บทที่ 2 นึกว่าคุณชอบ

2488 Words
บทที่ 2 นึกว่าคุณชอบ ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! เสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาส่งผลให้คุณเหนือขยับร่างออกจากฉัน จึงคว้ามือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับแล้วกรอกเสียงลงไปทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใช้เวลาสอบถามข้อมูลสักพักก็วางสายแล้วเงยหน้ามองคนเป็นเจ้านาย “ที่นัดไว้วันนี้มาแล้วค่ะ ตอนนี้รออยู่ห้องประชุม” “อืม” เขาขานรับพร้อมกับยกข้อมือดูนาฬิกา “คุณเตรียมเอกสารแล้วตามผมลงไปก็แล้วกัน” “ได้ค่ะ” เมื่อเข้าสู่งานคุณเหนือจะจริงจังเสมอ ไม่ใช่สิ เขาจริงจังตลอดเวลาต่างหาก เพียงแค่เวลาทำงานจะจริงจังมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า น้อยครั้งที่เขาจะยิ้มให้เห็น ซึ่งตั้งแต่รู้จักกันมาก็น่าจะสองครั้งได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหวงยิ้มไปถึงไหน ฉันถอนหายใจออกมาแล้วเตรียมเอกสารต่าง ๆ ลงไปยังห้องประชุมที่ว่า เดินไปทิ้งตัวนั่งลงข้างเจ้านายในขณะที่มือเปิดโน๊ตบุ๊คและหยิบเอกสารการเซ็นสัญญาส่งไปให้เขา “สวัสดีครับคุณเหนือ ครั้งนี้เราได้เจอกันไวกว่าที่คิดนะครับ” “ครับ” คุณเหนือตอบรับคำทักของ ชัยภัทร เกียรติเจริญศักดิ์ หนึ่งในทายาทของบริษัทผลิตเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ที่ดีที่สุดในประเทศไทย อย่างที่รู้ว่าที่แห่งนี้คือโรงแรม VR วีรกิตติโชติ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร เป็นโรงแรมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้ โดยมีคุณเหนือเป็นผู้บริหารอย่างที่บอก ทางโรงแรมจะทำการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ทุกปี แต่ส่วนมากที่เปลี่ยนจะเป็นที่นอนเป็นหลักซะมากกว่า เพราะแบบนี้จึงต้องดีลงานกับคุณชัยภัทรเพื่อประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ที่จริงมันก็ไม่เคยมีปัญหาเลยสักครั้ง ทว่าครั้งนี้ดันมีปัญหา… “อย่างที่ผมแจ้งเลยว่าทางโรงงานจะขอปรับขึ้นราคาค่าสินค้าสักหน่อย แต่ดูเหมือนว่าทางคุณเหนือจะไม่โอเค” “ในสัญญาราคาเฟอร์นิเจอร์คือหนึ่งปี” เสียงของคนเป็นเจ้านายตอบตามสไตล์นิสัยของเขา “เหลืออีกหนึ่งอาทิตย์จะครบหนึ่งปี ผมสั่งตอนนี้ถือว่ายังได้เรทราคาเดิม” “ไม่เอาน่าคุณเหนือ หนึ่งอาทิตย์ทางโรงงานคงจัดเตรียมอะไรไม่เสร็จหรอก” “นั่นมันปัญหาของคุณ ไม่ใช่ปัญหาของผม” บรรยากาศเริ่มตึงเครียดหลังจากจบคำบอกกล่าวของคุณเหนือ ซึ่งเจ้าตัวคนพูดยังคงมีสีหน้าและน้ำเสียงเดิม ๆ ต่างจากคุณชัยภัทรที่ตอนนี้สีหน้าเริ่มดูไม่ได้แล้ว “ได้ข่าวว่าคุณฟ้องภาสินเจริญเกียรติได้เงินมาไม่รู้ตั้งกี่ล้าน จะไม่ยอมเสียสักหน่อยหรือไง” สีหน้าของคุณชัยภัทรแปรเปลี่ยนเป็นเริ่มกวนประสาท “ผมปรับราคาแค่นี้คงไม่ทำให้โรงแรมของคุณเจ๊งหรอก” “…” “หรือถ้าหากจะเจ๊งเดี๋ยวผมช่วยสงเคราะห์เข้าพักสักเดือนเป็นไง คงจะกอบกู้สถานการณ์ได้บ้าง” คุณเหนือไม่ตอบ แต่เขายิ้มเล็ก ๆ ตรงมุมปาก ปากกาสีเงินวาวที่อยู่ในมือหนาถูกควงไปมาราวกับว่าเจ้าของมันกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยพร้อมจ้องมองชัยภัทรด้วยสายตาเหมือนคนขี้โกง “ภาสินเจริญเกียรติผิดสัญญาเพราะทำให้โรงแรมของผมมีปัญหาและเสื่อมเสียชื่อเสียง” “…” “ผมฟ้องตามสัญญาที่ได้ระบุไว้จนภาสินเจริญเกียรติล้มละลาย” “…” “ได้เงินมาเยอะอยู่เหมือนกัน” คุณเหนือพยักหน้ารับพลางหยิบเอกสารสัญญาที่ได้ตกลงร่วมกันไว้กับคุณชัยภัทรขึ้นมาอ่าน “ของภาสินเจริญเกียรติผมปรับสิบเท่าของค่าสินค้า แต่กับเกียรติเจริญศักดิ์ผมเพิ่มอีกสิบเท่าจากสัญญาเดิม” “…” “ผมไม่ชอบทำงานพลาดคุณชัยภัทร และไม่ชอบให้ลูกน้องทำงานพลาดหรือมีปัญหาเช่นกัน” “…” “ไม่ต่างจากคู่ค้าขาย ที่ผมทำสัญญาแบบนี้ก็เพราะไม่ต้องการให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมา” คราวนี้คุณเหนือยิ้มกว้างกว่าเดิม แต่เป็นยิ้มที่เห็นแล้วอดที่จะขนลุกไม่ได้ เขาดูน่ากลัวว่าทำหน้านิ่ง ๆ ด้วยซ้ำ “ถ้าคุณอยากเสี่ยงล้มละลายตามภาสินเจริญเกียรติไปก็ไม่เป็นไร ผมไม่ขัดศรัทธาอยู่แล้ว” ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศอย่างชัดเจน สองตามองเห็นสันกรามของฝ่ายตรงข้ามปูดนูนคล้ายว่ากำลังกดกลั้นความรู้สึก ต่างจากคุณเหนือที่เริ่มพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลายในขณะนี้ “ผมรู้ว่าที่คุณโกรธเพราะลงขันหุ้นกับภาสินเจริญเกียรติไว้เยอะ แต่คุณควรแยกแยะ เพราะไม่งั้นคุณได้ตามภาสินเจริญเกียรติไปอย่างแน่นอน” รู้เลยว่านี่ไม่ใช่คำข่มขู่ มีหลายต่อหลายครั้งที่คุณเหนือไล่จัดการกับคนที่มีปัญหากับเขา และการจัดการในแต่ละครั้งไม่มีใครสามารถกลับมาตั้งหลักได้เลยสักราย ซึ่งภาสินเจริญเกียรติที่ว่าก็เหมือนกัน “ลองบอกจำนวนตัวเลขให้คุณชัยภัทรฟังว่าการโดนปรับยี่สิบเท่ามันเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่” ประโยคนี้คุณเหนือหันมาพูดกับฉัน จึงต้องหยิบเอกสารใบสัญญาขึ้นมาแล้วเอ่ยบอกในสิ่งที่เห็นในกระดาษ “เอาล่ะ ไม่ต้องขู่กันผมก็พอเข้าใจ” แต่ยังไม่ได้เอ่ยเลยด้วยซ้ำ อีกฝ่ายก็พูดตัดซะก่อน เขามองไปยังคุณเหนือด้วยสีหน้าอารมณ์ดี “ผมขอถามได้ไหมว่าถ้าคุณไม่มีเฟอร์นิเจอร์จากทางเรา คุณจะดีลงานที่ไหนที่จะได้ทันใจและมีคุณภาพแบบนี้” “…” “ของคุณวสิน?” มือของเขาโบกบ่ายไปมา “ไม่น่า… ดูเหมือนคุณวสินจะเหม็นหน้าคุณนะคุณเหนือ” “…” “อีกทั้งคุณยังเอาว่าที่เจ้าสาวของเขามาใช้แรงงานแบบนี้ มันดูแปลก ๆ นะว่าไหม” ฉันเหลือบมองคุณเหนือเมื่อได้ยินเช่นนั้น ภายในใจเริ่มร้อนรุ่มเพราะกลัวว่าคำพูดของชัยภัทรจะกระตุกต่อมความทรงจำของคุณเหนือใน ‘คืนนั้น’ ขึ้นมา “ไม่แปลกที่จะมีคนเหม็นขี้หน้าผม” เสียงของคุณเหนือทำให้ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ เขาคงไม่ได้สนใจกับประเด็นว่าใครจะเป็นเจ้าสาวของใคร และคงไม่ได้ใส่ใจเรื่องคืนนั้นอย่างที่คิดกลัว “เหมือนที่ผมก็เหม็นขี้หน้าคุณเหมือนกัน” นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องชัยภัทรอย่างไม่รู้สึกรู้สากับคำเอ่ยบอกตรง ๆ ของตัวเอง “แต่เรื่องงานผมแยกแยะได้” “…” “ส่วนเรื่องวันนี้คุณไม่มีปัญหาใช่ไหม” “ใครจะกล้ามีปัญหากับคุณล่ะคุณเหนือ” “ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นครับ” บรรยากาศในห้องประชุมไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นจากเดิม เราใช้เวลาสักพักใหญ่ในการตกลงอะไรต่าง ๆ เกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์ในรุ่นต่อไป ที่จริงฉันก็สงสัยอยู่ว่าคุณเหนือจะเข้าประชุมเองทำไม หลังจากที่ได้เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ก็รับรู้ได้ว่าสมควรแล้วที่ผู้บริหารอย่างเขาต้องเข้าประชุมเอง คุณชัยภัทรออกจากห้องประชุมเมื่อทุกอย่างเคลียร์จบเรียบร้อย ไม่ต่างจากคุณเหนือซึ่งมีฉันเดินรั้งท้ายก้าวขาออกจากห้องประชุมเช่นกัน แต่เขาไม่ได้พากลับไปยังห้องทำงาน สองขายาวก้าวลงไปยังอีกโซนของโรงแรมที่ยังไม่ได้เปิดให้ใช้บริการ หัวใจของฉันเริ่มเต้นแรงขึ้น มือไม้ที่กำลังถือแฟ้มเอกสารกับโน๊ตบุ๊คสั่นเทาขึ้นมาซะดื้อ ๆ สองตาจับจ้องแผ่นหลังกว้างด้วยความสงสัยระคนตื่นตระหนก พร้อมคำถามมากมายผุดขึ้นมาในใจจนอยากเปิดปากถามผู้เป็นนายให้รู้แล้วรู้รอด สองขาที่กำลังก้าวเดินตามเจ้านายหยุดชะงักค้างเมื่อเห็นมือหนาเปิดห้องห้องหนึ่ง หัวใจเต้นแรงกว่าเมื่อครู่เป็นร้อยเท่าพันเท่า และที่มันเป็นอย่างนั้นก็เพราะห้องนี้คือห้องที่ฉันได้ ‘ร่วมรัก’ กับคุณเหนืออย่างดุเดือดนั่นเอง เขาพาฉันมาทำไม… “คุณกลิ่น” “คะ” ฉันขานรับเสียงเบา พยายามควบคุมสติและน้ำเสียงไม่ให้สั่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ สองตาสบมองคุณเหนือเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ว่าเขาคิดหรือกำลังทำอะไรอยู่ หากฉันแสร้งลืมและทำเนียนไม่รับรู้มันก็จบ “เหม่ออะไร