บทที่ ๖ เพื่อนใหม่

1785 Words
บทที่ ๖ เพื่อนใหม่ “ลุง!!!” เสียงตะโกนของคนตัวเล็กดังขึ้น ขณะถือตะกร้าสานด้วยไม้ไผ่เดินเข้าไปในตัวบ้าน สายตามองร่างสูงที่กำลังเอนกายอยู่บนโซฟาก้มหน้าก้มตาดูเอกสารที่วางกองอยู่บนโต๊ะกระจก เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่เดินฮัมเพลงเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าทำงานต่ออย่างไม่ใส่ใจเท่าไร ราวกับเริ่มชินชากับพฤติกรรมเจ้าของเสียงดังเมื่อครู่ “อะไร” เขตตะวันเอ่ยเสียงเรียบ “เนตรเอาขนมมาฝาก” เจ้าตัวพูดพลางวางตะกร้าลงข้างๆ กองเอกสารของเขตตะวันก่อนจะเดินอ้อมมาดูเอกสารของอีกคนด้วยท่าทางสนอกสนใจ สายตากวาดมองตัวหนังสือเต็มหน้ากระดาษก็ทำหน้าย่นด้วยท่าทีรังเกียจ “แหวะ ตัวหนังสือเต็มเลย” “ก็ไม่ได้บอกให้มาดู...” เขตตะวันเงยหน้ามองตะกร้าทางหางตาพลางพลิกกระดาษเงียบๆ “ขนมอะไร” “ขนมสอดไส้ เห็นคุณย่าว่าลุงชอบ เนตรเองก็ช่วยทำด้วยนะ” ช่วยป่วนมากกว่าน่ะสิ เขตตะวันคิดในใจ “อืม” เขตตะวันขานรับในลำคอ เพราะขี้เกียจจะเถียงด้วย ที่สำคัญแค่ปวดหัวกับงานเอกสารก็เต็มกลืนแล้ว “จะเสร็จตอนไหน” เนตรนรินทร์ก็ไม่วายก่อกวนเขาไม่เลิก “อีกนาน” “ฮึ่ม! เนตรรอไม่ไหวหรอกนะ” คนตัวเล็กพองแก้มขณะกอดอก “ก็พี่ไม่ว่าง...” เขตตะวันนวดขมับตัวเองเล็กน้อย ดูท่าคงจะเครียดกับงานหรือไม่ก็เครียดกับอีกคนที่ยังวอแวเขาไม่เลิก “แต่เนตรจะไปชมไร่ เมื่อวานยังชมไม่หมดเลย นะลุงนะพาเนตรไปหน่อยสิ” อีกคนพูดพลางดึงแขนให้อีกฝ่ายลุกขึ้น แต่เขตตะวันขืนตัวไว้พร้อมแกะมือเล็กออกแต่ก็ไม่สำเร็จ มือคนหรือตีนตุ๊กแกเนี่ย เขตตะวันขมวดคิ้วขณะพยายามแกะมืออีกคนออก “ไม่ได้ วันนี้พี่ต้องอยู่เคลียร์งาน” “ไม่เอา พักก่อนก็ได้ไหม” “ไม่ได้” “ลุง!!!” “เสียงดัง” “เนตรจะตะโกนให้หูแตกไปเลย!” “เนตร” เอ่ยสั้นๆ แต่ทำเอาคนตัวเล็กหยุดการกระทำอัตโนมัติ ถ้าไม่เห็นว่าเขามีสิทธิ์ไปฟ้องเขมิกาละก็นะ เนตรนรินทร์จะไม่ฟังเขาเลย “ชิ” คนตัวเล็กยอมแพ้ก่อนจะปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระพร้อมเดินมานั่งลงข้างๆ อีกฝ่าย ขณะกางแขนกางขาเต็มที่ ใบหน้าเล็กบูดบึ้งเมื่ออีกคนไม่ยอมตามใจ เขาอุตส่าห์ตื่นแต่เช้าลุกขึ้นมาทำขนมเพื่อจะเอามาติดสินบนอีกฝ่าย แต่นอกจากเจ้าตัวจะไม่เห็นถึงความตั้งใจของเขาแล้วยังไม่สนใจเขาอีก เอาแต่สนใจกระดาษที่มีแต่ตัวหนังสือพวกนั้น กระดาษมันมีอะไรน่าสนใจกว่าเขากัน สุดท้ายเขตตะวันก็ถอนหายใจ ก่อนจะวางเอกสารลงพลางหันมามองอีกคนที่พองแก้มอยู่ข้างๆ “เนตร” “...” “เนตร...” เรียกชื่ออีกคนเสียงอ่อนลง แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบสนอง “...” เนตรนรินทร์ทำหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงเรียกของเขา “ไม่ไปชมไร่แล้ว?” “ไปสิ” รีบหันมาตอบอย่างไวเมื่อได้ยินดังนั้น เนตรนรินทร์ตาลุกวาวขณะยันกายลุกขึ้นจากโซฟา แต่ก็ถูกประโยคต่อมาของอีกคนทำให้ท่าทางตื่นเต้นของเขาหยุดชะงักไป ราวกับปิดเครื่องเล่นวิดีโอเพลงลงดื้อๆ “แต่พี่ไม่ได้ตามไปด้วยนะ” “เอ้า ทำไมอะ” “พี่ต้องทำงานไง “ฮึ่ม!” เนตรนรินทร์ทำหน้าไม่พอใจ “เดี๋ยวจะให้คนตามไปเป็นเพื่อนแล้วกัน” “ไม่เอา เนตรจะไปกับลุง” อยู่ที่ไร่เคียงตะวัน ถือว่าเนตรนรินทร์สนิทกับเขามากที่สุด จะให้ไปกับคนไม่สนิทก็กระไรอยู่ ที่สำคัญเขาไม่กล้าจะก่อกวนแน่ แต่กับเขตตะวันไม่เหมือนกันเพราะเขาสามารถงอแงกับอีกฝ่ายได้ คงเพราะเขตตะวันไม่เคยจะดุเขาจริงๆ จังๆ เลย สักครั้ง แม้เจ้าตัวจะชอบทำหน้านิ่ง ทำเสียงเข้มใส่ก็ตามที แต่สุดท้ายเขาก็ใจอ่อนยอมเนตรนรินทร์ไปเสียทุกอย่าง เพราะงั้นไม่มีใครดีเท่ากับเขตตะวันอีกแล้ว “ถ้าไม่ไปก็รอจนพี่ทำงานเสร็จ” “เฮอะ ไม่เอา” นั่นก็ไม่ยอม นี่ไม่เอา ตกลงจะเอายังไงล่ะเนี่ย “งั้นก็เรียกเขามาก่อนละกัน ถ้าทำความรู้จักกันแล้วเนตรอาจจะชอบเขาก็ได้ อายุก็น่าจะไล่เลี่ยกันคงจะคุยกันถูกคอนะ” ได้ยินดังนั้นก็หูผึ่ง แต่ก็เฉไฉทำเป็นเมินไม่สนใจ “เอาไง?” “ก็ได้” ตอบเสร็จก็ส่งยิ้มหวานใส่อีกคน หลังจากนั้น “นี่ต้นน้ำ จะมาทำหน้าที่ดูแลเนตรแทนพี่นะ” เนตรนรินทร์มองคนตรงหน้าหลังจากสิ้นประโยคของเขตตะวัน ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งท่าทางดูทะมัดทะแมง ใบหน้าอีกฝ่ายดูดีในระดับหนึ่ง เจ้าตัวสวมใส่เสื้อแขนยาวปิดไปจนถึงคอ และบนศีรษะก็สวมหมวกฟางสำหรับบังแดดบังลมด้วย ดวงตาสีดำหม่นมองสลับเขตตะวันและเนตรนรินทร์เล็กน้อย “มีอิหยังให้ผมรับใช้เหรอครับคุณเขต” ต้นน้ำพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อมแม้สำเนียงและภาษาจะฟังดูยากสำหรับเนตรนรินทร์ก็ตาม แต่เจ้าตัวดูจะตื่นเต้นมากเมื่อจะได้เป็นเพื่อนคนอีสานครั้งแรกและคนแรกด้วย “แค่จะให้ดูแลเนตรตอนที่ฉันไม่ว่างน่ะ” เขตตะวันตอบ ก่อนสายตาจะมองมายังเนตรนรินทร์ที่เหมือนจะลืมเขาไปชั่วขณะ เพราะความสนใจของเจ้าตัวตอนนี้อยู่ที่ต้นน้ำหมดแล้ว “อ๋อ” ต้นน้ำลากเสียงพลางมองเนตรนรินทร์ “ให้ผมเบิ่งเพิ่นติครับ” “ใช่” เขตตะวันพยักหน้า ส่วนเนตรนรินทร์ดูจะชอบใจเป็นพิเศษ “เนตรนรินทร์นะ เรียกเนตรก็ได้ นายชื่อต้นน้ำเหรออายุเท่าไรล่ะ” เนตรนรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงสดใส มองอีกฝ่ายราวกับเห็นของแปลก แม้ภาษาจะไม่ได้ใช้เหมือนกันแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกระคายหูเลย “แม่นครับ อายุเบาะ อืม...ปีนี้กะยี่สิบเอ็ดแล้วครับ” “ถ้างั้นก็เท่ากันน่ะสิ นายไม่ต้องใช้คำพูดสุภาพกับฉันก็ได้คนกันเอง” เนตรนรินทร์ให้อภิสิทธิ์อีกฝ่าย แต่อีกคนดูจะลังเลเล็กน้อย สายตามองมาทางเขตตะวันราวกับต้องการความเห็น พอเขตตะวันพยักหน้าให้อีกฝ่ายก็ตอบรับเนตรนรินทร์ทันที “สั่นกะตกลง” แม้จะแปลบางคำไม่ออก เนตรนรินทร์ก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายตกลง ก่อนจะหันไปมองเขตตะวัน “ถ้างั้นลุง เนตรขอยืมตัวต้นน้ำไปก่อนนะ ไว้เที่ยงๆ เนตรจะกลับมาทำกับข้าวให้กิน” เขตตะวันชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าตอบรับ “ได้...” “ปะ ไปกัน” เมื่อได้รับคำตอบ เจ้าตัวกลมดิกก็ไม่รอช้าถือวิสาสะคว้ามืออีกฝ่ายก่อนจะลากออกจากห้องนั่งเล่น ทิ้งไว้เพียงเขตตะวันที่มองตามทั้งคู่ไว้เบื้องหลัง “ต้นน้ำ อยู่ที่ไร่นานแล้วเหรอ” เมื่อพากันออกมาจากบ้านแล้ว เนตรนรินทร์ก็เทความสนใจให้เพื่อนใหม่ทันที “เอิ้นต้นซื่อๆ กะได้ดอก” เจ้าตัวตอบก่อนจะครุ่นคิดเล็กน้อย “...กะปีกว่าแล้ว” “ ‘เอิ้น’คืออะไรเหรอ?” เนตรนรินทร์เอียงคออย่างสงสัย “กะแปลว่าเว้านั่นล่ะ” “แล้ว‘เว้า’มันแปลว่าอะไร?” “...” ต้นน้ำมองเนตรนรินทร์เล็กน้อย เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันคล้ายกำลังคิดคำแปลในภาษากลางให้เจ้าตัวได้หายข้องใจ “พูด” “อ๋อ...พูด” เนตรนรินทร์พยักหน้าหงึกๆ เมื่อเข้าใจแล้ว “เอิ้น เว้า เท่ากับพูด ฮ่าๆ โอเค เนตรจะจำไว้” “...” ได้แต่มองอีกคนราวกับพบของแปลก ไม่ต่างจากอีกคนที่มองเขาเป็นของแปลกเช่นกัน “ว่าแต่ต้นเราจะไปไหนกันดีล่ะ?” เนตรนรินทร์มองซ้ายแลขวาเมื่อไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรต่อดี เมื่อวานหลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ เขตตะวันก็พาเขาไปดูสวนผลไม้บางส่วนก่อนจะพาเขาไปส่งบ้านเพราะมีงานด่วนเข้าพอดี เลยมีบางส่วนที่เขายังไปดูไม่หมด แต่ไร่เคียงตะวันกว้างใหญ่เกินไปจนไม่รู้จะไปไหนก่อน ได้แต่ถามความเห็นคนข้างๆ ที่ตอนนี้กำลังขยับหมวกให้เข้าที่ เจ้าตัวครุ่นคิดเล็กน้อย “มื่อนี่ลุงเจิมเพิ่นลงต้นพริกอยู่แปลงผัก เจ้าสิไปเบิ่งบ่ล่ะ” “เอ่อ...พูดช้าๆ” อยู่ๆ ก็รัวภาษาอีสานมาทำเอาสมองเนตรนรินทร์รวน เมื่อไม่สามารถแปลได้ทัน “อ๋อ...” ต้นน้ำส่งเสียงในลำคอคงจะรู้สึกตัวแล้วว่าเจ้าตัวฟังไม่ทัน คิดอยู่นานก็ตอบกลับคนตรงหน้าสั้นๆ “ไปปลูกผักบ่?” “ไป!” แปะ แปะ มือเล็กใช้มือตบดินเบาๆ ขนาดใช้ปลายนิ้วกดดินให้แน่นเพื่อที่จะฝังต้นอ่อนของต้นพริกให้ลำต้นตั้งตรงได้ คนตัวเล็กจะเลียริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยขณะสายตาจ้องมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตามุ่งมั่น “เอ่อ...” สายตาสองคู่มองการกระทำของอีกคนด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก มองต้นพริกที่อีกคนตั้งใจปลูกที่ดูจะมีดินคลุมเยอะกว่าต้นอื่น ดูดีๆ ช่างคล้ายกับหลุมศพต้นพริกอย่างไรอย่างนั้น “ไปพาไผมาแต่ไสล่ะบักต้น” เจิมหันมากระซิบถามคนข้างๆ ที่ดูจะอึ้งไม่ต่างกัน “อ๋อ คุณเขตเพิ่นฝากให้มาเบิ่งนั่นล่ะลุงเจิม” “ป๊าด เกิดมากูบ่เคยพ้อเคยเห็น” “เพิ่นมือใหม่อยู่ซ่างเพิ่นเถาะ” ต้นน้ำถอนหายใจ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้อีกคนที่ดูตั้งอกตั้งใจปลูกมาก ก็ไม่อยากจะทำลายความตั้งใจของเจ้าตัว “เนตร ไปเก็บผลไม้นำบ่” “เก็บผลไม้เหรอ” ทวนคำพูดอีกคนขณะเงยหน้ามองคนชวนด้วยสายตาเป็นประกาย “ไปสิ เนตรอยากไป” “ซั่นกะตามมา” ต้นน้ำกวักมือเรียกอีกคนให้ลุกตามเขาไป ขณะหันไปมองเจิมที่ยังไม่หายอึ้งกับหลุมศพต้นพริกของเนตรนรินทร์อยู่เลย “ลุงซั่นข่อยพาเพิ่นไปก่อนเด้อ” “เออๆ พาไปโลด” เจิมได้แต่โบกมือไล่ ก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อยกับความแปลกของอีกคน ที่ตอนนี้วิ่งตามหลังต้นน้ำต้อยๆ ราวกับลูกหมาวิ่งตามแม่ของมัน หากอีกคนมีหางคงจะส่ายไปมาแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD