02 – เธอคือสีครามในใจฉัน

4085 Words
02 – เธอคือสีครามในใจฉัน ‘ฮาร์ท’ คือหญิงสาวที่กำลังศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ชั้นปีสุดท้าย พร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ชีวิตวัยผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว แต่ฮาร์ทกลับรู้สึกว่าเธอยังเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่ไม่รู้ประสีประสา ติดพ่อแม่ ร้องไห้งอแงเวลาถูกขัดใจ นิสัยของเธอยังเด็ก เมื่อเทียบกับเพื่อนวัยเดียวกัน อาจเป็นเพราะสังคมที่เธอคลุกคลี มีแต่คนที่มีนิสัยคล้ายกัน เฮฮาไปวันๆ มีความสุขกับของกิน นั่งคุยเรื่องซุบซิบดารา แล้วก็ตามหวีดผู้ชายแดนกิมจิ บางทีก็มีนัดดื่มกันบ้าง แต่ตลอดระยะเวลาที่เรียนมหาลัยมาเธอสามารถนับครั้งได้เลยว่าเข้าร้านเหล้าทั้งหมดกี่ครั้ง กินเหล้าไม่ใช่เรื่องผิด แต่เธอแค่ไม่ถูกจริตกับมันก็แค่นั้น ส่วนเรื่องคืนก่อนที่เมาไม่ได้สภาพก็เพราะอยากทำตัวปล่อยผีบ้าง จุดจบในวันนั้นก็เป็นอย่างที่เห็น ฮาร์ทรู้จักกับปรายฝนมาตั้งแต่ตอนสอบสัมภาษณ์ แล้วก็เป็นเพื่อนกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ปรายฝนเป็นคนสวยนะ แต่ก็ชอบทำตัวตลกขบขันจนไม่มีใครกล้าเข้ามาจีบ นิสัยทั่วไปก็เป็นผู้หญิงที่รักสวยรักงาม ชอบซื้อของลดราคา แต่บางทีก็บ้าดีเดือดยิ่งกว่าผู้ชายบางคน ที่เราคบกันได้ยืดยาวขนาดนี้ ก็เพราะมีความสนใจในเรื่องเดียวกัน...นั่นก็คือ ‘ผู้ชาย’ สำหรับฮาร์ท ปรายฝนคือสุดยอดนักสืบยิ่งกว่าโคนัน โฮมยังต้องยอมชิดซ้าย เพราะว่าปรายฝนนั้นมีคอนแทคผู้ชายรุ่นเดียวกันเกือบครึ่งมหาลัย ไม่ว่าจะเฟซบุ๊ก อินสตาร์แกรม จนลามไปถึงไลน์ ปรายฝนก็หามาได้โดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวัน ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น...สิ่งที่ปรายฝนภูมิใจนำเสนอที่สุดก็ตารางเรียนของผู้ชายทั้งหลายแหล่ที่เธอสนใจ หากถามว่าปรายฝนรู้ตารางเรียนคนพวกนั้นได้อย่างไร ขอบอกเลยว่ามหาลัยก็มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง แค่ไปค้นชื่อ ค้นรหัสแป๊บเดียวก็ได้ตารางของผู้ชายมาแล้ว ฮาร์ทจึงได้อานิสงส์จากปรายฝนเรื่องนี้ ที่ทำให้เธอสามารถรู้เวลาเรียนของสีครามได้ สีครามเป็นผู้ชายที่ฮาร์ทแอบชอบตั้งแต่รับน้องปีหนึ่ง เธอรู้จักเขาผ่านหน้าเฟซบุ๊กที่ขึ้นแนะนำเพื่อนใหม่ เธอดันไปสะดุดตาเข้ากับภาพโปรไฟล์ของคราม ใบหน้าหล่อเหลา ตี๋ขาว แต่ก็คมดุในคราเดียวกัน ซึ่งนั้นอาจจะไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้เธอตกหลุมรัก แต่ภาพโปรไฟล์ของสีครามก็ยังติดตราตรึงใจ จนกระทั่งวันรับน้องใหญ่รวมทุกคณะ...เธอจำได้ดีว่าสีครามเป็นคนช่วยเธอผูกเชือกรองเท้าในขณะที่วิ่งเล่นเกมประจำฐาน เสียงเพื่อนร่วมรุ่นของเขาโห่ดัง แซวเพื่อนสนิทด้วยการตะโกนออกมาว่าจีบน้องเลย เขาไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมา นอกจากยิ้มมุมปากและตอบปัดไม่สนใจ ทว่าใครอีกคนที่ก้มหน้าเขินอาย เผลอคิดไปไกลจนมาถึงทุกวันนี้ ฮาร์ทชอบไปป้วนเปี้ยนแถวช็อปเพ้นท์ในช่วงกลางวัน แสร้งทำเป็นไปซื้อไอศกรีมแถวนั้น ทั้งที่ลานคณะของเธอก็มีร้านไอศกรีมขายเนืองแน่น แค่ได้เจอเขาในทุกๆ วัน ไม่ต้องทักทายกันก็ได้ แอบชอบอยู่ไกลๆ มันก็มีความสุขมากพอแล้ว เหอะ...จริงๆ ก็อยากได้สีครามเป็นแฟนนั่นแหละ เธอไม่ใช่คนดีที่ทำตัวเป็นนางเอก ที่ยอมปล่อยให้พระเอกไปมีรักใหม่ได้ เธอแค่ขี้ป๊อด ไม่กล้าเข้าไปทักก่อนเพราะกลัวโดนปฏิเสธจนหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ สีครามน่ะดูดีจะตาย โปรไฟล์ชีวิตโคตรดีเมื่อเทียบกับฮาร์ทแล้วนั้น... สูงร้อยแปดสิบห้า เคยเป็นพระเอกเอ็มวี และนายแบบของแบรนด์เสื้อผ้าแบรนด์หนึ่ง ไลฟ์สไตล์ของเขาก็คือโคตรคูล วาดรูปได้ เล่นดนตรีเป็น ถ่ายรูปเก่ง โดยเฉพาะภาพที่ถ่ายจากกล้องฟิล์ม ดีเกินไปแล้วพ่อคุณ...อยากจะบอกว่า อยากได้เธอมาเป็นพ่อของลูกก็จะดูแรงไป แต่แล้วความฝันแสนหวานของผู้หญิงที่ชื่อฮาร์ทก็สลาย ผู้ชายดูอบอุ่นมีสไตล์ กลับไม่ใช่เจ้าชายอย่างที่เธอคิด หลังจากที่สีครามอาสามาส่งเธอจนถึงหน้าหอพัก คำพูดที่ไถ่ถามกันทำให้ฮาร์ทงุนงงพอสมควร คิ้วสีน้ำตาลขมวดยุ่ง ดวงตาคู่กลมจ้องมองอีกคนด้วยความไม่เข้าใจ เพียงไม่กี่เสี้ยววินาทีต่อมา ฮาร์ทก็เข้าใจคำถามสองแง่สองง่ามอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ฮาร์ท ‘ทำไมเมื่อเช้าถึงรีบกลับล่ะ ฉันตื่นขึ้นมาไม่เจอเธอ’ คนที่ฉันมีอะไรด้วยเมื่อคืนคือ สีครามอย่างนั้นเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลย...แต่เหตุการณ์เมื่อคืนก็ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าฉันและผู้ชายคนนั้น ฉันมองหน้าเขาด้วยแววตาที่มีคำถามมากมาย พร้อมก่นด่าตัวเองในใจว่าทำไมถึงปล่อยให้เรื่องมันเกินเลยได้ถึงขนาดนี้ ทำไมถึงเมาจนไม่ได้สติ จนพลาดท่าเสียทีให้กับผู้ชายที่แอบชอบ ถึงฉันจะชอบเขามากแค่ไหน แต่ฉันก็ไม่ได้ต้องการให้เรื่องมันออกมาเป็นอย่างนี้ เขาคงมองว่าฉันเป็นผู้หญิงใจง่าย ที่ยอมไปกับผู้ชายเวลาเมา แววตาของสีครามที่ฉันเห็นมันบอกแบบนั้น และมันก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกละอายและสมเพชตัวเอง...สีครามยกยิ้มมุมปาก มันคือรอยยิ้มเย้ยหยัน ระคนเวทนากับสภาพไร้หนทางสู้แบบนี้ “ไอ้ชั่ว ไอ้สารเลว!!!” ฉันตะโกนด่าผู้ชายตรงหน้าพร้อมกำมือแน่น น้ำตาไหลรินอาบแก้ม “ได้แล้วก็กลับไปดิวะ จะมายุ่งกันทำไม!” เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันก็แย่สำหรับฉันมากพอแล้ว ฉันไม่ต้องการคำซ้ำเติมและสายตาดูถูกจากสีครามว่าฉันง่ายมากแค่ไหน ร่างกายฉันเหมือนบาดแผลที่สาหัส แต่ก็ยังมีคนใจร้ายอย่างสีครามคอยใช้มีดในมือของเขากรีดแทงจนบาดแผลไม่ยอมหาย “เห้ยเธอ อย่าร้องไห้” เขาพยายามเอื้อมมือมาจับแขนของฉัน แต่ไม่มีทางหรอก...ฉันไม่มีทางให้เขาแตะเนื้อต้องตัวฉันได้อีกเป็นครั้งที่สอง ฉันสะบัดแขนหนีแต่ก็เหมือนว่าจะหนีไม้พ้น สีครามลงมาจากมอเตอร์ไซค์เพื่อยืนประจันหน้ากับฉัน “ทำไมชั่วอย่างงี้วะ คนเมาไม่มีสติแม่งก็ยังเอาได้!” ไม่มีคำพูดไหนที่เหมาะเท่ากับการด่าอีกแล้ว คำด่าทอมันเหมาะกับคนชั่วแบบสีครามที่สุด เขาคงโมโหฉันที่พูดแบบนั้นออกไป แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อฉันกำลังปกป้องตัวเองจากคนที่มองฉันด้วยแววตาสมเพชแบบนี้ “เห้ย ด่ากันขนาดนี้เลย?” “ทำไมจะด่าไม่ได้วะ ก็แม่งข่มขืนคนเมา มันก็สมแล้วที่ถูกด่าว่าชั่ว” เขาถอนหายใจพลางเสยผมขึ้น ท่าทางเขาจะดูหัวเสียไม่ใช่น้อยที่แสดงออกว่าต่อต้านเขาขนาดนี้ ฉันไม่ฟังคำพูดจากเขาเด็ดขาด คนที่ขืนใจคนอื่นยามเมาไม่มีสิทธิ์แถความผิดของตัวเองให้กลายเป็นเรื่องดีได้ “นึกดีๆ นะ เธอเองต่างหากที่เป็นคนขอให้ฉันทำ” ไม่มีทาง! ฉันไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นก่อนเด็ดขาด แฟนยังไม่เคยมีสักคน ประสบการณ์ชีวิตรักของฉันเท่ากับศูนย์ แล้วจะนับประสาอะไรกับเซ็กซ์ อย่างมากฉันก็เคยอ่านเรื่องพวกนี้ผ่านนิยายก็แค่นั้น ไม่มีทางที่ฉันจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเด็ดขาด “อย่ามั่วนะ เราไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ อย่ามาใส่ร้ายให้ตัวเองพ้นผิดเลย” “ไม่ได้มั่ว จะดูหลักฐานไหมล่ะ ถ่ายไว้เป็นคลิปเลยนะ” ฉันคิดว่ามันคงเป็นแค่คำขู่หลอกเล่นของเขา ทว่าอีกไม่กี่วินาทีต่อมาฉันก็ต้องเปลี่ยนความคิด เมื่อสีครามหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะเปิดโชว์หลักฐานที่เขากล่าวอ้างว่าฉันเป็นคนเริ่มก่อน ตอนนั้นร่างกายของฉันสั่นชาเข้าไปในขั้วหัวใจ ขาไร้เรี่ยวแรงที่จะทรงตัว เขาพูดทีเล่นทีจริง ตั้งท่าจะเปิดคลิปภาพโชว์เป็นหลักฐาน ตอนแรกฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นคำขู่ของสีคราม แต่สีหน้าและท่าทางของเขาที่เหมือนถือไพ่เหนือกว่าทำให้ฉันต้องดันโทรศัพท์เขากลับไป เขาต้องเลวแค่ไหนที่กล้าอัดคลิปเรื่องอย่างว่ากับคนเมาไร้สติ “นี่จะแบล็กเมลกันเลยเหรอ ทำไมถึงได้ชั่วแบบนี้วะ หน้าก็ดูเลว ไม่คิดว่านิสัยจะเลวเหมือนกับหน้าอีก!” ชอบได้ก็เกลียดได้เหมือนกัน ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าอินดิโกที่ฉันนั่งส่องดูภาพเขาทุกวัน จะกลายมาเป็นคนที่อัดคลิปวิดีโอตอนมีอะไรกับฉันขณะที่เมาอยู่ เลวจนไม่รู้จะต้องสรรหาคำไหนมาด่า “เราจะแจ้งตำรวจ!” “เอาดิ เธอแจ้ง ฉันปล่อยคลิป” เขาตอบกลับทันทีพร้อมชูโทรศัพท์อย่างเหนือกว่า ทำไมฉันต้องรู้สึกดีกับผู้ชายที่เห็นฉันเป็นแค่เครื่องมือทางเพศแบบเขาด้วยนะ ทำไมต้องดันไปรักผู้ชายที่มองว่าฉันคือตัวตลก ตลอดเวลาฉันคิดว่าเขาคือผู้ชายที่ดีมาเสมอ...แต่ที่ไหนได้ ฉันลืมนึกไปว่าสีครามก็คือมนุษย์คนหนึ่ง มีทั้งดีและเลวอยู่ในคนเดียวกัน “ไอ้เวรเอ๊ย ทำไมชั่วอย่างนี้วะ เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปดิวะ รู้จักไหมวันไนท์สแตนด์อะ คืนเดียวจบกัน ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เราไม่ต้องการ!” “ใครบอกว่าฉันจะรับผิดชอบเธอ” เมื่อเขาเอ่ยประโยคนั้น ใจฉันก็กระตุกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนทุเรศขนาดนี้ ทั้งใจร้าย ใจดำ และไร้ความรับผิดชอบสิ้นดี ฉันพยายามกลั้นน้ำตาสุดความสามารถแต่ก็ทำไม่ได้ อีกทั้งยังหลุดสะอื้นออกมาอย่างน่าอาย เรื่องแบบนี้ฉันรับมันไม่ไหว...รับไม่ไหวจริงๆ “เธอต่างหากที่ต้องรับผิดชอบ ได้ฉันแล้วจะทิ้งกันง่ายๆ อย่างงี้เลยเหรอ?” ยังไม่ทันที่ฉันจะปล่อยน้ำตาร้องไห้ให้กับความเห็นแก่ตัวของเขา ก็เปลี่ยนมาเป็นความงุนงง ให้ตายเถอะ...มันควรจะเป็นฉันไม่ใช่หรือไงที่ควรพูดประโยคนี้ เขาไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่เป็นฉันต่างหากที่เสียหายทั้งขึ้นทั้งร่อง ถูกย่ำยีไม่พอ เขายังมีหน้าอัดคลิปรอประจานลงบนอินเทอร์เน็ต ฉันมีแต่เสียกับเสีย แล้วมาพูดได้ยังไงว่าให้ฉันรับผิดชอบ เฮงซวยที่สุด! หากไตร่ตรองจากสีหน้าละท่าทาง ฉันคิดว่าสีครามคงไม่ได้พูดออกมาเล่นๆ เขาทำหน้าสลดราวกับว่าตัวเองคือคนที่เสียหายจากการกระทำครั้งนี้ ไม่จริง...ฉันไม่มีทางขืนใจสีคราม ถึงจะชอบมากแค่ไหนก็ตาม ฉันไม่มีทางขืนใจใครก่อนแน่นอน “หา?” “เธอต้องรับผิดชอบ” “ไม่! เราไม่รับผิดชอบ เราต่างหากที่เสียหาย” “จะต้องให้ฉันเล่าไหมว่าเธอขืนใจอะไรฉันบ้าง” บ้าไปแล้วแน่ๆ ฉันไม่มีทางทำอะไรแบบนี้ เขากำลังปรักปรำฉัน เพื่อให้ตัวเองพ้นผิด “ไม่จริงอะ เราไม่มีทางขืนใจคนอื่น เราเป็นผู้หญิงนะ เราต่างหากที่ต้องโดนนายทำ” “เธอไม่ได้สวยขนาดนั้น ฉันไม่ได้สนใจเธอ ไม่ใช่สเปก ไม่มีอะไรที่ฉันชอบเลยสักอย่าง ฉันจะไปทำแบบนั้นกับเธอทำไม” “ไม่จริง!” “เธอเมาแล้วก็ก็มาเต้นนัวฉัน ลากฉันออกมาจากคลับ แล้วก็ให้ฉันพาเธอไปที่ห้อง เสื้อของฉันเธอก็เป็นคนถอด ส่วนเสื้อของเธอ เธอก็ปลดเอง ฉันยังไม่ได้แตะสักนิด” “พอ หยุด ไม่ต้องพูดแล้ว!” ฉันยกมือขึ้นห้ามชายหนุ่มที่กำลังสาธยายวีรกรรมแสนน่าอายอย่างทนไม่ได้ อย่างฉันเนี่ยนะจะขืนใจผู้ชาย คนอย่างไอ้ฮาร์ทเนี่ยนะ? จริงดิ...ไม่อยากจะเชื่อเลย “พรุ่งนี้มีเรียนกี่โมง?” เขาถามในขณะที่ฉันยืนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “ถามทำไม ยุ่งไรกับเรา” ฉันไม่ตอบคำถามเขา แต่แสดงสีหน้ายั่วประสาทให้อีกคนหัวเสียเพราะจะได้ไม่ต้องมายุ่งกัน และมันก็ได้ผล เขาถอนหายใจและเสยผมอย่างหัวเสีย เขาพยายามเก็บอารมณ์ของตัวเองไม่ให้ระเบิดออกมา ท่าทางของเขาหล่อมาก หล่อจนใจสั่น แต่ไม่มีทางที่ฉันจะหลงรักคนใจดำครั้งที่สองเป็นอันขาด เขาใช้ดวงตาอันเฉียบคมตวัดมองอย่างต้องการคำตอบ ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่แต่ก็เชิดหน้าทำเป็นใจดีสู้เสือ ทว่าเมื่อเขาก้าวเข้ามาประชิดตัว ทำให้ฉันละล่ำละลักรีบบอกออกไป เพราะกลัวว่าเขาจำมาทำร้ายร่างกายผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้แบบฉัน “เรียนสิบโมง” “เดี๋ยวมารับตอนเก้าโมง เดี๋ยวพาไปกินข้าวก่อน” “ไม่ต้อง เราเดินไปเองได้ แล้วเราก็ไม่กินข้าวเช้า” “มารับก็คือมารับ อย่าให้ต้องพูดมากได้ไหม” อะไรของเขาวะ...แทนที่จะให้เรื่องมันจบไป แต่ทำไมเขายังดึงดันให้ฉันรับผิดชอบ ทั้งที่ฉันต่างหากที่เป็นคนเสียหาย เสียตัว เสียใจอีกต่างหาก “ไม่” “ถ้าฉันมารับแล้วไม่เจอเธอ หรือเธอไปมอก่อน คลิปของเธอถูกปล่อยว่อนเน็ตแน่” “อย่ามาขู่ซะให้ยาก” “ฉันทำจริง ถ้าไม่เชื่อ ก็รอเป็นดาราดังได้เลย” พูดจบเขาก็คร่อมมอเตอร์ไซค์และบิดออกไปทันที ทิ้งให้ฉันคนนี้ยกมือปาดน้ำตาเหมือนผู้หญิงหน้าโง่คนหนึ่ง ฉันตะโกนด่าเขาไล่หลังด้วยความโกรธเคือง คิดว่าคำขู่บ้าๆ นั้นจะทำให้ฉันเชื่อฟังอย่างนั้นเหรอ...เออ! เชื่อก็ได้ ฉันไม่ได้อยากเป็นดาราหนังโป๊โว้ย! ไอ้บ้าคราม . . . . . เช้าวันพฤหัสบดี เวลา 08.42 นาฬิกา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองต้องตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ ฉันมองสภาพตัวเองในกระจก ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใต้ตาคล้ำเหมือนหมีแพนด้า เมื่อคืนฉันนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายจนถึงตีสาม แถมต้องแหกตาตื่นแต่เช้าเพราะกลัวว่าจะตื่นไม่ทันไอ้บ้าสีครามมารับที่หน้าหอ ฉันไม่ดีใจสักนิดที่ได้ใกล้ชิดกับสีคราม หากเป็นเมื่อก่อนฉันคงจะรีบบอกเรื่องนี้กับปรายฝน ว่าคนที่ฉันชอบคงมีใจให้ไม่ต่างกัน แต่ตอนนี้มันแย่กว่านั้น ในเมื่อฉันถูกกล่าวหาว่าเป็นคนขืนใจเขา ทั้งที่ฉันเองก็เมาไม่รู้เรื่อง อีกอย่างฉันไม่ใช่หรอกหรือ ที่ควรจะตกเป็นผู้เสียหายมากกว่า ฉันหยิบมือขึ้นมาสางผมให้เรียบตรง และตกแต่งใบหน้าที่ซีดเซียวเหมือนหนักไก่ต้องด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อน หากปล่อยให้หน้าไร้การแต่งเติมรองพื้นหรือแป้ง สภาพของฉันคงไม่ต่างจากศพเหมือนที่ปรายฝนเคยว่าไว้ ตอนที่ฉันปล่อยหน้าโล้นไปเรียน วันนี้ฉันสวมเสื้อยืดคอเต่ารัดรูปสีเหลือง และกางเกงยีนทรงกระบอกดูทะมัดทะแมง ส่องกระจก หมุนซ้ายขวานเพื่อสำรวจตัวเอง ก่อนที่ฉันจะเปิดไปคว้ากระเป๋าและออกมาจากห้องในเวลาที่เก้าโมงพอดีเป๊ะ และแล้วเมื่อฉันเดินออกมาจากส่วนหอพักเพื่อมาบริเวณส่วนกลาง มอเตอร์ไซค์คันคุ้นตาก็เคลื่อนที่มาจอดเทียบทางเข้าหน้าหอพัก “ตายยากตายเย็นจริงๆ” ฉันพึมพำบ่นกับตัวเองเมื่อผู้ชายตรงหน้าถอดหมวกกันน็อกออก สีครามหันมามองฉันที่สภาพดูดีกว่าตอนตื่นเพียงเล็กน้อย และพยักหน้าให้ฉันเดินไปซ้อนท้ายเหมือนตุ๊กตาเสียกบาลท้ายรถ ถึงฉันจะไม่เต็มใจเดินไปซ้อนท้ายเขา แต่ไอ้เรื่องคลิปที่ฉันขืนใจเขามันก็ยังค้ำคออยู่ หากคลิปมันหลุดออกไปเมื่อไร มีหวังฉันได้เป็นดาราดังเพียงชั่วข้ามคืนอย่างที่สีครามบอกแน่ๆ เขาโยนหมวกกันน็อกอีกใบให้ฉัน หลังจากที่ฉันขึ้นไปนั่งคร่อมซ้อนท้าย ไอ้บ้านี่ก็บิดคันเร่งอย่างแรงจนฉันแทบหงายหลัง “ไอ้บ้า ขี่ดีๆ ไม่เป็นหรือไง!” ฉันตะโกนด่าแข่งกับลมร้อนโต้ร่าง แต่ก็ไม่สามารถทำให้สีครามเชื่อฟัง อีกทั้งเขาแกล้งฉันหนักขึ้นกว่าเดิม ฉันต้องกอดเอวเขาไว้แน่น ฉันยังไม่อยากตายเพราะตกรถมอเตอร์ไซค์ด้วยสภาพศพที่ไม่สวย “นิสัยไม่ดี” ถึงปากจะต่อว่าเขาก็เถอะ แต่ทำไมฉันต้องยิ้มให้กับกลิ่นหอมอ่อนๆ และแผ่นหลังกว้างของเขาด้วย อย่าตกหลุมพรางผู้ชายคนนี้เด็กขาดไอ้ฮาร์ท จำไว้ว่าเขาเป็นคนไม่ดี... ฉันแพ้ผู้ชายใส่เสื้อฮาวายตัวโคร่ง สวมกางเกงยีนสีซีด และทั้งหมดที่ฉันคิดมันก็คือสีครามที่ฉันปฏิเสธไม่ได้ว่าหล่อจริงๆ จนอยากจะตกหลุมรักอีกครั้ง ไม่คิดว่าชีวิตหนึ่งจะได้มาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของผู้ชายที่ (เคย) แอบหลงรัก และตอนนี้ก็เลื่อนสถานะกลายเป็นคนเกลียดกันอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึงร้านข้าวในซอยที่อยู่ข้างมหาลัย แถวนี้หอพักนักศึกษาเยอะมาก ร้านอาหารก็เยอะตามจำนวนหอพักเช่นกัน ถ้าจำไม่ผิดซอยนี้เป็นซอยคอนโดฯ ของสีคราม เลยมาอีกไม่ถึงร้อยเมตรก็จะเจอร้านข้าวของป้าสมใจ ฉันไม่เคยมากินร้านนี้หรอก แต่มีเพื่อนบอกว่าป้าสมใจทำอาหารอร่อย ข้าวก็ให้เยอะจนจุกไปถึงบ่าย ฉันลงจากมอเตอร์ไซค์แล้วก็ส่งหมวกกันน็อกคืนอีกคน เขาไม่รับหมวกกันน็อกจากฉัน แต่เขากลับลุกออกจากรถมอเตอร์ไซค์และถอดหมวกกันน็อกออก พร้อมใช้สายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า พลางยักคิ้วหนึ่งข้างและแสดงออกทางสีหน้าว่าไม่พอใจ “มองอะไร อย่ามาทะลึ่งนะ” ฉันรีบยกแขนสองข้างมาปิดร่างของตัวเองเอาไว้ แต่เขาเพียงแค่แค่นหัวเราะแล้วก็เดินเข้าร้าน อยากจะเตะเขาแต่ฉันก็ทำได้เพียงเตะอากาศ ระวังตัวไว้เถอะ...ถ้าเผลอเมื่อไรจะขโมยโทรศัพท์มาลบคลิปทิ้งให้สิ้นซากเลยคอยดู “กะเพระเนื้อไข่ดาวครับป้า เธอจะกินอะไรก็สั่ง” “ข้าวผัดต้มยำหมูกรอบค่ะป้า” เมื่อสั่งอาหารเรียบร้อย ฉันก็เดินมานั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อน และใจจดจ่อรอข้าวจากป้าสมใจ พลันสายตาประสานเข้ากับสีครามอย่างไม่ได้ตั้งใจ ฉันรู้สึกได้ว่าสีครามกำลังจ้องมองฉันไม่วางตา “มองทำไม ไม่เคยเห็นคนสวยหรือไง” ฉันพูดยียวนอยากให้อีกคนหมดอารมณ์จะเสวนาด้วย แต่เขากลับหัวเราะพร้อมส่ายหัว ก่อนจะกอดอกเอนตัวพิงพนักม้าหินอ่อน และมองฉันด้วยสายตาน่ารังเกียจที่สุด “เคยเห็นคนสวยมาเยอะแล้ว พึ่งเคยเจอคนไม่สวยนี่แหละเลยขอมองหน่อย” “ปากเสีย ตบปากตามอายุเดี๋ยวนี้เลย” ก่อนจะให้สีครามตบปาก ฉันอยากจะตบปากตัวเองเสียก่อนที่เผลอไปเผยนิสัยพูดเล่นที่ใช้กับเพื่อนติดมา รวมถึงวิธีการพูดจีบปากจีบคอเวลาอยู่กับกลุ่มเพื่อนสนิท ไหนจะจริตที่มากกว่าผู้หญิงทั่วไปสิบเท่า จนเพื่อนหลายคนเตือนฉันว่า ท่าทางฉันห่างจากคำว่ากุลสตรีมากโข “หึ แล้วใครให้แต่งตัวแบบนี้” สีครามไม่ยอมทำตามที่ฉันสั่ง แต่เบี่ยงประเด็นและถามถึงการแต่งของฉัน “แต่งเอง แฟชั่นอะ รู้จักไหม?” “ห้ามใส่” “อะไร?” “วันหลังห้ามใส่ตัวนี้ ไม่ชอบ” เอ๊ะ...ไอ้นี่ ฉันอยากจะใส่อะไรมันก็เรื่องของฉัน เขาไม่มีสิทธิ์มาห้ามว่าฉันใส่เสื้อแบบไหนได้หรือไม่ได้ “มีสิทธิ์อะไรมาสั่งห้าม อีกอย่างใครๆ ก็ใส่กัน ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย” “ห้ามใส่ก็คือห้ามใส่ อยากให้ผู้ชายคนอื่นมองมากหรือไง ใส่รัดขนาดนี้มันคิดกันไปไหนต่อไหนแล้ว” ทำไมต้องรู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้ที่เถียงอะไรเขาไม่ได้เลย ฉันก้มมองดูเสื้อที่ตัวเองสวม มันก็จริงอย่างที่สีครามบอกว่ามันรัดตัวจนเห็นสัดส่วนไปถึงไหนต่อไหน แล้วฉันก็ไม่อยากเป็นอาหารตาให้พวกผู้ชายเหมือนกัน “ขี้บ่น” ฉันตัดปัญหาด้วยการพูดพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเท้าคางมองไปทางอื่นเพื่อรออาหาร “ไม่ต้องมาทำหน้างอแบบนั้น” “เราจะทำหน้ายังไงมันก็เรื่องของเราไหมล่ะ” เมื่อฉันเงยหน้าต่อว่าเขา เขากลับไม่สะทกสะท้านสนใจคำพูดของฉันสักนิด เขาก้มหน้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น ปล่อยให้ฉันนั่งกระฟัดกระเฟียดเป็นผู้หญิงอารมณ์แปรปรวนตอนรอบเดือนมา ระหว่างที่เขาเล่นโทรศัพท์ เขาก็ขมวดคิ้วและเงยหน้าขึ้นมามองฉัน “อันเฟรนด์ อันฟอล?” รู้ได้ไงวะ...ฉันยักคิ้วหลิ่วตา พลางยกแก้วน้ำสเตนเลสขึ้นมาดูดน้ำให้ชื่นใจ หันไปมองนกมองไม้ แสร้งเป็นหูทวนลมไม่สนใจคำพูดของสีคราม เมื่อคืนฉันรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย เพื่อตัดสินใจกดอันเฟรนด์และอันฟอลสีครามออกจากชีวิต ไม่อยากเห็นหน้าให้รู้สึกขุ่นเคืองใจ และฉันก็ไม่อยากตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ซ้ำๆ ...มันคือการตัดสินใจที่ยากที่สุดในรอบสามปีที่ผ่านมา การเลิกรักใครสักคนมันไม่ยากหรอก แต่มันก็ไม่ง่ายเหมือนกัน เหมือนฉันในตอนนี้ไง! “ไม่อยากตาม รำคาญหน้า” “รับเพื่อนด้วย แล้วก็ฟอลกลับด้วย” “ไม่!” ก่อนหน้านี้ฉันและเขาเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกันก็จริง แต่ในอินสตาแกรมมีเพียงฉันที่ติดตามเขาอยู่ฝ่ายเดียว หากปรายฝนมันรู้ว่าตอนนี้สีครามติดตามฉันกลับ มันคงจะแหกปากลั่นบ้านแน่นอน “ลงคลิปนะ อยากให้ลงในไอจีด้วยไหมล่ะ เดี๋ยวแท็กให้” “เออ! รับแล้ว ตามกลับแล้วพอใจยัง” สีครามยกยิ้มอย่างพึงพอใจที่ฉันยอมทำตามเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขเพราะถือไพ่ต่ำกว่า หลังจากนั้นข้าวที่สั่งก็มาเสิร์ฟถึงโต๊ะ สีครามกินอย่างไม่รีบร้อน ขณะที่ฉันอ้าปากกินข้าวคำโตไม่ห่วงว่าใครจะมองว่ามูมมาม เมื่อกินข้าวเสร็จเขาก็พาฉันมาส่งถึงหน้าคณะ ใบหน้าแสนดึงดูด เรียกสายตาของคนบริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี ฉันถอดหมวกคืนเขา กำลังก้าวเท้าเดินหนีขึ้นตึก แต่ไม่ทันที่ฉันจะย่างกายก้าวเท้าแรก มือหนาก็ฉุดรั้งแขนฉันไว้เสียก่อน “เลิกกี่โมง?” “ห้าโมง” “เดี๋ยวมารับ” “ไม่ต้อง จะไปกินข้าวกับเพื่อน” “เดี๋ยวมารับไปกินข้าว” “โว้ย ก็นี่จะไปกินข้าวกับเพื่อนไง เข้าใจไหมคำว่ากินข้าวกับเพื่อนอะ ไม่ต้องมารับนะ โอเคจบแยกบ๊าย!” พูดเองเออเองและตัดบทเอง ฉันสะบัดหน้าเดินหนีทันที ไม่รอฟังคำพูดอะไรจากเขาทั้งนั้น เมื่อไรจะหมดเวรหมดกรรม เมื่อไรฉันจะเลิกตกอยู่ในสภาพคนที่พยายามขืนใจผู้ชายสักที!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD