“นายมีอะไรก็ว่ามา เร็วๆ” เป็นครั้งแรกที่ฉันมีความคิดตรงกับไคม์ และจะเป็นแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่ฉันยอมนั่งคุยกับมันแบบผู้ใหญ่ที่โตแล้ว
เราทั้งสองเชิญป้าชีวาออกไปก่อนเพราะเราทั้งคู่ต้องใช้ความคิดและปรึกษาหารือกัน
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่”
“นายหมายถึงเรื่องแต่งงานหรือเรื่องนอนด้วยกัน”
“จริงๆ ก็ทั้งหมดนั่นแหละ แต่เอาเรื่องนอนด้วยกันก่อน หนูดี! เราแค่นอนด้วยกันเองนะ ทำไมพี่ต้องรับผิดชอบเราด้วย” ไคม์ร่ายยาวแบบเหลืออดซึ่งฉันฟังแล้วก็ไม่พอใจนัก
“หนูดีไม่เคยนอนกับผู้ชายเหรอ ถามจริง”
“ไอ้บ้า! แกคงนอนมั่วไปหมดสิถึงได้คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่”
“ก็แค่นอนเว้ย ไม่ได้เอากัน”
“ไอ้บ้า! ไอ้เลว! ไอ้...” ฉันฟาดมือไม่ยั้งใส่คนหน้าด้าน แต่เดี๋ยวนะ!
“อ๋อ...หรือที่แท้ก็อยากโดนเอานี่เอง พอไม่โดนถึงได้โมโห”
...
“ตอนนี้ก็ยังมีเวลานะ อมให้ก่อนสิพี่จะเอาให้หนำใจเลย”
เพี๊ยะ!
ฉันเหลืออดกับความต่ำตมของไคม์
ทำไมหัวสมองมันถึงได้ไม่สูงจากเป้ากางเกงบ้างนะ วันๆ เอาแต่คิดและพูดแต่เรื่องอัปรีย์
“ตบแล้วจะเดินไปง่ายๆ เหรอห้ะ”
“แกจะทำไม”
“ไม่เคยมีใครตบหน้าพี่แบบนี้นะหนูดี คิดว่าตัวเองเป็นใครวะ สูงส่งมากนักเหรอ”
“มาก! ถ้าเทียบกับแกแล้วฉันก็นางฟ้าส่วนแกก็แค่หมาขี้เรื้อนชั้นต่ำที่รอวันตายข้างถนน”
“เยี่ยม! ชอบวะ ปากดีแบบนี้จะเอาให้ร้องลั่นบ้านเลย”
ตุบ!
คำขู่ที่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะโยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ฉันใส่ปกปิดร่างกาย
ไคม์เดินเลี่ยงออกไปเข้าห้องน้ำ ส่วนฉันก็รีบสวมเสื้อและกางเกงให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ออกไปจากห้องนี้
“โผล่หัวกลับมาได้สักทีนะแก” คำแรกที่บิดาทักทายขณะฉันเข้าอาณาเขตบ้าน
ไม่มีคำถามว่าฉันเป็นยังไงบ้าง ไปอยู่กับใครที่ไหน
“หนูดีขอตัวนะคะ”
“แม่แกเลี้ยงให้โตมาเป็นแบบนี้เหรอห้ะ อวดดี แข็งกระด้าง ร่าน”
“พ่อ! หนูดีทำอะไรผิดขนาดนั้นเหรอ” บ้านเราไม่ค่อยอบอุ่นอย่างที่นักข่าวเอาภาพไปลงตามสื่อ เวลาออกงานสังคมพ่อแม่มักชื่นชมว่าฉันเป็นเด็กดีน่ารักสมชื่อแต่นี่คือความจริงที่เกิดขึ้น
เราไม่ได้รักกันขนาดนั้น เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น พ่อแม่ลูกทั้งสามคนเสแสร้งว่ารักเป็นครอบครัวที่อบอุ่นก็แต่เวลาอยู่หน้ากล้อง
“เพราะความร่านของแกมันทำให้ฉันหมดสิทธิ์ลงเล่นการเมือง ทำแม่แกขายหน้า คนอื่นเขาพูดถึงแกว่าไงหัดตามข่าวซะบ้าง พวกฉันอยากเอาหน้ามุดแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด”
“ถ้าเลือกได้พ่อคงอยากให้หนูดีตายๆ ไปซะมากกว่า”
“อย่ามาทำอะไรโง่ๆ นะ แค่นี้พวกฉันก็ไม่มีหน้าในสังคมแล้ว ถ้าเกิดแกคิดอะไรบ้าๆ ทำอะไรโง่ๆ ด้วยการฆ่าตัวตายอีกเรื่องมันเป็นยังไง แกต่างหากที่คงอยากให้พ่อแม่แกตายๆ ไปซะ นังลูกไม่มีรักดี”
“พ่อ...”
นับวันฉันยิ่งรู้สึกห่างไกลกับพวกท่าน
นับวันฉันยิ่งรู้สึกว่านั่นไม่ใช่พ่อและแม่
นับวันฉันยิ่งรู้สึกว่าฉันมีหน้าที่ตอบแทนบุญคุณที่พวกเขาทำให้ฉันเกิดมามีชีวิตบนโลกใบนี้ เขาพยายามมองหาผลประโยชน์จากฉันแค่นั้น
นั่นไม่ใช่สิ่งที่พ่อแม่ควรจะมอบให้ลูก
“เข้าห้องแกไปซะ อย่าคิดอะไรโง่ๆ”
มหาวิทยาลัย
“หนูดี”
“ว่าไงมิน”
“หายดียัง”
“ห้ะ!?”
“เปล่าๆ! วันนี้เลิกเรียนกี่โมง ตอนเย็นไปช็อปปิ้งแก้เครียดกัน โอเคไหม”
อืม...
ชีวิตฉันก็คงมีแค่มินตราที่อยู่เคียงข้างโดยไม่ไม่สนใจว่าฉันจะผ่านอะไรมา
ไม่แสวงหาว่าฉันมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน สุดท้ายแล้วเรายังเป็นเพื่อนกัน
Rrrrrr
“หนูดี! ฉันลืมกระเป๋าเครื่องสำอางมาด้วยอะ ขอยืมแป้งหน่อย”
“อยู่ไหนอะเดี๋ยวเอาไปให้”
“ห้องน้ำหญิงหลังหอสมุด”
ไม่บ่อยนักที่มินจะขอหยิบยืมของใช้ของฉัน และเมื่อเพื่อนคนเดียวที่มีขอยืมของเล็กน้อยแค่นี้ฉันจึงไม่ติดปัญหาอะไร
มินโทรมาตอนฉันใกล้เลิกคลาสพอดี ฉะนั้นหลังจากที่มินเติมแป้งเสร็จแล้วเราก็จะไปผลาญเงินระบายความเครียดกัน
“มิน!”
...
“มิน! แกอยู่ในห้องน้ำเหรอ มิน”
โครม!!!!