เข้ามาสิ” “คุณเหนือจะตรวจห้องเหรอคะ” ปากถามในขณะที่ขาก้าวย่างเดินตามเจ้านายเข้าไปในห้องดังกล่าว “ทำไมไม่ให้เป็นหน้าที่ของ…” “ผมอยากตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้งน่ะ” เสียงของเขาแทรกขึ้นกะทันหัน “อยากรู้ว่าลืมอะไรไว้หรือเปล่า” จบคำพูดดังกล่าวตาคมก็เหลือบมามองฉัน หากมองไม่ผิดก็จะได้เห็นมุมปากของเขายกยิ้มขึ้นน้อย ๆ ราวกับว่ากำลังชอบใจอะไรสักอย่าง “คุณรู้ไหมว่าห้องแต่ละชั้นก่อนเปิดให้บริการผมทดลองนอนมาหมดแล้ว” มือหนากดมือลงกับฟูกนอนพร้อมขย่มเบา ๆ “อยากรู้ว่าอากาศภายในห้องเป็นยังไง อุณหภูมิน้ำในห้องน้ำใช้งานได้ปกติหรือเปล่า” “…” “แม้กระทั่งเตียงนอนนิ่มเหมาะแก่การหลับนอนไหม” “…” “และชั้นนี้ผมก็ได้ทดลองนอนแล้ว” คราวนี้ตาคมสบมองฉันเต็ม ๆ ตาจนต้องบีบมือตัวเองไว้เพื่อลดความประหม่าที่กำลังหมุนเวียนอยู่ภายในจิตใจ “คุณอยากรู้ไหมว่าผมรู้สึกยังไง” “รู้สึกยังไงคะ” ไวกว่าความคิดก็ปากของฉันนี่แหละ ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ฉันอยากยกมือขึ้นมาตบปากตัวเองซ้ำ ๆ และดูเหมือนว่าคำถามของฉันมันดันทำให้อีกคนชอบใจ สีหน้าของเขาเผยความรู้สึกมากมายหลายอย่างออกมาอย่างไม่ปิดบัง “รู้สึกดี กลิ่นหอม” “กลิ่น…กลิ่นอะไรหอมคะ” “กลิ่นในห้องน่ะ หอมดี” คำตอบหน้าตายทำให้ฉันเผลอผ่อนปรนลมหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว “คุณถอนหายใจทำไมเหรอคุณกลิ่น” “ปะ…เปล่าค่ะ” รีบส่ายหน้าพัลวัน “กลิ่นแค่รู้สึกว่าห้องนี้ฉุนกว่าห้องโซนอื่นนิดหน่อย” “ฉุนเหรอ” “ค่ะ” “เหรอ” คิ้วเข้มยกขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จมูกโด่งจะทำการดมฟุดฟิดไปมาอย่างน่าหมั่นไส้ พูดตรง ๆ เลยว่าฉันไม่เคยมีความคิดแบบนี้กับคุณเหนือเลย กระทั่งมันเกิดเรื่องผิดพลาดใน ‘คืนนั้น’ รับรู้ได้ว่าภายในใบหน้านิ่งเรียบมีความ ‘เล่ห์ร้าย’ ซ่อนอยู่ เขาชอบขยับเข้ามาใกล้ในจังหวะที่ฉันเผลอ ยั้งมือลงกับโต๊ะทำงาน แผ่นหลังแนบชิดกับแผ่นอกของเขา ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดอยู่ตรงต้นคอบ่อยครั้ง ราวกับว่ากำลังตอกย้ำเรื่อง ‘คืนนั้น’ ของเรา ทุกการกระทำที่ว่าเหมือนเขา ‘จงใจ’ จะไล่ต้อนฉันให้จนมุม… “คุณไม่ชอบห้องนี้เหรอ” หลังจากที่แสร้งฟุดฟิดสักพักก็หันกลับมามองฉัน จึงต้องตอบกลับไปโดยการส่ายหน้าเพราะต้องการหยั่งเชิงว่าอีกฝ่ายจะตอบโต้กลับมาว่าอย่างไร “ผมนึกว่าคุณจะชอบซะอีก” “อะไรที่ทำให้คุณเหนือคิดแบบนั้นคะ” เขายิ้มเบาบางก่อนจะหันไปอีกทาง “ประตู ห้องน้ำ และเตียงนอน” “…” “ผมนึกว่าคุณชอบมัน” เพียงเท่านั้นภาพในวันวานก็ไหลวนกลับมา เสียงหอบหายใจดังกระเส่าอยู่ข้างหูหลังจากคุณเหนือเอื้อนเอ่ยประโยคนี้จบ ‘ถ้าคุณเป็นผู้หญิงของผมแล้ว เรื่องมันไม่จบแค่นี้หรอกนะกรองแก้ว’ เสื้อผ้าของฉันถูกถอดออกอย่างรีบร้อนด้วยมือของฉันเอง ก่อนจะถูกจับดึงออกจากห้องน้ำ ร่างเปลือยเปล่าถูกกดแนบชิดเข้าหาประตู ใบหน้าหล่อเหลาซุกดูดดึงผิวเนื้อนวลเนียนไม่ห่าง ไซ้จมูกและปากไปเรื่อยแล้วซุกลงตรงจุดกลางร่างที่ยังไม่เคยมีใครได้แตะต้องมัน คิดมาถึงตรงนี้หน้าของฉันพลันร้อนผ่าว ซึ่งมันไม่จบแค่นั้นเพราะยังมีต่อที่ห้องน้ำ ทุกการขยับเขยื้อนของเขาจะเห็นมันเสมอ ทั้งสองร่างปรากฏให้เห็นในกระจกเด่นชัด ทั้งสีหน้า ท่าทาง และเสียงครางยังแจ่มแจ้งอยู่ในความทรงจำ สุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดก็จบลงตรงเตียงนอน… กว่าความรู้สึกต้องการในส่วนลึกของจิตใจจะสงบกินเวลาไปจนเกือบเช้า “คุณกลิ่น” เสียงนุ่มทุ้มที่ได้ยินในคืนวันวานเอ่ยดังเรียกสติกลับมา ฉันเม้มปากเข้าหากันแน่น พร้อมพยายามควบคุมสติและอัตราการเต้นของหัวใจ “คุณเหนือหมายความว่าไงคะ” “อะไรหมายความว่าไงเหรอ” เขาตอบกลับมาอย่างใสซื่อ “ขยายความหน่อย” “เรื่องที่คุณเหนือคิดว่ากลิ่นจะชอบห้องนี้” “อ้อ เรื่องนี้นี่เอง” คุณเหนือพยักหน้ารับเบา ๆ “ทั้งประตู ห้องน้ำ และเตียงนอน ผมรู้สึกว่ามันเหมือนห้องของผู้หญิง ก็เลยคิดว่าคุณคงจะชอบมัน” “…” “หรือคุณกำลังคิดไปถึงไหน?” “เปล่าค่ะ แค่ลองถามดู” แม้จะไม่ค่อยเชื่อในคำตอบดังกล่าว แต่ด้วยความที่ไม่อยากถามเจาะลึกเพราะกลัวเรื่องจะวิ่งกลับเข้ามาหาตัวเอง จึงต้องสงบปากสงบคำไม่ถามต่อ “แล้วคุณเหนือจะเปิดใช้บริการโซนนี้ตอนไหนคะ” “ผมอยากให้ทุกอย่างลงตัวกว่านี้ก่อน” เสียงทุ้มตอบรับเรียบเรื่อย “แต่มีแพลนไว้อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า” “…” “พอดีคุณวสินติดต่อมาขอเช่าพื้นที่ในการจัดงานมงคล และจองห้องโซนนี้ไว้ในคืนวันเข้าหอ” เรื่องเอ่ยเล่าทั่วไปของคุณเหนือกัดเซาะความรู้สึกของฉันอย่างรุนแรง ตั้งแต่เกิดมาชีวิตฉันไม่เคยสัมผัสกับคำว่า ‘สมหวัง’ แต่ก็ไม่เคยสัมผัสกับคำว่า ‘สิ้นหวัง’ แบบนี้มาก่อนเลย หากมันเป็นจริงดังที่คุณเหนือพูด มันก็หมายความว่าทางครอบครัวของฉันและคุณวสินจริงจังในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดฉันก็ต้องแต่งงานออกเรือนกับเขาอยู่ดี “ที่จริงคุณวสินขอจองห้องนี้เพราะเป็นห้องที่ดีที่สุดรองลงมาจากห้องนอนของผม” “…” “แต่ผมไม่ได้ให้เขาจองหรอก” คราวนี้คุณเหนือหันมามองฉันเต็ม ๆ ตาอีกครั้ง พลันสีหน้าเปลี่ยนเป็นเล่ห์ร้ายอย่างไรชอบกล “ห้องนี้ผมทดลองนอนแล้ว และรู้สึกชอบมัน” “…” “ผมเป็นคนหวงของมาก… ไม่ชอบให้ใครใช้ของซ้ำกับของของผม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD