ตอนที่ 4 : กระดังงา

2769 Words
4 ใบหน้าคมคร้ามขบกรามแน่นจนเส้นเลือดปูด ยามจมูกหนาได้กลิ่นเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในกายสาว ฉับพลันมือสากที่กำลังหยิบช้อนตักข้าวจึงวางลงอย่างหมดอารมณ์ หางตาดุตวัดมองนางผู้มาเยือน ดูทีท่าว่าสายเลือดพวกคนโฉดจะมาไม้ไหนอีก กลิ่นสายเลือดทมิฬที่ไหลวนเวียนในตัวนางหวนคืนความทรงจำที่เขาถ่อขึ้นเเดนเหนือไปจัดการชุมโจรแห่งหนึ่งเสียราบคาบ ความละโมบโลภมาก ความเลือดเย็น เป็นบ่อเกิดแห่งความชิบหายที่นำมาสู่จุดจบหายนะแห่งความสุญเสีย เนิ่นนานเท่าใดแล้วหนอสิบยี่สิบปีจนทารกน้อยเพศหญิงในครรภ์เติบใหญ่ถึงเพียงนี้! “พี่ขาลรู้จักนางมั้ย นางมาเรียกพี่อยู่หน้าเรือนจะให้ฉันทำยังไง” บุหงากระซิบกระซาบถามเขา เมื่อเห็นว่าเขานั่งนิ่งไร้การเคลื่อนไหว และแขกผู้มาเยือนก็ยืนชะเง้อรอคอยอยู่นานแล้ว หากนานกว่านี้จะไม่เป็นการงาม จะหาว่าเรือนของนางไร้มารยาทในการต้อนรับแขกเอาได้ “ข้าไม่รู้จักนางแต่คุ้นเคยสายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในกายนางเป็นอย่างดี พวกคนบาปใจโฉดตรีศูลเจ้าไปนำพาเจ้าพิรุณและเจ้ากำจายมาหาข้าที่นี้ที ดูท่าคนที่อยากจะพบนางจะเป็นเจ้าสองตัวนั้นกระมัง” “ขอรับลุง” ตรีศูลพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ดูท่าข้ากับเมียคงจะได้รับชมลิเกฉากใหญ่” ไอยศูรย์กล่าวเย้าแหย่ตามนิสัย “อยากเป็นตัวละครดำเนินเรื่องไหมเล่า” “ดูท่าพี่จะอยากมีบทในเรื่องราวของผู้อื่น รอดูเงียบๆ เถอะพี่ ฉันว่าแม่นางผู้นี้ไม่ธรรมดา สายตาของนางหนักแน่นนัก ไม่เหมือนสายตาของสาวน้อยวัยแรกแย้มเลยสักนิด จะให้ฉันไปคุยกับนางถ่วงเวลาก่อนมั้ยพี่ขาล” บุหงาเอ่ยอย่างระมัดระวัง “รบกวนเจ้าแล้วบุหงา” บุหงาลุกพรวดถือขันน้ำฝนกรองสะอาดลอยดอกมะลิหอมกรุ่นเดินออกไปยังหน้าเรือน ใบหน้าของหญิงสาวอายุอานามย่างเข้าเลขสี่ ยังคงลุ่มลึกคงความงดงามไม่สร่าง มีแต่จะสง่างามและน่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น นางคลี่ยิ้มหวานต้อนรับแขกนิรนามผู้มาเยือนพลางส่งน้ำเย็นชื่นใจให้แขกเบื้องหน้าดับกระหาย “เดินทางมาเหนื่อยๆ กินน้ำเย็นๆ ให้ชื่นใจก่อนนะจ๊ะหนู” บุหงายื่นขันน้ำฝนให้สาวน้อยเบื้องหน้า ก่อนจะเหลือบพินิจพิจารณาเค้าโครงดวงหน้าอันหยาดเยิ้มเย้ายวนชวนหลงใหล ใบหน้ารูปไข่ พวงแก้มป่องออกสีฝาด ดวงตาเฉี่ยวดั่งหงส์ จมูกไม่โด่งแต่มีเนื้อรั้นเชิ่ด ริมฝีปากอวบอิ่มคล้ายผลลูกไหน องค์ประกอบโดยรวมแล้วนางมีใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดู หวานซ่อนเปรี้ยวเข็ดฟันกระนั้นยังคงมีเขี้ยวเล็บซุกซ่อนให้ผู้คนตายใจและหลงระเริงไปกับความไร้เดียงสา หากให้คาดคะเนอายุอานามก็ไม่น่าห่างจากบุตรชายคนโตของนางมากนักหรืออาจจะรุ่นเดียวกัน และถือเป็นหญิงงามหาตัวจับได้ยากคนหนึ่ง! ‘พูดถึงหญิงงาม หญิงงามก็มาหา’ “ขอบใจจ๊ะพี่สาว” หญิงสาวนิรนามยื่นมือนุ่มนิ่มเหมือนแป้งซาลาเปารับขันน้ำฝนกรองสะอาดขึ้นมากระดกดื่มดับกระหายและดับร้อน “พี่ชื่อบุหงานะ หนูชื่ออะไรจ๊ะอายุเท่าไหร่จ๊ะ” “ฉันชื่อกระดังงาจ๊ะ ย่างเข้ายี่สิบจ๊ะ” “อายุเท่าไล่เรียงลูกชายคนโตพี่เลย หนูมีธุระอะไรกับพี่ขาลเค้าหรอลูก พี่ดูแล้วเราไม่น่าใช่คนแถวนี้ใช่มั้ย พี่ขาลไม่ใช่คนที่หนูจะไปล้อเล่นด้วยได้นะ” บุหงาเบิกตาโต เมื่อรู้ว่าสาวน้อยวัยแรกแย้มเบื้องหน้าอายุเท่าตรีศูล จึงได้เอ่ยเตือนด้วยความจริงใจ นางจะได้ไตร่ตรองก่อนกระทำสิ่งใด “กระดังงารู้จ๊ะ แต่จำเป็นต้องมา...” หญิงสาวคลี่รอยยิ้มหวานไม่ถึงดวงตา ดวงตาเฉี่ยวดั่งหงส์ฉายแววเศร้าสร้อยวาบหนึ่ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นใสซื่อดังเดิม บุหงาไม่ทันเอื้อนเอ่ยสิ่งใด สุรเสียงเข้มคำรามแผดดังลั่นคล้ายตั้งใจข่มขู่ให้สาวน้อยขวัญหนีดีฝ่อก็ดังขึ้น พร้อมเจ้าของร่างมหึมาที่แผ่รังสีความกดดันออกมาทั่วบริเวณ ดวงตาเฉี่ยวของสาวน้อยช้อนมองร่างมหึมาของชายหนุ่มวัยกลางคน ริมฝีปากอิ่มคล้ายผลลูกไหนยกยิ้มหวาน ไร้อาการขลาดกลัวเหมือนแม่หญิงนางอื่น นางกลับดูซุกซ่อนความลึกลับไว้มากมายและนางทำให้ใครบางคนอยากจะค้นหาความลับที่ซุกซ่อนอยู่ภายในมากยิ่งขึ้น “คิดจะส่งเอ็งมารับใช้ข้าแล้วหวังให้ข้าถอนคำสาปแช่งว่างั้นเถิด งั้นข้าก็ขอดูหน่อยว่าจะงามพอให้ข้าถอนคำสาปแช่งหรือไม่” มือหยาบกระตุกผ้าโพกศรีษระออกอย่างถือวิสาสะ เผยให้เห็นดวงหน้าหวานซ่อนเปรี้ยว ผมยาวสลวยถูกมวยเกล้าขึ้นปักด้วยปิ่นไม้เรียบง่าย ไร้ลวดลายและราคา “!!?!!” ดวงตาดุดันกระตุกวาบนึง ก่อนจะถอนหายใจพรืดใหญ่เย้ยหยันสาวน้อยแบบโจ่งแจ้งคิดจะใช้แผนสาวงามมาหลอกล่อให้เขาติดกับ แผนการชั่วช้าน่าขยะแขยงชะมัดยาก! เลือดโจร มันก็ยังคงสืบสันดาน “น่ารักน่าชังเสียจริง มองไปมองมาก็ดูไม่น่าเบื่อเลยสักนิด” บุหงาเผลอชมจากใจจริง “ระวังจะเป็นพวกหน้าเนื้อใจเสือ เชื้อไม่ทิ้งแถว” “ท่านคงจะเป็นพญาขาล ท่านกล่าวได้เหมาะสมแล้ว ฉันเป็นคนประเภทนั้นแลและโปรดระวังไว้หน่อยก็ดี หากกระดังงาไม่ร้ายกาจมากพอจะดั้นด้นมาถึงที่นี่หรือ” กระดังงาก้มหน้ายอมรับไม่มีบิดพริ้วหรือปฏิเสธข้อกล่าวหา “หึ...” เขาชักสนุกแล้วสิ ท่าทางอวดเก่งของนางมันน่าบีบคอให้แหลกคามือ “แม่สาวน้อยผู้นี้เป็นใครมาจากไหน เหตุใดเจ้าจึงตั้งท่ารังเกียจนางปานนั้น ทั้งนางก็ไม่มีท่าทีหวาดกลัวเจ้าแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่เจ้าทั้งข่มขู่และวางอำนาจกดดัน ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย” ไอยศูรย์ตามมาสมทบ เขาเบนหน้าไปทางด้านหลังกระซิบถามพญาขาลด้วยความใคร่รู้ “ทายาทสืบสันดานโจรจากชุมโจรแดนเหนือ หากจำไม่ผิดนางก็คงจะเป็นเด็กที่อยู่ในครรภ์เมียหัวหน้าชุมโจรครานั้น ที่เคยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เจ้าป่าจนเตียน ที่เดียวกับที่ข้าได้เจ้าพิรุณและเจ้ากำจายมา...” “หากข้ารู้ว่าคลอดออกมาแล้วจะปีกกล้าขาแข็งเพียงนี้ ข้าคงจัดการให้ตายท้องกลมตั้งแต่อยู่ในครรภ์ไปนานแล้ว ช่างอวดเก่งและโง่เขลานัก” ประโยคนี้พญาขาลเอ่ยเสียงดัง จงใจกล่าวกระแทกหน้ากระดังงา “......” กระดังงาระบายรอยยิ้มหวาน “กรรร รรร!” “กรรร รรร!” “โฮกกก กกก...” เสียงขู่คำรามของเจ้าพิรุณและเจ้ากำจายดังขึ้นจากทางด้านหลัง เผยให้เห็นเสือโคร่งลายพาดกลอนตัวผู้และตัวเมียโตเต็มวัย ที่แสดงอาการก้าวร้าว ดุร้าย อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พวกมันแยกคมเขี้ยวแหลมคมหมายจะขย้ำหญิงสาวให้แหลกลาญคามือ ดวงตาสีอำพันสองคู่ฉายแววอาฆาตมาดร้ายเต็มกำลัง จนตรีศูล ศิลา สิบทิศ ถึงกับตื่นตระหนกเพราะไม่เคยเห็นเจ้าพิรุณและเจ้ากำจาย แสดงอาการดุร้ายและชิงชังถึงขนาดนี้มาก่อน ราวกับว่าพวกมันโกรธเกลียดหญิงสาวนิรนามผู้นี้เข้ากระดูกดำ จนไม่อาจมีชีวิตอยู่ร่วมโลกใช้ลมหายใจในอากาศเดียวกันได้ เสือโคร่งลายพาดกลอนเกร็งทั่วร่างเตรียมตะครุบร่างสะโอดสะองให้จมกองเลือด “ดูเอาเถิดว่าชุมโจรของพวกเอ็งสร้างความเกลียดชังให้พวกมันเพียงใด แม้แต่สัตว์เดรัจฉานยังรังเกียจ ช่างไร้ค่า ไร้ราคาในสายตาข้าเสียจริง” พญาขาลไม่คิดห้ามปรามเจ้าพิรุณและเจ้ากำจาย เขาปล่อยให้พวกมันแสดงออกถึงความเกลียดชังที่ฝังรากลึกในความทรงจำและจิตใจ “......” กระดังงายืนนิ่ง นางไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวออกมา ใบหน้าจิ้มลิ้มยังคงเรียบนิ่ง เธอรู้เรื่องราวต้นสายปลายเหตุพวกนี้เป็นอย่างดี จากการพร่ำสอนของแม่เก็ตถะหวาว่าให้สำนึกบุญคุณเจ้าป่าที่เคยสละชีวิตมอบอาหารและเครื่องนุ่งห่มเหล่านั้น และความผิดบาปของชุมโจรหมานคำยากเกินจะให้อภัย แม่เฒ่าเก๋งคำผู้เป็นยายจึงสอนสั่งมนตรามหาเสน่ห์ ท่วงท่าลีลาร่วมรักชั้นบรมครู นางได้เรียนรู้และฝึกปรือจนคล่องแคล้ว ความเย้ายวนอันเลอค่าล้วนฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกนางสิ้น ไม่ว่าจะร้อยแปดวิธี นางจำต้องงัดกลยุทธ์ออกมามัดใจพญาขาลหรือเสือสมิงตนนี้ให้อยู่หมัด เพื่อความอยู่รอดของชุมโจรหมานคำที่เขาเกลียดชังนักหนา “ฉันเป็นตัวแทนชุมโจรหมานคำ พวกฉันสำนึกผิดจากใจจริง ผลกรรมที่ผู้คนในชุมโจรหมานคำร่วมกันกระทำ พวกฉันล้วนชดใช้มาตลอดระยะเวลายี่สิบปี รู้ซึ้งถึงความทุกข์ทรมานยิ่ง” “พิรุณ!” บุหงาเหลือบมองเห็นเจ้าพิรุณที่กำลังจะกระโจนโถมคล่อมร่างสาวน้อยจึงเอ็ดเสียงแหลม ทำให้เสือโคร่งเพศเมียลายพาดกลอนเกรี้ยวกราดแสดงอาการกระฟัดกระเฟียดยามถูกขัดจังหวะ “กรอดดด!” “หากจะมาวิงวอนให้ข้าให้อภัย ไม่ยากเลย...ข้ามีวิธี” พญาขาลกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ น้ำเสียงของเขาที่เอ่ยออกมาไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด “รบกวนท่านชี้แนะ...” “สมสู่กับอ้ายกำจายให้ข้าดูแลแม่นางน้อย ข้าจึงจะยินดีถอนคำสาปแช่ง” พญาขาลยิ้มเยาะ “ท่านกล่าวเกินจริงแล้ว ฉันจะสมสู่กับอ้ายกำจายได้อย่างไร ในเมื่ออ้ายกำจายไม่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์เพศผู้ เขาเป็นเพียงเสือหนุ่ม หากสมสู่กับท่านน่ะก็ได้อยู่ดอก” กระดังงาขานตอบวาจาฉะฉาน “ว้าว!” ไอยศูรย์สูดปากให้กับความใจกล้าของแม่นางน้อยผู้นี้ นับว่าใจกล้าบ้าบิ่นและไม่กลัวตาย เป็นสตรีนางแรกที่กล้าจู่โจมพญาขาลรุนแรงซึ่งหน้าเพียงนี้ “ข้ายืนฟังอะไรอยู่เนี่ย...” บุหงาเขินหน้าแดงก่ำ “คิดจะเอาตัวเข้าแลกไม่ง่ายไปหน่อยหรือ ครั้นจะให้สมสู่กับเอ็งข้าคงขนลุกขนพองขยะแขยง ข้าทนทำไม่ลงดอก” วาจาดั่งคมมีดเชือดเฉือนกระดังงาน้อยที่ยืนท้าทายผู้ทรงอำนาจ “หากผลรับเป็นที่น่าพอใจก็น่าแลกอยู่ดอกจ๊ะ ยายของกระดังงาสั่งเสียก่อนตายให้กระดังงาเดินทางมาปรนนิบัติพญาขาลให้คลายโทสะ ปัดเป่าอาเพศให้ชุมโจรหมานคำ กระดังงาไม่กล้าปฏิเสธ” หญิงสาวเอื้อนเอ่ยแสร้งทำสีหน้าเศร้าสลด ใครเห็นเป็นต้องน่าเอ็นดูแลสงสารนางจับใจ ทว่ากับพญาขาลที่มีสายตาเฉียบแหลมกลับมองเห็นทะลุปลุโปร่ง “หึ...ช่างน่าสงสารจับใจ” “แสแสร้ง...” พญาขาลกล่าว “เจ้ากลับไปเถิด ข้าคงรับน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของพวกเจ้าไม่ไหว และข้าคงไม่มีแรงห้ามเจ้าพิรุณและเจ้ากำจาย หากมันอยากจะขย้ำเจ้าให้จมกองเลือด ให้สาสมกับความคับแค้นใจ สายเลือดชั่วที่ไหลเวียนอยู่ในกายเจ้าเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีสำหรับความแค้นที่พวกมันกักเก็บมาหลายสิบปี” เขาแสร้งถอนหายใจพรืดใหญ่อย่างจนใจ “ฉันไม่มีบ้านให้กลับแล้วจ๊ะ นับตั้งแต่ฉันเดินทางมาหาท่าน ฉันก็ถือว่าตัวเองเป็นผู้หญิงของท่านแล้วต้องคอยรับใช้ปรนนิบัติอย่างใกล้ชิด” “ข้ามีเมียแล้ว!” “!!?!!” คนทุกผู้ที่ใกล้ชิดพญาขาลหันขวับมองหน้ากันอย่างงุนงง ก็เห็นกันอยู่ว่าพญาขาลน่ะอยู่อาศัยในเรือนผู้เดียว มีเจ้าพิรุณและเจ้ากำจายคอยเคียงข้างเท่านั้น ครั้นจะไปงมหาเมียมาจากที่ใด หรือเวียงหวัน... “นั่นก็เรื่องของท่าน ฉันเพียงมารับใช้หาได้ก้าวก่ายเรื่องส่วน” กระดังงากล่าว ทำเหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ นางมาทำหน้าที่ดูแลปรนนิบัติหาใช่มาแก่งแย่งชิงดีกับผู้ใด “หน้าของเจ้ามันหนานัก!” “ข้าเตรียมพร้อมรับมือท่านมาเกือบยี่สิบขวบปี จะให้จากไปง่ายดายมือเปล่าได้อย่างไรก็ต้องหน้าหนาไร้ยางอายจึงจะเหมาะ” กระดังงายิ้มหวาน “และหากยอมเจ้าง่ายดายจะใช่ข้าได้อย่างไร...” ริมฝีปากหนายกยิ้มหยัน บรรยากาศโดยรอบอบอวลด้วยกลิ่นอายสังหารของพญาขาล ดวงตาสีชาดราวกับเม็ดทับทิมจ้องเขม็งสาวน้อยเอาเป็นเอาตาย ฉับพลันร่างกำยำก็กระโจนกลายร่างเป็นเสือสมิงร่างมหึมาใหญ่โตกว่าเจ้าพิรุณและเจ้ากำจายมากนัก พญาขาลกระโจนเข้าป่า ส่งเสียงคำรามขู่อย่างเกรี้ยวกราด บันดาลโทสะที่กักเก็บเอาไว้หมดสิ้น กระดังงามองร่างมหึมาลายพาดกลอนนั้นสุดสายตา ไม่แปลกใจว่าเหตุใดเมื่อยี่สิบปีก่อนชุมโจรหมานคำจึงพ่ายแพ้ให้แก่เสือสมิงเพียงตนเดียว วันนี้เป็นที่ประจักษ์สู่สายตานางแล้วว่าเขานั้นโหดเหี้ยม ดุดัน และเลือดเย็นเพียงใด คล้อยหลังพญาขาลกระโจนออกไปหน้าตาเฉย หน้าที่ต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญจึงตกเป็นหน้าที่ของบุหงา เฮ้อ…ช่างน่าสงสาร บุหงาเชื้อเชิญสาวน้อยให้มาร่วมโต๊ะทานข้าว พร้อมพูดคุยสัพเพเหระและอดกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากไม่ได้ เมื่อกระดังงานยืนกรานจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับพญาขาล บุหงารู้นิสัยของพี่ขาลดีว่า เขาไม่ใช่พวกประเภททะนุถนอมดอกไม้งามบนฝ่ามือเสียเท่าใด และหากทำให้เขาไม่สบอารมณ์แม้จะเป็นบุปผาที่น่าเด็ดดม เขาก็ไม่คิดลังเลที่จะทำลาย “เอางี้ดีมั้ยหนูมาอยู่บ้านน้าก่อนดีมั้ยลูก” บุหงาเปลี่ยนสรรพนามแทนตนเอง เนื่องจากอายุของกระดังงาเท่าบุตรชายคนโต จึงกระดากปากจะเอื้อนเอ่ยตนเองว่าพี่สาว “ถ้ากระดังงาอยู่บ้านน้าบุหงา คงไม่มีโอกาสหน้าที่จะย้ายไปอยู่ร่วมเรือนกับพญาขาลแล้วล่ะจ๊ะ น้าบุหงาไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ กระดังงาไม่มีใจคิดทำร้ายพญาขาล แค่อยากจะมาดูแลไถ่ถอนความผิด” “น้าไม่ได้คิดแบบนั้น เพียงแต่ว่าพี่ขาลเค้าไม่ค่อยเหมือนคนอื่นเท่าไหร่ น้ากลัวว่าเขาจะเผลอทำให้หนูต้องเจ็บตัว ไหนจะเจ้าพิรุณ เจ้ากำจายที่หมายตาอยากจะสวบเราตลอดเวลา” บุหงาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะผ่อนลมหายใจอย่างหวั่นวิตก สำหรับมิตรไมตรีที่หยิบยื่นให้ล้วนเป็นความจริงใจ บุหงารู้สึกเอ็นดูสาวน้อยที่อายุไล่เลี่ยบุตรชาย “ข้าว่านางอยู่ได้ คนแบบนางค่อยสมน้ำสมเนื้อกับอ้ายเสือสมิงผู้นั้นหน่อย แต่ข้าขอเตือนเอ็งไว้อย่าง เจ้าจะใช้กลอุบายต่ำช้าเพียงใดข้าจะไม่ยุ่ง อย่าริอ่านเอาชีวิตสหายข้า เข้าใจมั้ยแม่นางน้อย” ไอยศูรย์ลูบเคราของตนเองเชื่องช้า รอยยิ้มของชายวัยกลางคนละมุนละม่อมสวนทางกับประโยควาจายิ่ง รอยยิ้มอบอุ่นดั่งแสงอาทิตย์แรกของเช้าวันใหม่เสมือนน้ำตาลเคลือบยาพิษ แม้นคิดลิ้มลองก็จะไม่มีโอกาสหันหลังกลับ เท่ากับว่าเอาชีวิตที่ถูกฝึกฝนมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปีมาทิ้งเปล่า “ฉันยืนยันคำเดิมว่า รอนแรมมาขอการให้อภัยจากพญาขาล ไม่ว่าจะต้องชดใช้ด้วยร่างกาย หยาดเหงื่อ หรือหยาดเลือด ฉันก็ยินดีทั้งนั้น” น้ำเสียงของกระดังงาฉายแววขมขื่นเจือสะอื้นเล็กน้อย บนบ่าเล็กแบกความหวังของผู้คนมากมาย ทำให้นางแทบจะไม่เคยได้ใช้ชีวิตสมวัย บาปกรรมของบิดาทว่า...นางกลับต้องเป็นผู้ชดใช้ “ข้าขออวยพรให้เอ็งโชคดี กินข้าวเถิด ท้องอิ่มจักได้มีแรง ต่อไปมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจก็มาขอความช่วยเหลือน้าบุหงาได้” ไอยศูรย์ผ่ายมือสากให้สาวน้อยหย่อนสะโพกนั่งเก้าอี้พญาขาล เห็นทีคงจะต้องเสริมเก้าอี้อีกตัวเป็นแน่ “มาๆ กินกันเยอะ” บุหงากวักมือเรียกลูกชายทั้งสามที่เอาแต่ยืนนิ่งแข็งทื่อไม่พูดไม่จา “......” ตรีศูลลอบมองหญิงสาวที่ยืนกรานจะมาปรนนิบัติลุงขาลด้วยแววตางุนงง อายุอานามของนางเท่าเขาแต่กลับมีความกล้าไม่เบา เขาที่เป็นหลานรักบางครั้งยังกลัวลุง และเกรงว่านางคงจะอยู่ไม่เกินสามวัน ไม่แคล้วโดนไล่ตะเพิดเหมือนพี่เวียงหวันเป็นแน่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD