บทที่ ๙ เสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้

1968 Words
บทที่ ๙ เสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้ “วันนี้ไม่ไปเที่ยวไหนหรือเจ้าเนตร” เขมิกาถามขณะในมือยังพับใบตองไม่หยุด เพื่อให้ข้าวสารไม่ล้นทะลักออกมาข้างนอก ก่อนจะใช้ตอกมัดใบตองที่พึ่งห่อเสร็จมารวมกับอีกสองชิ้นที่เหลือเข้าด้วยกัน เนตรนรินทร์พองแก้มเล็กน้อยขณะห่อข้าวต้มมัดช่วยเขมิกา เจ้าตัวไม่พูดอะไรตั้งแต่มาช่วยเธอห่อขนมนานแล้ว “ลุงไม่ให้ไปแล้ว...” พูดด้วยเสียงนอยๆ ก่อนจะวางข้าวต้มมัดใส่ซึ้งเพื่อเอาไปนึ่งต่อ ถ้าห่อเสร็จเขาว่าจะไปขูดมะพร้าวทำข้าวต้มหัวหงอกกินพลางๆ ระหว่างรอกินข้าวเที่ยงเสียหน่อย “ไปก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ พ่อเขตใช่จะเป็นคนใจร้ายเสียหน่อย” เขมิกานอกจากจะไม่ดุเขตตะวันแล้ว ยังดูจะเข้าข้างอีกฝ่ายเสียมากกว่า เนตรนรินทร์ได้ยินก็ส่งเสียงในลำคอไม่พอใจ ก่อนจะนอนทอดกายลงกับขอบโต๊ะพลางทำหน้าซังกะตาย “เนตรเปล่านะ ลุงบอกว่าวันนี้ทางไร่ยุ่งไม่มีใครว่างเลยสักคน...” เนตรนรินทร์ขมวดคิ้ว “ว่าแต่คนงานในไร่ลุงก็เยอะอยู่แล้ว ทำไมต้องเพิ่มคนงานอีกล่ะ น่าสงสัยแฮะ...” เจ้าตัวเล็กอดที่จะครุ่นคิดไม่ได้ แม้จะตั้งมั่นว่าวันนี้ให้ตายยังไงเขาก็จะไม่ไปเหยียบที่ไร่เคียงตะวันเด็ดขาดก็ตามที “งั้นวันนี้ทั้งวันเนตรจะอยู่กับย่าหรือ” เขมิกาถามหลานชายที่ทำหน้าเบื่อหน่าย “คงงั้นแหละครับ” เจ้าตัวพ่นลมหายใจออกแรงๆ ก่อนจะมองซ้ายแลขวา “ว่าแต่ป้าจันทร์ไปไหนเหรอครับ” “ย่าวานให้ไปเก็บสายบัวให้น่ะ ว่าจะแกงสายบัวใส่ปลาเสียหน่อย เนตรก็ไม่ได้กินนานแล้วนิ” “ว้าว คุณย่าพูดซะท้องเนตรร้องเลย” “จ้าจ้า” เขมิกาส่ายหน้าก่อนจะหันไปห่อข้าวต้มต่อ ปล่อยให้หลานชายทำตัวขี้เกียจอีกสักพักแล้วกัน เนตรนรินทร์งึมงำในลำคอเล็กน้อยก่อนจะหันมานั่งดีๆ พลางมองเขมิกาด้วยท่าทางสนอกสนใจ จนคนถูกมองปรายตามองอีกคนเล็กน้อยก่อนจะหันไปตั้งใจห่อข้าวต้มต่อ “สงสัยอะไรหรือเจ้าเนตร” “หว้า คุณย่ารู้ทันเนตรตลอดเลย” เนตรนรินทร์หัวเราะกลบเกลื่อน ขณะเขยิบเข้าไปใกล้เขมิกาพร้อมเอ่ยถามอีกคนอย่างกระตือรือร้น “คุณย่า คุณย่าเคยเห็นน้องชายลุงหรือเปล่า” “น้องชายพ่อเขตหรือ...ไม่รู้สิ ย่าไม่ค่อยรู้จักญาติฝั่งพ่อเขตมากนักหรอก ว่าแต่เนตรอยากรู้ไปทำไมหรือ?” “แฮะๆ เปล่าครับ เนตรสงสัยเฉยๆ เห็นลุงว่าน้องชายจะแวะมาที่ไร่ เนตรก็นึกว่าคุณย่าก็รู้จักเขา” เขมิกาพยักหน้าเล็กน้อย เหลือบสายตามองอีกคนที่จะดูหงอยลงเหมือนเดิมก่อนจะยิ้มมุมปาก “มาช่วยย่าห่อให้เสร็จ ไว้ทำของหวานกับทานมื้อเที่ยงเสร็จ ย่าวานเอาข้าวต้มมัดไปฝากพ่อเขตหน่อยแล้วกัน” “เอ๊ะ?” เนตรนรินทร์เงยหน้ามองเขมิกาเล็กน้อย ทำหน้าเอ๋อราวกับตนได้ยินอะไรผิดไป “ทำไมไม่ได้หรือ” “ได้ครับ” ขานรับเสียงหวาน แต่ทำหน้าเหมือนจะหมดแรงลงดื้อๆ เพราะตัวเองต้องกลืนน้ำลายตนเสียแล้ว แต่ก็พอจะมีข้ออ้างแบกหน้าไปหาอีกฝ่ายแล้ว หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ เนตรนรินทร์ก็ไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ก่อนจะมาปรากฏตัวที่หน้าบ้านพร้อมลุคใหม่โดยใส่ชุดเอี๊ยมยีนส์สีซีดซ้อนทับเสื้อในสีส้มแปร๊ด ไม่ลืมที่จะโปะแป้งเด็กหอมๆ เป็นการตบท้าย แม้จะยืนอยู่ไกลก็ยังได้กลิ่นแป้งเด็กจากตัวอีกฝ่าย “รีบไปรีบกลับล่ะ” เขมิกาพูดพลางส่งตระกร้าที่เต็มไปด้วยข้าวต้มมัดร้อนๆ กับแกงสายบัวในหม้อใบเล็กให้หลานชาย ที่ตอนนี้ไม่ได้ดูจะตื่นเต้นเลยสักนิด “ครับผม” เจ้าตัวขานรับเสียงหวานขณะยื่นรับตระกร้าจากผู้เป็นย่ามาถือไว้ ส่วนมืออีกข้างก็เอาไว้บังคับทิศทาง “งั้นเนตรไปก่อนนะครับ” เนตรนรินทร์พูดยิ้มๆ เขมิกาถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีดูมีชีวิตชีวาของหลานชาย พอเทียบกับตอนเช้าด้วยแล้วต่างกันกับฟ้ากับเหวเลย พอบอกลาย่าเสร็จ เนตรนรินทร์ก็ปั่นจักรยานของจันทร์ที่ตอนนี้แทบจะกลายเป็นของตัวเองออกจากบ้านไป ก่อนจะฮัมเพลงอย่างคนอารมณ์ดี ราวกับไม่เคยได้ลั่นวาจาในใจว่าวันนี้ทั้งวันจะไม่ไปเหยียบที่ไร่เคียงตะวัน “ลาลัลลา~” เนตรนรินทร์ฮัมเพลงขณะปั่นจักรยานเร็วขึ้นเพื่อให้ถึงไร่เรียงตะวันเร็วๆ พลางออกแรงถีบแรงขึ้นเมื่อเริ่มเห็นปลายทางที่อยู่ใกล้เข้ามา เจ้าตัวส่งเสียงหัวเราะร่าเมื่อนึกถึงใบหน้าของเขตตะวันยามเห็นเขาปรากฏตัว เนตรนรินทร์ก็เร่งฝีเท้าเร็วกว่าเดิมใคร่อยากจะไปกวนอีกคนให้เร็วขึ้นสักวินาทีก็ยังดี แต่เหมือนภาพตรงหน้าจะเริ่มไม่คงที่ ทั้งได้ยินเสียงคล้ายกับเหล็กขาดจะดังขึ้นในเวลาต่อมา ผึง! “อ๊ากกก!!!” เนตรนรินทร์กรีดร้องไม่เป็นภาษาขณะมือบางที่ใช้บังคับจักรยานเริ่มเสียสมดุล เมื่อโซ่ขาดกะทันหันทำให้ทิศทางที่ควรจะตรงไปข้างหน้ากับเลี้ยวลงข้างทางแทนซะอย่างนั้น เจ้าตัวรีบตั้งสติก่อนจะถือตระกร้าแน่นแล้วกระโดดลงจากจักรยาน ปล่อยให้จักรยานเลี้ยวลงข้างทาง ส่วนตัวเองก็ประคองตระกร้าสุดชีวิต “แฮ่กๆ” ราวกับผ่านเหตุการณ์สุดระทึกมามาดๆ เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก เจ้าตัวหอบหายใจอย่างตกใจก่อนจะค่อยๆ ผ่อนลมหายใจคล้ายจะเรียกสติตัวเอง ทว่า บรื้นนน! “ว๊ากกก!!!” เนตรนรินทร์ร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ๆ ก็มีคนมาเบิ้ลรถใส่ ทำให้เขาที่พึ่งผ่านเหตุการณ์ตื่นเต้นมาเมื่อครู่สติสตังยังไม่เข้าที่เท่าที่ควร ก็ต้องมาตกใจอีกรอบ นาทีนี้อย่าถามหาคำสุภาพเลย “แม่งเอ้ย! ตกใจหมด...” เนตรนรินทร์ลูบศีรษะปลอบใจตัวเองขณะหันหลังไปมองที่มาจากเสียงรถเมื่อครู่ ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งรถบิ๊กไบค์สวมชุดหนังสีดำสนิท ก่อนเจ้าตัวจะถอดหมวกกันน็อคพลางสะบัดผมทีสองที แล้วหันมามองเนตรนรินทร์ เนตรนรินทร์ชะงักเมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายครั้งแรกแทบจะหลุดปากเรียกลุงไปแล้ว แต่พอมองดีๆ อีกฝ่ายแม้มีใบหน้าคล้ายเขตตะวันแต่เขาผิวขาวอมชมพูมาก ไม่ได้ออกไปทางผิวคล้ำแดดเหมือนเขตตะวัน “อุ๊บ! ฮ่าๆๆ” “แม่ม...” ทว่า เสียงหัวเราะของบุคคลตรงหน้ากับสร้างความไม่พอใจให้เนตรนรินทร์เป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าขำจนตัวโยน แถมยังชี้นิ้วมาที่เขาอีกคล้ายล้อเลียน คาดว่าเขาคงจะเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเนตรนรินทร์ตั้งแต่ต้นจนจบแน่นอน “ขำไรเนี่ย ไอ้บ้า!” ใบหน้าเนตรนรินทร์ขึ้นสีแดงไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรืออายกันแน่ เจ้าตัวจ้องคนตรงหน้าที่เอาแต่ขำเขาไม่หยุดก็ไม่พอใจขึ้นมา “ฮ่าๆ ก็ขำนายน่ะสิ อุ๊บ! คิกๆ” แม้จะพยายามหยุดขำแล้ว แต่พอย้อนไปนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เขาได้เห็นมากับตาก็ทำเอาหยุดขำไม่ได้ ยิ่งภาพรถจักรยานที่ไร้คนนั่งแล่นลงข้างทางนะยิ่งทำให้เขาหยุดขำไม่ได้เลย ขำจนเจ็บท้องแล้วเนี่ย “ฮึ่ม! หยุดขำเลยนะ ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน...” “ฮ่าๆ นายจะทำอะไรล่ะ” เจ้าของบิ๊กไบค์พูดพลางหัวเราะพลาง เนตรนรินทร์เห็นดังนั้นก็ไม่พอใจก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากด้วยท่าทีชั่วร้าย “ก็จะถีบบิ๊กไบค์นายให้มีสภาพเหมือนจักรยานคันนั้นน่ะสิ! เฮอะ” พูดพลางชี้ไปที่จักรยานที่นอนอยู่ข้างทาง “หา!...” ได้ยินประโยคเชิงข่มขู่จากคนตรงหน้า เขาก็หยุดขำทันทีก่อนจะชักสีหน้าเล็กน้อย ขณะสวมหมวกกันน็อคแล้วเอ่ยกับเนตรนรินทร์อีกประโยค “ว่างๆ ก็หัดไปลดหุ่นบ้างนะ จักรยานพังเพราะนายอ้วนแท้ๆ” “หา ว่าไงนะ นี่!!!” เนตรนรินทร์ยังไม่ทันได้ด่าสักประโยคอีกฝ่ายก็เบิ้ลรถใส่ก่อนจะขับรถออกไป ยิ่งทำให้คนตัวเล็กไม่พอใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะกระทืบเท้าระบายอารมณ์แทนขณะเข็ดเขี้ยวเข็ดฟันยกใหญ่ “คอยดูเถอะ ถ้าเจอหมอนั่นอีกละก็ ตาย!” หลังจากนั้น เนตรนรินทร์เดินมาจนถึงหน้าบ้านเขตตะวัน แต่ก็ยืนอยู่หายใจสักพักไม่เข้าบ้านสักที ทำให้เขาหันไปเห็นรถบิ๊กไบค์แสนคุ้นตาคล้ายกับเคยเห็นมาจากที่ไหนสักที่ “คิดไปเองละมั้ง” เนตรนรินทร์เดินเข้าบ้านขณะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เดินลัดเลาะจนไปถึงห้องนั่งเล่นหวังว่าจะได้เจอเขตตะวัน ทว่า “ลุง คุณย่าวานเนตรให้เอาข้าวต้มมัดกับแกงสายบัวมาฝาก...” ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มหุบลงเมื่อสายตาเห็นใครคนหนึ่งนอนเล่นอยู่บนโซฟา ซึ่งอีกฝ่ายก็หันมามองเห็นเนตรนรินทร์เหมือนกัน ต่างคนต่างตกใจเมื่อเห็นกัน “นาย!!!” ทั้งคู่ประสานเสียง ต่างฝ่ายต่างชี้หน้ากันราวกับศัตรูคู่อาฆาตมาแต่ปางก่อน “กรอดด นายตาย!” “ห๊ะ ไงนะไอ้อ้วน...” คำพูดภาณุหยุดลงเมื่อเห็นเนตรนรินทร์วางตระกร้าไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินเข้ามาหาเขาที่โซฟา ยังไม่ทันที่ภาณุจะได้ลุกขึ้นอีกฝ่ายก็พุ่งตัวเข้ามาจู่โจมเขาแล้ว “แค่กๆ ไอ้บ้า อยู่ๆ กลายเป็นหมูป่าตกมันได้ไงเนี่ย โอ๊ยย เจ็บๆ หยุดนะไอ้เตี้ย!” “ไม่หยุด ต่อให้เอาเงินมาฟาดก็ไม่หยุดให้หรอก ตายซะ!!!” เนตรนรินทร์พูดพลางกัดแขนอีกฝ่ายแน่น ส่วนภาณุเองก็พยายามปกป้องตัวเองสุดความสามารถ แต่ก็ต้องยอมแพ้ โดนเจ้าตัวกัดเจ็บจนน้ำตาเล็ด พยายามจะสลัดอีกฝ่ายให้หลุดจากตัวเองแต่ก็ไม่สำเร็จ เมื่ออีกฝ่ายนอนทับเขาไว้ เรียกได้ว่าแทบไม่ขยับเลย ทั้งคู่สู้รบตบมือกันอยู่บนโซฟานานสองนาน จนต่างคนต่างหอบแต่ก็ไม่มีใครยอมปล่อยใครก่อน “ลุกไปไอ้เตี้ย มันหนักนะเว้ย!” “ธุระ นายสิลุกไปก่อน” “ไม่!” “เหอะ ไม่เหมือนกันนั่นแหละ” ต่างคนได้ยินคำตอบนั้น ต่างเขม็งกันยิ่งกว่าเดิม ราวกับแมวและหมากำลังข่มขู่กันอยู่ และในตอนนั้นเขตตะวันที่กำลังคุยงานอยู่เดินตีคู่เข้ามากับใครคนหนึ่ง ก็ต้องชะงักกับภาพตรงหน้าของเนตรนรินทร์และภาณุ “เอ่อ...นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นสภาพของน้องชายโดนเนตรนรินทร์นอนทับอยู่ “พี่!!!/ลุง!!!” ทั้งคู่ต่างส่งเสียงเรียกเขตตะวันเมื่อเห็นอีกฝ่าย ขณะเขตตะวันเผลอเอามือตบหน้าผากตัวเอง เมื่อพึ่งนึกขึ้นได้ว่าสองแสบที่เขาหวังว่าจะไม่เจอกันดันพบกันแล้วเนี่ยสิ แถมยังมีสภาพแบบนี้ดูก็ว่าไม่ถูกกันแน่ๆ นี่หรือเปล่าที่เขาเรียกว่า ‘เสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้’ แต่ดูจากรูปการณ์น่าจะเปลี่ยนคำว่าเสือเป็นหมามากกว่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD