บทที่ ๑ ปิดเทอมแล้ว

1932 Words
บทที่ ๑ ปิดเทอมแล้ว เนตรนรินทร์กึ่งเดินกึ่งวิ่งมือหนึ่งถืออาหารจานเดียวอย่างผัดคะน้าพิเศษไข่ดาว ส่วนมืออีกข้างก็ถือชานมไข่มุกเครื่องดื่มสุดโปรด เขาพยายามจะเดินแหวกผู้คนที่ยืนต่อแถวซื้ออาหารเที่ยงออกไปหาเพื่อนสาวที่จองโต๊ะรอเขาอยู่ อากาศร้อนทำให้ชุดศึกษาที่เนตรนรินทร์สวมใส่มีกลิ่นอับทั้งยังยับย่น พาลทำให้เขาหงุดหงิดเพิ่มจากเดิมอยู่แล้ว บวกกับวันนี้สอบวันสุดท้าย ข้อสอบออกมาค่อนข้างจะสวนทางกับตอนเรียน เลยต้องใช้สมองอย่างหนัก เขาทั้งเหนื่อยทั้งหิว ทำให้อารมณ์ในตอนนี้ไม่ค่อยจะคงที่ และเขาก็อยากจะกลับโต๊ะโดยเร็ว แต่เหมือนโชคชะตาจะไม่เห็นใจ เมื่อเนตรนรินทร์เดินผ่านโต๊ะผู้ชายกลุ่มหนึ่งก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ถ้าเป็นปกติเนตรนรินทร์คงจะทำหูทวนลมไม่สนใจ แต่เพราะอารมณ์ไม่ดีทั้งหลายที่สะสมมาแต่เช้า พอถูกสะกิดนิดหน่อยก็ระเบิดออกมา “อะ พวกมึง ดูน้องคนนั้นดิเจอทีไรก็เหมือนจะกลิ้งตลอดเลย ฮ่าๆ”หนึ่งในกลุ่มเอ่ยล้อเลียนเขาเป็นปกติเฉกเช่นทุกวัน ล้อเลียนเขาเสร็จก็หันไปหัวเราะกับเพื่อนในกลุ่ม แต่วันนี้คงพิเศษหน่อยที่มาก่อกวนอารมณ์เนตรนรินทร์ในยามนี้ “จะเดินหรือกลิ้งก็ไม่น่าจะไปหนักหัวพี่นะ”เสียงหัวเราะเมื่อครู่เงียบลงทันทีเมื่อได้ยินคนตัวเล็กเอ่ย ทั้งใบหน้าก็ดูไม่เป็นมิตรเท่าไร “เฮ้ย! พูดอย่างนี้อยากมีเรื่องเหรอวะ!”เพราะเสียงตวาดของรุ่นพี่คนนั้นทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างหันมาสนใจ แต่เนตรนรินทร์ไม่ได้สนใจเพราะความโกรธสุ่มอก ถึงเวลาปลดปล่อย! “เออ! ไม่อยากมีก็ต้องมีแล้วไหม ใครใช้ให้พี่มาก่อกวนกันไม่เลิกล่ะ เห็นหลายครั้งหลายคราแล้ว คนเขาอุตส่าห์ไม่เอาความแล้วนะ แต่ก็ยังเอาแต่กัดเอาแต่แซะกันอยู่ได้ ถ้าชอบกัดมากก็ไปเกิดเป็นสัตว์เถอะ!”เป็นครั้งแรกที่เนตรนรินทร์รัวประโยคยาวแทบไม่ได้หยุดพักหายใจ ทำเอาคนที่มายืนมุงต่างทำหน้าอึ้งไปตามๆ กัน ไม่ต่างจากเพื่อนในกลุ่มของพี่คนนั้นด้วย “นี่! ไอ้เด็กเวร พูดจาหมาๆ แบบนี้ สงสัยไม่อยากแดกข้าวแล้วมั้ง” “ทำไม? พอยอมหน่อยก็เอาแต่ก่อกวนไม่เลิก แต่พอตอบโต้ก็รับไม่ได้” “ไอ้อ้วนเตี้ย!” “อ้วนแล้วหนักหัวพ่อมึงเหรอ” สำหรับเนตรนรินทร์คำว่า ‘อ้วน’ และ ‘เตี้ย’ เป็นคำด่าที่หยาบคายสำหรับเขามากเลย เลยทำให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านมากไปหน่อย เลยเผลอหลุดคำหยาบไปบ้าง ฮึ่ม! เขาเรียกอวบเว้ย และที่สำคัญเขาเรียกว่าสูงตามมาตรฐานชายไทย คนที่สูงเกินไปคืออีกฝ่ายต่างหาก สูงเกินไปเหมือนเสาไฟฟ้าเดินได้ เนตรนรินทร์คิดในใจ ขณะสายตามองคนตรงหน้าไม่เป็นมิตร “มึงว่าไงนะ!!!” “แล้วมึงจะทำไม!” “เฮ้ย! มึงใจเย็นก่อน”เพื่อนในกลุ่มรีบเข้าห้ามปรามเมื่อเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่ แถมเจ้าตัวเล็กกลมดิกคนนี้ก็เอาแต่สาดน้ำมันใส่กองไฟไม่หยุด เขาเกือบจะคว้าตัวเพื่อนเอาไว้ไม่ทัน ไม่อย่างนั้นเรื่องคงไปกันใหญ่กว่านี้ คนที่อยู่บริเวณนี้เองก็เข้ามามุงมากขึ้น ตามประสาคนชอบสอดรู้สอดเอง ยิ่งต่างคนต่างโกรธน้ำเสียงเลยดังพอควร แม้แต่ญาณินเพื่อนสาวของเนตรนรินทร์เองก็ตามมามุงด้วยเพราะได้ยินคนคุยกันว่ามีคนกำลังทะเลาะกัน ตามประสาคนอยากรู้อยากเห็นเลยมาร่วมวงด้วย แต่พอเห็นเพื่อนรักอยู่ในวงสนทนาสุดเดือดก็ได้แต่พยายามฝ่าคนมุงเข้าไปข้างใน “เนตรเกิดอะไรขึ้นเหรอ”แม้จะถามเพื่อนรักไปแต่สายตามองคู่กรณีตาเขียวปั๊ด บังอาจมากที่มาหาเรื่องเนตรนรินทร์ ขนาดเธอเองยังไม่เคยคิดจะด่าเขาเลยสักครั้ง แม้อีกฝ่ายจะปากร้ายไปบ้างก็ตามที แต่ทั้งเธอและเขาก็หยอกล้อกันตามประสาเพื่อนสนิท แต่กับอีกคนไม่ใช่แม้แต่คนรู้จัก ชักจะกล้ามากที่มาหาเรื่องเพื่อนรักของเธอ ไม่รู้หรอกว่าใครเริ่มก่อน แต่เพื่อนเธอไม่ผิดแน่นอน! “ก็พี่คนนั้นน่ะสิ เอาแต่ล้อว่าเนตรกลิ้งได้แถมยังล้อเลียนว่าอ้วนด้วย เท่านั้นไม่พอยังหาว่าเนตรเตี้ยอีก”พอเห็นเพื่อนสาวมาก็ได้โอกาสรีบฟ้องเลย ก่อนจะทำหน้าบึ้ง“แต่เนตรก็ด่าพอเป็นพิธีไปแล้วอะนะ จะมาหาเรื่องกันตอนคนโมโหหิวทำไมก็ไม่รู้ ถึงจะไม่มีสมองยังไงก็ต้องมีมารยาทหัดดูสถานการณ์บ้างสิ” “เอ้า ไอ้เด็กเวรนี่!” “อะไร ไอ้แก่?” เมื่อเห็นเพื่อนตัวเองจะโดนหาเรื่องอีกรอบ ญาณินก็เดินมาขวางระหว่างเนตรนรินทร์และรุ่นพี่คนนั้นไว้ แม้เขาเองจะถูกเพื่อนรั้งไว้ไม่ให้เข้ามาต่อยเนตรนรินทร์ก็ตามที ส่วนเพื่อนเธอก็น้อยหน้าซะทีไหนล่ะ ยังจะไปท้าทายเขาอีก แต่ก็อย่างว่า เพื่อนเธอไม่ผิด ญาณินหงายการ์ด ‘เพื่อนฉันเป็นคนดีทันที!’ “รุ่นพี่พอเถอะค่ะ อย่าทำให้เรื่องไปกันใหญ่เลย”ญาณินรีบเข้ามาไกล่เกลี่ยสถานการณ์เมื่อเห็นท่าไม่ดี แต่ก็ไม่รู้ว่ายิ่งทำให้เรื่องไปกันใหญ่กว่าเดิมหรือเปล่า เหมือนจะสายตาของทั้งคู่แทบจะทะลุร่างของเธอมาหามหั่นกันสายตาเสียแล้ว“เอาเป็นว่าต่างคนต่างยอมให้กันแล้วกันนะคะ” “โอเคครับ พี่เองก็ขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยนะ”มาร์ครีบคว้าโอกาสตอบรับทันที แต่ก็ถูกสายตาของเพื่อนตัวเองหันมาทิ่มแทงแทน “กูไม่ยอม...” “เอาน่ามึงคนมามุงเยอะแล้ว ปล่อยเด็กให้มันโตเถอะ” แม้จะไม่เห็นด้วยกับประโยคหลังแต่ก็ไม่อยากให้เรื่องไปกันใหญ่ ได้แต่หักห้ามใจระงับอารมณ์ตัวเอง แต่ก็ไม่วายส่งสายตาอาฆาตไปที่เนตรนรินทร์ อีกฝ่ายเองก็มองกลับมาอย่างเอาเรื่องเช่นกัน “ก็ได้ ถึงยังไงกูก็เป็นคนเริ่ม” “หึ”เนตรนรินทร์เชิดหน้าขึ้น ขณะญาณินก็พยักหน้าส่งสัญญาณไปให้มาร์คเมื่อสถานการณ์ถูกคลี่คลายแล้ว ก่อนจะลากเพื่อนตัวดีให้ตามกลับไปทีโต๊ะ แต่ความปากคอเราะรายของเจ้าตัวยังไม่หมดเท่านี้ หันไปโวยคนรอบข้างอีกหนึ่งประโยค “มุงดูไรนักหนาวะ ไม่เคยเห็นคนโมโหหิวหรือไง!” ญาณินได้แต่ถอนหายใจ “ฮึ่ม!...” “อะไรย่ะ ยังไม่หายหัวร้อนอีกเหรอไง”ญาณินเงยหน้าจากมือถือ มองเนตรนรินทร์ที่ทำหน้าบูดบึ้งแต่ในปากยังคาบหลอดดูดชานมไข่มุกอีกอึกใหญ่ ดวงตาสีดำปรายมามองเธอเล็กน้อย ก่อนจะส่งเสียงในลำคอ “ณินไม่น่ามาห้ามเนตรเลย ว่าจะต่อยปากคนสักหน่อย ปากร้ายใส่หลายรอบแล้ว ยังไม่หายหงุดหงิดเลยเนี่ย”ญาณินแค่นเสียง “สภาพเนตรน่ะหรือจะไปต่อยเขา ถูกเขาต่อยน่ะสิไม่ว่า”ได้ยินดังนั้นคนตรงหน้าก็พองแก้ม ภาพที่ญาณินเห็นช่างเหมือนกับปลาปักเป้าเวลาถูกมือคนไปสัมผัสเลย “ฮึ่ม! เนตรสู้ได้แล้วกัน” “อ๋อ เหรอจ้ะ”ญาณินทำเป็นตามน้ำไป แต่ก็มองเพื่อนตัวเองตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรคนที่เป็นฝ่ายถูกต่อยน่าจะเป็นเนตรนรินทร์มากกว่า เนตรนรินทร์มีรูปร่างค่อนข้างจะอวบเพราะทางบ้านเลี้ยงมาดี โดยเฉพาะถ้าปิดเทอมฤดูร้อนจะเป็นช่วงที่เขาน้ำหนักเพิ่มมากที่สุด เพราะเขาต้องไปเยี่ยมคุณย่าที่ต่างจังหวัด และคุณย่านั่นแหละที่เป็นตัวการทำให้เนตรนรินทร์มีสภาพอวบอ้วนเช่นทุกวันนี้ แล้วยิ่งเวลาเขาพองแก้มยิ่งดูกลมดิกไปกับหุ่นของเขาเลย ญาณินเองก็ไม่เคยคิดจะขัดเนตรนรินทร์เวลาเจ้าตัวทานข้าวเสร็จแล้วตบท้ายด้วยของหวาน ไม่รู้เหมือนกันว่าอนาคตจะได้เห็นเนตรนรินทร์ในตอนที่ผอมไหม แต่ถ้าการกินเป็นความสุขของเขา เธอก็ไม่อยากห้ามปรามเท่าไร หากวันใดเนตรนรินทร์เจอสาวที่หมายปอง หรืออยู่ในช่วงรักใคร่ใครสักคน ถึงตอนนั้นคงจะกลับมารักษาหุ่นตัวเองล่ะมั้ง “อืม ว่าแต่เนตรจะลงไปต่างจังหวัดวันไหนเหรอ”ญาณินถามเนตรนรินทร์เหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ เพราะเธอวางแพลนจะไปเที่ยวต่างประเทศ หากเนตรนรินทร์ยังไม่ไปต่างจังหวัดในเร็วๆ นี้ เธอว่าจะชวนเจ้าตัวไปด้วยกันเลย “เดินทางพรุ่งนี้”เนตรนรินทร์ตอบขนาดเคี้ยวไข่มุกจนแก้มตุ่ย “เร็วจัง”ญาณินไม่แปลกใจเท่าไรที่ได้ยินคำตอบของเจ้าตัว เธอก็พอจะรู้ว่าเนตรนรินทร์ติดคุณย่าของเขามากแค่ไหน ตั้งแต่รู้จักและคบเป็นเพื่อนกันมา ปิดเทอมทีไรเป็นอันตามตัวเนตรนรินทร์ยากตลอด“ไม่คิดจะไปเที่ยวกับญินบ้างเหรอ ถือซะว่าไปเปิดโลกใหม่มีทั้งสาวสวยหนุ่มหล่อเลยนะ สนใจหรือเปล่า” “ไม่อะ เนตรอยากไปต่างจังหวัดมากกว่า คิดถึงคุณย่าเขมจะแย่แล้ว...”ถึงจะโน้มน้าวเจ้าตัวอย่างไรก็คงถูกปฏิเสธอยู่ดี ท่าทางแน่วแน่ของเจ้าตัวทำให้ญาณินอดที่จะหมั่นใส้ไม่ได้ ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงแก้มนิ่มของเนตรนรินทร์ด้วยความหมั่นเขี้ยว “จ้า เจ้าลูกแหง่ติดย่า” “โอ๊ย เจ็บนะ” เนตรนรินทร์ประท้วงขณะนวดแก้มตัวเองเบาๆ สายตามองคนตรงหน้าที่ทำท่าทางจะดึงแก้มตนอีกครั้ง แต่ก็เหมือนจะหักห้ามใจตัวเองอยู่ “ญินจะกลับไปเยี่ยมคุณย่าด้วยกันไหมล่ะ?” “หึ ไม่ล่ะ”ปฏิเสธเสียงแข็งแทบจะทันที ขนแขนเธอเองก็ลุกพรึ่บเมื่อได้ยินประโยคน่ากลัวของอีกฝ่าย เธอยังจำได้ดีเลยตอนไปต่างจังหวัดกับเนตรนรินทร์ใหม่ๆ แม้ภายนอกคุณย่าจะดูใจดี แต่พอเห็นการแต่งตัวสุดแซ่บจนเข็ดฟันของเธอเข้า ก็ดุเธอเสียยกใหญ่ พร้อมทั้งสอนมารยาทและการแต่งกายแบบกุลสตรีไทยที่ดีเป็นอย่างไร หลังจากนั้นหากเลี่ยงได้ เธอก็ไม่อยากจะเฉียดใกล้คุณย่าของเนตรนรินทร์อีก “ทำไมล่ะ ถือซะว่าไปเที่ยวด้วยกันเลยไง” “ไม่เอาหรอก บนป่าบนเขาจะมีอะไรให้เที่ยวกันล่ะเนตร หนุ่มหล่อก็ไม่มี คงมีแต่คนแก่ๆ คุณลุง คุณป้าน่ะสิ ไม่เอาด้วยหรอก”พูดพลางทำท่าเหมือนขนลุก เนตรนรินทร์ทำเสียงหึในลำคอ “ไม่แน่ อาจจะมีหนุ่มหล่ออยู่ที่นั่นก็ได้นะ“ “ไม่มีหรอกจ้ะน้องเนตร”ญาณินเท้าคางมองเนตรนรินทร์ที่ดูดชานมจนหมดแก้วก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก“ชานมเองก็คงไม่มีให้เนตรกินเหมือนกัน” “ฮึ่ม! กลับกรุงเทพฯ ค่อยมากินก็ได้” “จ้าจ้า”ได้แต่ส่ายหน้ากับเจ้าก้อนกลมผู้ตะกละ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD