2.งานใหม่ ชีวิตใหม่

2181 Words
ท่ามกลางแอร์เย็นฉ่ำกับเสียงหอบหายใจเบาๆ ของร่างสวยจากเบาะหลัง เพชรเหลือบตาคมมองอีกฝ่ายเห็นหญิงสาวเองก็มองเขาผ่านกระจกอยู่เช่นกัน ดวงตาคู่เรียวสวยมีแววหวาดระแวงจนต้องนึกเซ็งในใจ เป็นเขาต่างหากที่ต้องไม่ไว้ใจผู้หญิงอย่างเธอ “จะให้ผมส่งที่ไหน” เขาถามเสียงเรียบ ให้รู้ว่าตนไม่ได้แยแสหรือสนใจเธอจนต้องมานั่งกลัวอย่างที่เป็นอยู่ “ที่ไหนก็ได้ค่ะ” เสียงหวานที่ดูออกว่าพยายามไม่ให้สั่นตอบกลับมา สายตาคู่สวยละจากกระจกหลังมาลอบสังเกตท่าทางเขา นั่นยิ่งทำให้เพชรชักหมดความอดทน เขาอุตส่าห์หวังดีช่วยเหลือแต่เธอกลับทำท่าอย่างกับเขาเป็นคนร้ายโรคจิต ทั้งคำตอบขอไปทีนั้นก็ส่งผลกับระดับความขุ่นเคืองในใจเพชรให้เพิ่มสูงขึ้นไปอีก “งั้นผมส่งคุณป้ายรถเมล์หน้า หรือไม่พาไปคอนโดผมก็ได้สิ” ใบหน้าสวยที่เขาเหลือบมองในกระจกหลังดูเหวอดวงตาฉายแววตระหนกจนเขาหลุดยิ้มที่มุมปาก หากมันก็ดูเหมือนยิ้มหยันเสียมากกว่า “จอดข้างหน้านี่แหละค่ะ” เสียงหวานโพล่งขึ้นทันควัน อาการเกร็งระแวดระวังเพิ่มขึ้นเท่าตัว คิ้วเข้มขมวดฉับ พวกเขาห่างจากโรงแรมมาไกลแล้ว สองข้างทางค่อนข้างเปลี่ยว ไม่มีสถานบันเทิงอื่นหรือร้านอาหารยามดึกแม้แต่ร้านเดียวเพราะเป็นพื้นที่ออฟฟิศทำงานซึ่งเวลานี้ปิดหมด จะมีแสงไฟอยู่บ้างก็จุดที่เป็นป้อมยามเท่านั้น แต่ด้วยคำบอกที่ดูถือดีแถมมองเขาเหมือนไม่ไว้ใจทำให้เพชรไม่คิดจะรั้งอีกฝ่าย เดี๋ยวจะมองว่าเขาเป็นตัวร้ายมากไปกว่านี้ รถหรูค่อยๆ หยุดนิ่งเมื่อถึงป้ายรถเมล์ป้ายหนึ่ง แล้วเสียงปลดล็อกก็ดังขึ้น มือบางรีบจับที่เปิดทว่าก่อนจะดันประตูออกไปก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองลืมบางอย่างไป ใบหน้าสวยหันมองคนขับ แล้วก็เห็นเขามองอยู่จึงยิ้มให้อีกฝ่ายแม้จะดูฝืนๆ ไปหน่อย “ขอบคุณนะคะ” เธอบอกกับชายหนุ่มแม้จะไม่เชื่อใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เขาก็เป็นคนยื่นมือเข้ามาช่วยในยามที่เข้าตาจน ใบหน้าหล่อขาวหากคมเข้มด้วยไรหนวดเคราจางๆ พยักรับเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไรอีก หญิงสาวจึงผลักประตูก้าวลงไปจากรถแล้วปิดลง เพียงชั่วอึดใจรถคันหรูก็แล่นห่างไป ร่างสวยระหงขึ้นไปยืนบนฟุตบาทพร้อมความรู้สึกเย็นวาบพัดผ่านจนต้องยกมือขึ้นกอดตัวเอง สั่นทั้งใจที่ยังตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา สั่นทั้งกายจากอากาศยามดึก รวมถึงความเปล่าเปลี่ยวรอบกายเมื่อหันมองแล้วไม่พบสิ่งใด นอกจากความมืดที่มีแสงสลัวจากมุมไกลๆ สาดส่องมาถึงเพียงน้อยนิด ไม่เพียงแค่หญิงสาวที่รู้สึกว่าป้ายรถเมล์นี้ค่อนข้างมืด เพราะดวงตาคู่คมของคนที่ขับรถไกลออกมาแล้วก็ยังอดมองกระจกส่องหลังสังเกตร่างระหงที่ตัวเล็กลงเรื่อยๆ ไม่ได้ สุดท้ายคนที่ไม่อยากสนใจในตอนแรกก็หยุดรถลงเมื่อไปถึงส่วนโค้งของถนน ซึ่งไม่สามารถมองเห็นร่างบางได้แล้ว ก่อนร่างสูงใหญ่จะถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ดับเครื่องยนต์จะได้ไม่มีแสงไฟจากรถแล้วลงไปดันรถคันหรูของตัวเองถอยกลับจนเห็นคนตัวเล็กได้ในระยะไกล จากนั้นก็กลับไปในรถเปิดกระจกออกนั่งนิ่งๆ รอคอยอยู่อย่างนั้น เพื่อให้มั่นใจว่า หญิงสาวได้ขึ้นรถแท็กซี่หรือรถเมล์เรียบร้อยแล้ว ทว่าเพชรก็ไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองเช่นกัน ว่าเหตุใดต้องพยายามถึงขนาดนี้ ท่าเรือในจังหวัดทางทะเลใต้ของประเทศไทยดูคึกคักในช่วงไฮซีซัน เรือเร็วข้ามฟากเต็มทุกรอบ แม้กระทั่งเกาะเล็กที่เปิดรับนักท่องเที่ยวในจำนวนจำกัดอย่างเกาะพันมุกที่ศศิกำลังจะเดินทางไป เกาะแห่งนี้รับส่งคนเพียงสองช่วงเวลาต่อวัน คือหกโมงเช้าและสิบเอ็ดโมง ดังนั้นไม่แปลกที่จะมีผู้โดยสารเต็มจำนวนพอดี ร่างระหงนั่งอยู่ส่วนกลางของลำเรือ ทว่าก็รับรู้ถึงแรงปะทะของลมทะเลผสมกลิ่นอายความสดชื่น ช่วยผ่อนคลายจิตใจกับสมองซึ่งเหนื่อยล้าจากเรื่องราวมากมายภายในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผืนน้ำสีมรกตเข้มตัดกับท้องฟ้ากว้างมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ให้ความรู้สึกอิสระและปลดปล่อยในแบบที่หาได้ยากจากกรุงเทพฯ ใจที่หนักหน่วงโปร่งโล่งจนสามารถสูดหายใจได้อย่างเต็มปอด ใบหน้าสวยมีแว่นดำกับหมวกปกปิด ระบายยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อสายตากวาดมองความงดงามที่รังสรรค์ด้วยฝีมือธรรมชาติ จะว่าไปแล้วการเลือกมาสมัครงานในที่ห่างไกลความวุ่นวายตามข้อเสนอของเพื่อนรุ่นน้องน่าจะดีไม่น้อย หญิงสาวคิดว่าน้อยคนที่จะนึกออกในทันทีว่าเธอเป็นใคร เพราะแม้จะเคยปรากฏตัวในละครทีวีบ้างแต่ก็ยังไม่ได้มีชื่อเสียงหรือเป็นตัวหลัก และการได้มาอยู่กับธรรมชาติก็คงช่วยให้สุขภาพกายและสุขภาพใจของเธอดีขึ้น ใช้เวลาในการเดินทางไม่นานเรือก็เทียบท่า เท้าบางที่ใส่เพียงรองเท้าสบายๆ พร้อมลุยน้ำก้าวตามกลุ่มนักท่องเที่ยวไปบนสะพานทอดยาวจนถึงหน้าหาด หญิงสาวมองสีเขียวขจีของต้นไม้หนาแทรกอยู่กับสิ่งปลูกสร้างอย่างกลมกลืนเบื้องหน้าด้วยความสนใจ บรรยากาศของเกาะแห่งนี้สวยงามน่าอยู่กว่าที่เธอเคยคิดเอาไว้เสียอีก ทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือตึกหลักเพื่อติดต่อห้องพัก ศศิจึงเดินตามไปจนถึงหน้าเคาน์เตอร์ หลังจากรอคนอื่นๆ จัดการเรื่องห้องครบหมดแล้วเธอก็เข้าไปคุยกับพนักงาน “ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าฝ่ายบุคคลไปทางไหนคะ” “ฝ่ายบุคคลอยู่ด้านใน ไม่ทราบว่ามาพบใครหรือติดต่ออะไรคะ” พนักงานต้อนรับดูมีอัธยาศัยเป็นมิตรคนหนึ่งตอบถามกลับมา “มาสมัครงานค่ะ ดิฉันส่งใบสมัครมาทางอีเมล แล้วก็ได้รับการตอบรับเรียกตัวมาสัมภาษณ์น่ะค่ะ” “อ๋อ ไม่ทราบชื่ออะไรคะ” “ศศิ ภูวดลค่ะ” “รอสักครู่นะคะ” อีกฝ่ายบอกแล้วหันไปกดโทรศัพท์ภายใน ไม่นานก็หันกลับมาแจ้งกับเธอ “เดี๋ยวเชิญนั่งรอที่โซฟาด้านหน้านะคะ” “ขอบคุณค่ะ” ศศิยิ้มให้ซึ่งก็ได้รอยยิ้มตอบกลับ ตอนนี้เธอถอดแว่นและหมวกไปแล้วอีกฝ่ายก็ดูไม่ได้เอะใจอะไร แน่นอนว่าเธอแต่งหน้าอ่อนๆ ที่สำคัญตอนนี้เธอตัดผมเหลือสั้นแต่ปลายคางเท่านั้น แถมยังรวบเอาไว้ด้านหลังเพราะรำคาญลมที่ตีจากการนั่งเรือ ร่างระหงหมุนตัวไปทางโซฟาด้านหนึ่งพร้อมกระเป๋าเดินทางลากใบย่อม เพราะไม่ได้เอาอะไรมามากนักนอกจากเสื้อผ้า ด้วยยังไม่แน่ใจว่าจะได้อยู่ที่นี่แน่นอนหรือไม่ นั่งรอเพียงไม่นานก็มีคนเดินเข้ามาหาพร้อมพนักงานต้อนรับคนเดิมที่บอกจะรับฝากกระเป๋าเธอเอาไว้ให้ ศศิจึงหยิบเพียงเอกสารกับกระเป๋าใบเล็กติดตัว แต่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองแต่งตัวเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไปด้วยเสื้อเชิ้ตผ้าพลิ้วสบายกับกางเกงยีนพอดีตัวพับขาขึ้นสูงห้าส่วนและรองเท้าแตะ “เอ่อ ขอโทษนะคะ ชุดดูไม่ค่อยเรียบร้อย ฉันขอเปลี่ยนเสื้อผ้ายังพอจะทันไหมคะ” ด้วยเกรงว่าจะทำให้เสียเวลาเธอจึงถามดูก่อน คิดว่าหากไม่ทันจริงๆ ก็จะเอ่ยขอโทษกับผู้ที่สัมภาษณ์เอง พนักงานต้อนรับกับคนที่มารับเธอซึ่งอยู่ในชุดฟอร์มคนละแบบมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนทางฝ่ายบุคคลจะเป็นคนตัดสินใจ “จะว่าไปแล้วก็ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง งั้นมาทางนี้เลยจ้ะ” ศศิค่อยโล่งใจขึ้นมาที่อีกฝ่ายยอมผ่อนปรนให้ จากนั้นเธอก็ลากกระเป๋าตามคนนำทางไป โดยพนักงานต้อนรับสาวหน้าเคาน์เตอร์บอกว่าหากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ค่อยเอากระเป๋าเดินทางมาฝากไว้ที่ตนเองได้ ภายในห้องทำงานระดับผู้บริหารซึ่งมีเจ้าของร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านหลังโต๊ะไม้สักหลังใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขรึมรับฟังข้อความที่ดังผ่านโทรศัพท์บนโต๊ะก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างระอา “เจ้านายคุณจะต้องมาถึงภายในสิบห้านาที” “เอ่อ ค่ะ” ชายหนุ่มกดวางสายหลังคำตอบรับ ถึงจะหน่ายกับพฤติกรรมของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลุงเขยซึ่งอายุมากกว่าตนไม่กี่ปีแค่ไหน แต่ด้วยความรักเคารพรวมทั้งเกรงใจผู้เป็นป้า เพชรจึงพยายามวางเฉยมาตลอด แม้รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทุ่มเทหรือตั้งใจทำงานให้สมกับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และบริการอย่างที่เป็นอยู่ ทว่าก็นั่นแหละตำแหน่งนี้ยังได้มาเพราะป้าของเขาแต่งตั้งให้ จะหวังความสามารถอะไรก็คงยากสักหน่อย ใบหน้าหล่อเหลาส่ายไปมาน้อยๆ ก่อนร่างสูงใหญ่จะขยับลุกขึ้น เดินไปยังประตูห้อง คิดว่าจะไปดูช่างที่มาทำการวัดพื้นที่เพื่อก่อสร้างเลาจน์ของตนกับหุ้นส่วนที่เริ่มดำเนินงานหลังเซ็นสัญญาไปเมื่อสามอาทิตย์ก่อน โดยอยู่ไม่ไกลจากตัวรีสอร์ตแห่งนี้มากนัก ส่วนของผู้บริหารจะเป็นอาคารชั้นเดียวอยู่ด้านข้างตึกใหญ่ เพชรออกจากห้องทำงานของตนแล้วหยุดบอกเลขาของป้าว่าจะออกไปข้างนอกและไม่ลืมสั่งเรื่องสำคัญด้วย “อีกสักพักฝ่ายบุคคลจะพาคนที่ผมฝากให้คุณจารุพงษ์สัมภาษณ์มา ผมไม่แน่ใจว่าคุณอารยาจะตามตัวเขามาได้เร็วแค่ไหน ฝากคุณนภาดูแลด้วยก็แล้วกันนะครับ” “ค่ะคุณเพชร” นภาเป็นเลขาของคุณสุพรรณีที่ทำงานด้วยกันมานานตั้งแต่ช่วงริเริ่ม และช่วยจัดการงานเอกสารของเพชรด้วย ร่างสูงใหญ่เดินผ่านส่วนเชื่อมที่เป็นทางเดินมีหลังคาไปยังตึกหลักเพื่อจะไปลานจอดรถด้านหน้า ตัวอาคารหลักของที่นี่มีสามชั้น ด้านล่างเป็นส่วนต้อนรับ ห้องอาหารและสำนักงาน สองชั้นบนมีห้องพักแขก โดยห้องพักทั้งหมดจะอยู่ด้านหน้ามองเห็นวิวทะเล ส่วนที่เหลือของชั้นสองเป็นพื้นที่ของห้องออกกำลังกาย ชั้นบนสุดออกแบบแบ่งโซนที่เหลือจากห้องพักเป็นมุมพักผ่อนเปิดโล่ง จัดชุดโซฟาไว้หลากหลายสไตล์แต่ลงตัว และเป็นกระจกทั้งชั้นเพื่อให้เห็นธรรมชาติในส่วนของรีสอร์ตที่ตกแต่งอย่างกลมกลืนลงตัว ทั้งต้นไม้ ดอกไม้ และน้ำตก รวมไปถึงวิลลาพักที่แยกออกเป็นหลังๆ โดยรอบ รีสอร์ต ไม่นานชายหนุ่มก็มาถึงส่วนต้อนรับ พนักงานต่างก็ยกมือไหว้เขาแต่ไม่เพียงเท่านั้น แขกสาวๆ เองก็ยังแอบเมียงมองอย่างสนใจ ทว่าเพชรเพียงพยักหน้ารับคนของตนขณะมุ่งหน้าไปทางประตู ร่างสูงใหญ่เดินผ่านหน้าฟรอนท์เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาหยิบจากกระเป๋ากางเกงออกมากดรับ พร้อมกับพยักหน้าให้พนักงานต้อนรับสาวเล็กน้อย แล้วเลี่ยงผู้หญิงร่างระหงคนหนึ่งที่เขาเห็นเพียงข้างหลังว่ากำลังส่งกระเป๋าให้กับพนักงานต้อนรับ เพราะคิดว่าเป็นแขกเขาจึงไม่ได้สังเกตอะไร “ว่าไงครับตีตี้” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นดึงให้หญิงสาวที่เขาเดินผ่านหันมองตามด้วยสายตางุนงง ขณะที่ชายหนุ่มผ่านไปโดยไม่สนใจมองใคร ‘ตีตี้อยากรู้ว่าเพื่อนไปถึงหรือยังน่ะค่ะ ตีตี้โทรหาไม่ติด’ “งั้นเหรอครับ อาจจะแบตหมดหรือปิดเครื่องละมั้งครับ แต่เท่าที่พี่รู้ เขามาแล้วนะครับ เพราะที่ฟรอนท์ต้อนรับแจ้งไปที่ฝ่ายบุคคลแล้ว น่าจะอยู่ที่ฝ่ายบุคคลคงไม่สะดวกก็เลยปิดเสียงหรือปิดเครื่อง” เพชรบอกตามที่รู้มาขณะก้าวพ้นประตูกระจกออกไป เรื่องการฝากงานครั้งนี้ชายหนุ่มให้คุณนภาดูแลให้ ซึ่งอีกฝ่ายจัดการได้อย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง พร้อมติดต่อพูดคุยกับทั้งวาสิฐีและเพื่อนที่จะมาสมัครเรียบร้อย ก่อนจะแจ้งให้ทางฝ่ายบุคคลเรียกตัวมาสัมภาษณ์อีกด้วย เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าเพื่อนของวาสิฐีชื่อนามสกุลอะไรด้วยซ้ำ และอีกอย่างที่เพชรไม่รู้คือ มีสายตาคู่หนึ่งมองตามแผ่นหลังกว้างของเขาไปจนลับตา ======
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD