4
ใบหน้าคมคร้ามขบกรามแน่นจนเส้นเลือดปูด ยามจมูกหนาได้กลิ่นเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในกายสาว ฉับพลันมือสากที่กำลังหยิบช้อนตักข้าวจึงวางลงอย่างหมดอารมณ์ หางตาดุตวัดมองนางผู้มาเยือน ดูทีท่าว่าสายเลือดพวกคนโฉดจะมาไม้ไหนอีก กลิ่นสายเลือดทมิฬที่ไหลวนเวียนในตัวนางหวนคืนความทรงจำที่เขาถ่อขึ้นเเดนเหนือไปจัดการชุมโจรแห่งหนึ่งเสียราบคาบ ความละโมบโลภมาก ความเลือดเย็น เป็นบ่อเกิดแห่งความชิบหายที่นำมาสู่จุดจบหายนะแห่งความสุญเสีย
เนิ่นนานเท่าใดแล้วหนอสิบยี่สิบปีจนทารกน้อยเพศหญิงในครรภ์เติบใหญ่ถึงเพียงนี้!
“พี่ขาลรู้จักนางมั้ย นางมาเรียกพี่อยู่หน้าเรือนจะให้ฉันทำยังไง” บุหงากระซิบกระซาบถามเขา เมื่อเห็นว่าเขานั่งนิ่งไร้การเคลื่อนไหว และแขกผู้มาเยือนก็ยืนชะเง้อรอคอยอยู่นานแล้ว หากนานกว่านี้จะไม่เป็นการงาม จะหาว่าเรือนของนางไร้มารยาทในการต้อนรับแขกเอาได้
“ข้าไม่รู้จักนางแต่คุ้นเคยสายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในกายนางเป็นอย่างดี พวกคนบาปใจโฉดตรีศูลเจ้าไปนำพาเจ้าพิรุณและเจ้ากำจายมาหาข้าที่นี้ที ดูท่าคนที่อยากจะพบนางจะเป็นเจ้าสองตัวนั้นกระมัง”
“ขอรับลุง” ตรีศูลพยักหน้าอย่างว่าง่าย
“ดูท่าข้ากับเมียคงจะได้รับชมลิเกฉากใหญ่” ไอยศูรย์กล่าวเย้าแหย่ตามนิสัย
“อยากเป็นตัวละครดำเนินเรื่องไหมเล่า”
“ดูท่าพี่จะอยากมีบทในเรื่องราวของผู้อื่น รอดูเงียบๆ เถอะพี่ ฉันว่าแม่นางผู้นี้ไม่ธรรมดา สายตาของนางหนักแน่นนัก ไม่เหมือนสายตาของสาวน้อยวัยแรกแย้มเลยสักนิด จะให้ฉันไปคุยกับนางถ่วงเวลาก่อนมั้ยพี่ขาล” บุหงาเอ่ยอย่างระมัดระวัง
“รบกวนเจ้าแล้วบุหงา”
บุหงาลุกพรวดถือขันน้ำฝนกรองสะอาดลอยดอกมะลิหอมกรุ่นเดินออกไปยังหน้าเรือน ใบหน้าของหญิงสาวอายุอานามย่างเข้าเลขสี่ ยังคงลุ่มลึกคงความงดงามไม่สร่าง มีแต่จะสง่างามและน่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น นางคลี่ยิ้มหวานต้อนรับแขกนิรนามผู้มาเยือนพลางส่งน้ำเย็นชื่นใจให้แขกเบื้องหน้าดับกระหาย
“เดินทางมาเหนื่อยๆ กินน้ำเย็นๆ ให้ชื่นใจก่อนนะจ๊ะหนู” บุหงายื่นขันน้ำฝนให้สาวน้อยเบื้องหน้า ก่อนจะเหลือบพินิจพิจารณาเค้าโครงดวงหน้าอันหยาดเยิ้มเย้ายวนชวนหลงใหล ใบหน้ารูปไข่ พวงแก้มป่องออกสีฝาด ดวงตาเฉี่ยวดั่งหงส์ จมูกไม่โด่งแต่มีเนื้อรั้นเชิ่ด ริมฝีปากอวบอิ่มคล้ายผลลูกไหน
องค์ประกอบโดยรวมแล้วนางมีใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดู หวานซ่อนเปรี้ยวเข็ดฟันกระนั้นยังคงมีเขี้ยวเล็บซุกซ่อนให้ผู้คนตายใจและหลงระเริงไปกับความไร้เดียงสา หากให้คาดคะเนอายุอานามก็ไม่น่าห่างจากบุตรชายคนโตของนางมากนักหรืออาจจะรุ่นเดียวกัน
และถือเป็นหญิงงามหาตัวจับได้ยากคนหนึ่ง!
‘พูดถึงหญิงงาม หญิงงามก็มาหา’
“ขอบใจจ๊ะพี่สาว” หญิงสาวนิรนามยื่นมือนุ่มนิ่มเหมือนแป้งซาลาเปารับขันน้ำฝนกรองสะอาดขึ้นมากระดกดื่มดับกระหายและดับร้อน
“พี่ชื่อบุหงานะ หนูชื่ออะไรจ๊ะอายุเท่าไหร่จ๊ะ”
“ฉันชื่อกระดังงาจ๊ะ ย่างเข้ายี่สิบจ๊ะ”
“อายุเท่าไล่เรียงลูกชายคนโตพี่เลย หนูมีธุระอะไรกับพี่ขาลเค้าหรอลูก พี่ดูแล้วเราไม่น่าใช่คนแถวนี้ใช่มั้ย พี่ขาลไม่ใช่คนที่หนูจะไปล้อเล่นด้วยได้นะ” บุหงาเบิกตาโต เมื่อรู้ว่าสาวน้อยวัยแรกแย้มเบื้องหน้าอายุเท่าตรีศูล จึงได้เอ่ยเตือนด้วยความจริงใจ นางจะได้ไตร่ตรองก่อนกระทำสิ่งใด
“กระดังงารู้จ๊ะ แต่จำเป็นต้องมา...” หญิงสาวคลี่รอยยิ้มหวานไม่ถึงดวงตา ดวงตาเฉี่ยวดั่งหงส์ฉายแววเศร้าสร้อยวาบหนึ่ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นใสซื่อดังเดิม
บุหงาไม่ทันเอื้อนเอ่ยสิ่งใด สุรเสียงเข้มคำรามแผดดังลั่นคล้ายตั้งใจข่มขู่ให้สาวน้อยขวัญหนีดีฝ่อก็ดังขึ้น พร้อมเจ้าของร่างมหึมาที่แผ่รังสีความกดดันออกมาทั่วบริเวณ ดวงตาเฉี่ยวของสาวน้อยช้อนมองร่างมหึมาของชายหนุ่มวัยกลางคน ริมฝีปากอิ่มคล้ายผลลูกไหนยกยิ้มหวาน ไร้อาการขลาดกลัวเหมือนแม่หญิงนางอื่น นางกลับดูซุกซ่อนความลึกลับไว้มากมายและนางทำให้ใครบางคนอยากจะค้นหาความลับที่ซุกซ่อนอยู่ภายในมากยิ่งขึ้น
“คิดจะส่งเอ็งมารับใช้ข้าแล้วหวังให้ข้าถอนคำสาปแช่งว่างั้นเถิด งั้นข้าก็ขอดูหน่อยว่าจะงามพอให้ข้าถอนคำสาปแช่งหรือไม่” มือหยาบกระตุกผ้าโพกศรีษระออกอย่างถือวิสาสะ เผยให้เห็นดวงหน้าหวานซ่อนเปรี้ยว ผมยาวสลวยถูกมวยเกล้าขึ้นปักด้วยปิ่นไม้เรียบง่าย ไร้ลวดลายและราคา
“!!?!!” ดวงตาดุดันกระตุกวาบนึง ก่อนจะถอนหายใจพรืดใหญ่เย้ยหยันสาวน้อยแบบโจ่งแจ้งคิดจะใช้แผนสาวงามมาหลอกล่อให้เขาติดกับ แผนการชั่วช้าน่าขยะแขยงชะมัดยาก! เลือดโจร มันก็ยังคงสืบสันดาน
“น่ารักน่าชังเสียจริง มองไปมองมาก็ดูไม่น่าเบื่อเลยสักนิด” บุหงาเผลอชมจากใจจริง
“ระวังจะเป็นพวกหน้าเนื้อใจเสือ เชื้อไม่ทิ้งแถว”
“ท่านคงจะเป็นพญาขาล ท่านกล่าวได้เหมาะสมแล้ว ฉันเป็นคนประเภทนั้นแลและโปรดระวังไว้หน่อยก็ดี หากกระดังงาไม่ร้ายกาจมากพอจะดั้นด้นมาถึงที่นี่หรือ” กระดังงาก้มหน้ายอมรับไม่มีบิดพริ้วหรือปฏิเสธข้อกล่าวหา
“หึ...” เขาชักสนุกแล้วสิ ท่าทางอวดเก่งของนางมันน่าบีบคอให้แหลกคามือ
“แม่สาวน้อยผู้นี้เป็นใครมาจากไหน เหตุใดเจ้าจึงตั้งท่ารังเกียจนางปานนั้น ทั้งนางก็ไม่มีท่าทีหวาดกลัวเจ้าแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่เจ้าทั้งข่มขู่และวางอำนาจกดดัน ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย” ไอยศูรย์ตามมาสมทบ เขาเบนหน้าไปทางด้านหลังกระซิบถามพญาขาลด้วยความใคร่รู้
“ทายาทสืบสันดานโจรจากชุมโจรแดนเหนือ หากจำไม่ผิดนางก็คงจะเป็นเด็กที่อยู่ในครรภ์เมียหัวหน้าชุมโจรครานั้น ที่เคยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เจ้าป่าจนเตียน ที่เดียวกับที่ข้าได้เจ้าพิรุณและเจ้ากำจายมา...”
“หากข้ารู้ว่าคลอดออกมาแล้วจะปีกกล้าขาแข็งเพียงนี้ ข้าคงจัดการให้ตายท้องกลมตั้งแต่อยู่ในครรภ์ไปนานแล้ว ช่างอวดเก่งและโง่เขลานัก” ประโยคนี้พญาขาลเอ่ยเสียงดัง จงใจกล่าวกระแทกหน้ากระดังงา
“......” กระดังงาระบายรอยยิ้มหวาน
“กรรร รรร!”
“กรรร รรร!”
“โฮกกก กกก...”
เสียงขู่คำรามของเจ้าพิรุณและเจ้ากำจายดังขึ้นจากทางด้านหลัง เผยให้เห็นเสือโคร่งลายพาดกลอนตัวผู้และตัวเมียโตเต็มวัย ที่แสดงอาการก้าวร้าว ดุร้าย อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พวกมันแยกคมเขี้ยวแหลมคมหมายจะขย้ำหญิงสาวให้แหลกลาญคามือ ดวงตาสีอำพันสองคู่ฉายแววอาฆาตมาดร้ายเต็มกำลัง จนตรีศูล ศิลา สิบทิศ ถึงกับตื่นตระหนกเพราะไม่เคยเห็นเจ้าพิรุณและเจ้ากำจาย แสดงอาการดุร้ายและชิงชังถึงขนาดนี้มาก่อน
ราวกับว่าพวกมันโกรธเกลียดหญิงสาวนิรนามผู้นี้เข้ากระดูกดำ จนไม่อาจมีชีวิตอยู่ร่วมโลกใช้ลมหายใจในอากาศเดียวกันได้ เสือโคร่งลายพาดกลอนเกร็งทั่วร่างเตรียมตะครุบร่างสะโอดสะองให้จมกองเลือด
“ดูเอาเถิดว่าชุมโจรของพวกเอ็งสร้างความเกลียดชังให้พวกมันเพียงใด แม้แต่สัตว์เดรัจฉานยังรังเกียจ ช่างไร้ค่า ไร้ราคาในสายตาข้าเสียจริง” พญาขาลไม่คิดห้ามปรามเจ้าพิรุณและเจ้ากำจาย เขาปล่อยให้พวกมันแสดงออกถึงความเกลียดชังที่ฝังรากลึกในความทรงจำและจิตใจ
“......” กระดังงายืนนิ่ง นางไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวออกมา ใบหน้าจิ้มลิ้มยังคงเรียบนิ่ง เธอรู้เรื่องราวต้นสายปลายเหตุพวกนี้เป็นอย่างดี จากการพร่ำสอนของแม่เก็ตถะหวาว่าให้สำนึกบุญคุณเจ้าป่าที่เคยสละชีวิตมอบอาหารและเครื่องนุ่งห่มเหล่านั้น และความผิดบาปของชุมโจรหมานคำยากเกินจะให้อภัย
แม่เฒ่าเก๋งคำผู้เป็นยายจึงสอนสั่งมนตรามหาเสน่ห์ ท่วงท่าลีลาร่วมรักชั้นบรมครู นางได้เรียนรู้และฝึกปรือจนคล่องแคล้ว ความเย้ายวนอันเลอค่าล้วนฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกนางสิ้น ไม่ว่าจะร้อยแปดวิธี นางจำต้องงัดกลยุทธ์ออกมามัดใจพญาขาลหรือเสือสมิงตนนี้ให้อยู่หมัด เพื่อความอยู่รอดของชุมโจรหมานคำที่เขาเกลียดชังนักหนา
“ฉันเป็นตัวแทนชุมโจรหมานคำ พวกฉันสำนึกผิดจากใจจริง ผลกรรมที่ผู้คนในชุมโจรหมานคำร่วมกันกระทำ พวกฉันล้วนชดใช้มาตลอดระยะเวลายี่สิบปี รู้ซึ้งถึงความทุกข์ทรมานยิ่ง”
“พิรุณ!” บุหงาเหลือบมองเห็นเจ้าพิรุณที่กำลังจะกระโจนโถมคล่อมร่างสาวน้อยจึงเอ็ดเสียงแหลม ทำให้เสือโคร่งเพศเมียลายพาดกลอนเกรี้ยวกราดแสดงอาการกระฟัดกระเฟียดยามถูกขัดจังหวะ
“กรอดดด!”
“หากจะมาวิงวอนให้ข้าให้อภัย ไม่ยากเลย...ข้ามีวิธี” พญาขาลกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ น้ำเสียงของเขาที่เอ่ยออกมาไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด
“รบกวนท่านชี้แนะ...”
“สมสู่กับอ้ายกำจายให้ข้าดูแลแม่นางน้อย ข้าจึงจะยินดีถอนคำสาปแช่ง” พญาขาลยิ้มเยาะ
“ท่านกล่าวเกินจริงแล้ว ฉันจะสมสู่กับอ้ายกำจายได้อย่างไร ในเมื่ออ้ายกำจายไม่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์เพศผู้ เขาเป็นเพียงเสือหนุ่ม หากสมสู่กับท่านน่ะก็ได้อยู่ดอก” กระดังงาขานตอบวาจาฉะฉาน
“ว้าว!” ไอยศูรย์สูดปากให้กับความใจกล้าของแม่นางน้อยผู้นี้ นับว่าใจกล้าบ้าบิ่นและไม่กลัวตาย เป็นสตรีนางแรกที่กล้าจู่โจมพญาขาลรุนแรงซึ่งหน้าเพียงนี้
“ข้ายืนฟังอะไรอยู่เนี่ย...” บุหงาเขินหน้าแดงก่ำ
“คิดจะเอาตัวเข้าแลกไม่ง่ายไปหน่อยหรือ ครั้นจะให้สมสู่กับเอ็งข้าคงขนลุกขนพองขยะแขยง ข้าทนทำไม่ลงดอก” วาจาดั่งคมมีดเชือดเฉือนกระดังงาน้อยที่ยืนท้าทายผู้ทรงอำนาจ
“หากผลรับเป็นที่น่าพอใจก็น่าแลกอยู่ดอกจ๊ะ ยายของกระดังงาสั่งเสียก่อนตายให้กระดังงาเดินทางมาปรนนิบัติพญาขาลให้คลายโทสะ ปัดเป่าอาเพศให้ชุมโจรหมานคำ กระดังงาไม่กล้าปฏิเสธ” หญิงสาวเอื้อนเอ่ยแสร้งทำสีหน้าเศร้าสลด ใครเห็นเป็นต้องน่าเอ็นดูแลสงสารนางจับใจ ทว่ากับพญาขาลที่มีสายตาเฉียบแหลมกลับมองเห็นทะลุปลุโปร่ง
“หึ...ช่างน่าสงสารจับใจ”
“แสแสร้ง...” พญาขาลกล่าว
“เจ้ากลับไปเถิด ข้าคงรับน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของพวกเจ้าไม่ไหว และข้าคงไม่มีแรงห้ามเจ้าพิรุณและเจ้ากำจาย หากมันอยากจะขย้ำเจ้าให้จมกองเลือด ให้สาสมกับความคับแค้นใจ สายเลือดชั่วที่ไหลเวียนอยู่ในกายเจ้าเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีสำหรับความแค้นที่พวกมันกักเก็บมาหลายสิบปี” เขาแสร้งถอนหายใจพรืดใหญ่อย่างจนใจ
“ฉันไม่มีบ้านให้กลับแล้วจ๊ะ นับตั้งแต่ฉันเดินทางมาหาท่าน ฉันก็ถือว่าตัวเองเป็นผู้หญิงของท่านแล้วต้องคอยรับใช้ปรนนิบัติอย่างใกล้ชิด”
“ข้ามีเมียแล้ว!”
“!!?!!”
คนทุกผู้ที่ใกล้ชิดพญาขาลหันขวับมองหน้ากันอย่างงุนงง ก็เห็นกันอยู่ว่าพญาขาลน่ะอยู่อาศัยในเรือนผู้เดียว มีเจ้าพิรุณและเจ้ากำจายคอยเคียงข้างเท่านั้น ครั้นจะไปงมหาเมียมาจากที่ใด หรือเวียงหวัน...
“นั่นก็เรื่องของท่าน ฉันเพียงมารับใช้หาได้ก้าวก่ายเรื่องส่วน” กระดังงากล่าว ทำเหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ นางมาทำหน้าที่ดูแลปรนนิบัติหาใช่มาแก่งแย่งชิงดีกับผู้ใด
“หน้าของเจ้ามันหนานัก!”
“ข้าเตรียมพร้อมรับมือท่านมาเกือบยี่สิบขวบปี จะให้จากไปง่ายดายมือเปล่าได้อย่างไรก็ต้องหน้าหนาไร้ยางอายจึงจะเหมาะ” กระดังงายิ้มหวาน
“และหากยอมเจ้าง่ายดายจะใช่ข้าได้อย่างไร...” ริมฝีปากหนายกยิ้มหยัน บรรยากาศโดยรอบอบอวลด้วยกลิ่นอายสังหารของพญาขาล ดวงตาสีชาดราวกับเม็ดทับทิมจ้องเขม็งสาวน้อยเอาเป็นเอาตาย
ฉับพลันร่างกำยำก็กระโจนกลายร่างเป็นเสือสมิงร่างมหึมาใหญ่โตกว่าเจ้าพิรุณและเจ้ากำจายมากนัก พญาขาลกระโจนเข้าป่า ส่งเสียงคำรามขู่อย่างเกรี้ยวกราด บันดาลโทสะที่กักเก็บเอาไว้หมดสิ้น กระดังงามองร่างมหึมาลายพาดกลอนนั้นสุดสายตา ไม่แปลกใจว่าเหตุใดเมื่อยี่สิบปีก่อนชุมโจรหมานคำจึงพ่ายแพ้ให้แก่เสือสมิงเพียงตนเดียว วันนี้เป็นที่ประจักษ์สู่สายตานางแล้วว่าเขานั้นโหดเหี้ยม ดุดัน และเลือดเย็นเพียงใด
คล้อยหลังพญาขาลกระโจนออกไปหน้าตาเฉย หน้าที่ต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญจึงตกเป็นหน้าที่ของบุหงา
เฮ้อ…ช่างน่าสงสาร
บุหงาเชื้อเชิญสาวน้อยให้มาร่วมโต๊ะทานข้าว พร้อมพูดคุยสัพเพเหระและอดกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากไม่ได้ เมื่อกระดังงานยืนกรานจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับพญาขาล บุหงารู้นิสัยของพี่ขาลดีว่า เขาไม่ใช่พวกประเภททะนุถนอมดอกไม้งามบนฝ่ามือเสียเท่าใด และหากทำให้เขาไม่สบอารมณ์แม้จะเป็นบุปผาที่น่าเด็ดดม เขาก็ไม่คิดลังเลที่จะทำลาย
“เอางี้ดีมั้ยหนูมาอยู่บ้านน้าก่อนดีมั้ยลูก” บุหงาเปลี่ยนสรรพนามแทนตนเอง เนื่องจากอายุของกระดังงาเท่าบุตรชายคนโต จึงกระดากปากจะเอื้อนเอ่ยตนเองว่าพี่สาว
“ถ้ากระดังงาอยู่บ้านน้าบุหงา คงไม่มีโอกาสหน้าที่จะย้ายไปอยู่ร่วมเรือนกับพญาขาลแล้วล่ะจ๊ะ น้าบุหงาไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ กระดังงาไม่มีใจคิดทำร้ายพญาขาล แค่อยากจะมาดูแลไถ่ถอนความผิด”
“น้าไม่ได้คิดแบบนั้น เพียงแต่ว่าพี่ขาลเค้าไม่ค่อยเหมือนคนอื่นเท่าไหร่ น้ากลัวว่าเขาจะเผลอทำให้หนูต้องเจ็บตัว ไหนจะเจ้าพิรุณ เจ้ากำจายที่หมายตาอยากจะสวบเราตลอดเวลา” บุหงาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะผ่อนลมหายใจอย่างหวั่นวิตก สำหรับมิตรไมตรีที่หยิบยื่นให้ล้วนเป็นความจริงใจ บุหงารู้สึกเอ็นดูสาวน้อยที่อายุไล่เลี่ยบุตรชาย
“ข้าว่านางอยู่ได้ คนแบบนางค่อยสมน้ำสมเนื้อกับอ้ายเสือสมิงผู้นั้นหน่อย แต่ข้าขอเตือนเอ็งไว้อย่าง เจ้าจะใช้กลอุบายต่ำช้าเพียงใดข้าจะไม่ยุ่ง อย่าริอ่านเอาชีวิตสหายข้า เข้าใจมั้ยแม่นางน้อย” ไอยศูรย์ลูบเคราของตนเองเชื่องช้า รอยยิ้มของชายวัยกลางคนละมุนละม่อมสวนทางกับประโยควาจายิ่ง
รอยยิ้มอบอุ่นดั่งแสงอาทิตย์แรกของเช้าวันใหม่เสมือนน้ำตาลเคลือบยาพิษ แม้นคิดลิ้มลองก็จะไม่มีโอกาสหันหลังกลับ เท่ากับว่าเอาชีวิตที่ถูกฝึกฝนมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปีมาทิ้งเปล่า
“ฉันยืนยันคำเดิมว่า รอนแรมมาขอการให้อภัยจากพญาขาล ไม่ว่าจะต้องชดใช้ด้วยร่างกาย หยาดเหงื่อ หรือหยาดเลือด ฉันก็ยินดีทั้งนั้น” น้ำเสียงของกระดังงาฉายแววขมขื่นเจือสะอื้นเล็กน้อย บนบ่าเล็กแบกความหวังของผู้คนมากมาย ทำให้นางแทบจะไม่เคยได้ใช้ชีวิตสมวัย บาปกรรมของบิดาทว่า...นางกลับต้องเป็นผู้ชดใช้
“ข้าขออวยพรให้เอ็งโชคดี กินข้าวเถิด ท้องอิ่มจักได้มีแรง ต่อไปมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจก็มาขอความช่วยเหลือน้าบุหงาได้” ไอยศูรย์ผ่ายมือสากให้สาวน้อยหย่อนสะโพกนั่งเก้าอี้พญาขาล เห็นทีคงจะต้องเสริมเก้าอี้อีกตัวเป็นแน่
“มาๆ กินกันเยอะ” บุหงากวักมือเรียกลูกชายทั้งสามที่เอาแต่ยืนนิ่งแข็งทื่อไม่พูดไม่จา
“......” ตรีศูลลอบมองหญิงสาวที่ยืนกรานจะมาปรนนิบัติลุงขาลด้วยแววตางุนงง อายุอานามของนางเท่าเขาแต่กลับมีความกล้าไม่เบา เขาที่เป็นหลานรักบางครั้งยังกลัวลุง และเกรงว่านางคงจะอยู่ไม่เกินสามวัน ไม่แคล้วโดนไล่ตะเพิดเหมือนพี่เวียงหวันเป็นแน่