฉันกำลังจะถึงรถของตัวเองแต่จู่ๆ ก็มีมือปริศนาฟาดมาที่ใบหน้าของฉัน พวกมันเข้ามารุมทึ้งดึงแว่นและแมสออก แต่พวกมันกลับปกปิดใบหน้าตัวเองไว้ “มึงคิดว่าตัวเองแน่นักเหรอวะ” “อยากแย่งผัวคนอื่นนักก็ต้องโดนแบบนี้” “ตายซะเถอะอีกะหรี่” เพี๊ยะ! ผลัวะ! โอ๊ย! ฉันได้แต่นอนงอตัวอยู่กับพื้นด้วยความจุกและตื่นกลัว ฉันที่เคยปากเก่งกับคนเขาไปทั่วแต่ถึงเวลาจวนตัวจริงๆ กลับขี้ขลาดจนไม่กล้าร้องขอความช่วยเหลือด้วยซ้ำ เพี๊ยะ! “นี้สำหรับที่มึงมายุ่งกับผัวกู” “ทำอะไรกัน หยุดนะ!” ตายแล้วคุณ... “หนูดี!” เสียงนั้นแว่วลอยห่างออกไป จากนั้นสติฉันก็เลือนหายไม่รู้เนื้อรู้ตัวอีกเลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD