จ้าวหัวใจ 1

1409 Words
ณ ม่อนผาหลวง เสียงเอะอะโวยวายที่ดังมาจากด้านล่าง ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังหลับสบายอยู่ต้องงัวเงียตื่นขึ้นมา เขาเดินไปยังที่มาของเสียงด้วยอาการหงุดหงิดในเวลาตีหนึ่งกว่าๆ แล้วชายหนุ่มก็ถึงกับกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงเอะอะโวยวายนั้นคือใคร “แม่ครับ พ่อครับ” ณภูผาเดินเข้าไปสวมกอดบิดามารดาเอาไว้แน่นด้วยความคิดถึง เกือบสามเดือนแล้วสินะที่เขาไม่ได้พบหน้าของพวกท่าน “มาได้ไงครับเนี่ย พี่ใหญ่ เจ้าสาม ยัยโฟร์ ยัยเล็ก” ภายใต้ใบหน้าที่รกรุงรังนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความดีใจที่ได้เห็นคนในครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา “พวกเราคิดถึงพี่รองนี่คะ เลยมาเซอร์ไพรส์ไง” น้องเล็กของบ้านพูดขึ้น ก่อนจะเดินเข้าสู่อ้อมแขนของพี่ชายที่เดินวนกอดพี่น้องจนครบทุกคน “พ่อครับแม่ครับ ทุกคนเลย ไปพักก่อนนะครับเดินทางมาเหนื่อยๆ นี่ก็พึ่งจะตีหนึ่งกว่าๆเอง ตอนเช้าเราค่อยคุยกันนะครับ ” ความเมื่อยล้าจากการเดินทางทำให้ทุกคนเดินเข้าห้องพักของตนเองเพื่อพักผ่อน ยังคงเหลือแต่ หม่อมหลวงอดิเทพ ที่ยังยืนกอดคอบุตรชายคนรองเอาไว้ด้วยใบหน้าเต็มไปด้วรอยยิ้ม “ดูสิตารอง เมื่อไหร่จะโกนเสียทีนะหนวดเคราเนี่ย” หม่อมหลวงอดิเทพมองหน้าบุตรชายแล้วบ่นไม่จริงจังนัก “นอนกับผมนะครับพ่อ” ชายหนุ่มหันไปบอกบิดา ซึ่งท่านเองก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มก่อนที่สองพ่อลูกจะกอดคอพากันเดินเข้าห้องนอนของณภูผาไป “ตารอง” หม่อมหลวงอดิเทพเอ่ยขึ้นแทบจะทันที เมื่อท่านนอนลงบนที่นอนข้างๆบุตรชายสุดที่รัก “ครับพ่อ” ชายหนุ่มขานรับเบาๆ “มีใครที่นี่หรือยัง พ่อหมายถึง คนรักของลูกน่ะ” “ไม่มีอะไรครับพ่อ สงสัยลูกสะใภ้ของพ่อยังคงไม่เกิดแน่ๆ” ชายหนุ่มตอบบิดาด้วยน้ำเสียงติดตลก ถ้าเขาหูไม่ฝาดละก็เขาได้ยินเสียงของบิดาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก มันทำให้เขาชักจะสงสัยเสียแล้วสิ “พ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ ถึงถามผมแบบนี้” “พ่อจะให้รองไปรับลูกสาวเพื่อนพ่อที่เวียนนาอาทิตย์หน้า แล้วพาเธอมาอยู่กับลูกที่นี่จะได้ไหม” หม่อมหลวงอดิเทพอดิเทพพูดขึ้นมาทั้งที่ท่านยังคงหลับตาอยู่ “ทำไมต้องเป็นผมล่ะครับพ่อ แล้วทำไมจะต้องมาอยู่ที่นี่กับผม พ่อบอกเหตุผลหน่อยสิครับ” หม่อมหลวงอดิเทพถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเล่าเรื่องที่ท่านเคยให้สัญญากับครอบครัวของเพื่อนรักเอาไว้ว่า หากปีเตอร์เป็นอะไรไป ท่านจะเป็นคนดูแลบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขา และจะให้บุตรชายคนใดคนหนึ่งของท่านแต่งงานกับเธอ ปีเตอร์เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว และเพิ่งจะเสียชีวิตลงเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา “ตาใหญ่ก็แต่งงานแล้วและกำลังจะมีลูก ส่วนตาสามก็มีคนรักแล้ว ก็เหลือแต่ลูกที่ยังว่าง ที่พ่อถามว่าลูกมีคนรักหรือยังก็เพราะแบบนี้ไงล่ะ แต่ถ้าลูกมีคนรักแล้วก็ไม่เป็นไร พ่อกับแม่ยินดีที่จะรับหนูลานนามาเป็นลูกสาวอีกคน” ประโยคสุดท้ายของท่านบ่งบอกถึงความหมดหวังอย่างแรง ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ ไอ้ที่ให้ไปรับก็ได้อยู่หรอก แต่ที่จะให้รับมาอยู่แล้วแต่งงานกันคงต้องพิจารณากันอีกที “เอาเป็นว่าผมตกลงจะไปรับเธอ แต่ไม่รับปากนะครับว่าจะแต่งงานด้วย คนที่จะมาเป็นนายหญิงของม่อนผาหลวง ต้องเป็นคนที่ยอมรับตัวตนของผมได้ ยอมรับวิถีชีวิตของคนในม่อนผาหลวงได้ และที่สำคัญผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นคนที่ผมรักเท่านั้น หวังว่าพ่อคงจะไม่บังคับผมใช่ไหมครับ ถึงตอนนั้นพ่อกับแม่ก็คิดว่ามีลูกสาวเพิ่มมาอีกคนก็แล้วกันนะครับ” “ตามใจลูกก็แล้วกัน” ท่านตอบพลางคิดในใจ เอาไว้ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที แค่บุตรชายของท่านยอมไปรับหนูลานนาท่านก็พอใจแล้ว “แล้วเขารู้หรือเปล่าครับพ่อ ว่าจะต้องแต่งงานกับผม” “ไม่รู้หรอก หนูลานนารู้แต่ว่าเธอจะมาอยู่เมืองไทย ภายใต้การดูแลของนายณภูผา ดิษกุลพงษ์ ก็เท่านั้นเอง เรื่องอื่นไม่มีใครรู้ นอกจากครอบครัวของเราและปีเตอร์พ่อของหนูลานนา” คราวนี้สองพ่อลูกต่างก็ตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ก่อนจะเผลอหลับไป ณภูผา ดิษกุลพงษ์ ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ และรูปสมบัติ ทว่าเขากลับหันหลังให้ความศิวิไลซ์ในเมืองใหญ่ หันหน้ามุ่งสู่จังหวัดเล็กๆ แห่งหนึ่งในภาคเหนือของประเทศไทย เจ็ดปีแห่งการบุกเบิกจนเขาประสบความสำเร็จ ‘ม่อนผาหลวง’ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป โดยเฉพาะด้านการศึกษาของมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร ชายหนุ่มรับเป็นวิทยากรและให้ที่พักแก่นักศึกษาเพื่อศึกษาดูงานในม่อนผาหลวงทั้งหมด ซึ่งก็มีในส่วนของสวนส้ม ไร่ชา เรือนเพาะชำ และการปลูกพืชผักสวนครัวตามแนวพระราชดำริของชาวบ้านในม่อนผาหลวง ภายใต้การบริหารงานโดยพ่อเลี้ยงณภูผา หรือนายณผา เขาเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาคมเรียวฉายแววดุ ยิ้มยากมากเป็นที่หน้าเกรงขามแก่คนใน ‘ม่อนผาหลวง’ เขาเป็นคนจริงใจ และจริงจังในการทำงานมาก ภายนอกเขาอาจจะดูดุดันพูดจาตรงไปตรงมา แต่จริงๆแล้วเขามีจิตใจที่ดีงาม คอยช่วยเหลือคนในม่อนผาหลวงให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ทุกคนที่ดีรักและบูชาเขามาก แต่กับบิดามารดา แล้วเขาไม่ค่อยได้กลับไปหาท่านเพราะงานที่นี่รัดตัวเหลือเกิน จนบางครั้งทั้งบิดามารดาต่างก็น้อยออกน้อยใจ แต่พอมาเห็นการทำงานของเขาก็เข้าใจ จึงเป็นฝ่ายมาเยี่ยมเยีบนเขาเสียเองดั่งเช่นวันนี้ เกือบเก้าโมงเช้าทุกคนถึงจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างสดชื่น นานๆ ทีจะได้อยู่ครบพร้อมหน้าพร้อมตา เรือนไทยหลังใหญ่จึงคึกคักเป็นพิเศษ “พี่รองตกลงกับคุณพ่อว่าจะไปรับน้องลานนาแล้วหรือครับ” สามหรืออดิสรถามพี่ชาย “อืม” “แล้วพี่รองรู้ไหมคะว่าจะต้องแต่งงานกับน้องเขาน่ะ” โฟร์หรือผานิดาเอ่ยถามพี่ชายขึ้นอีกคนอย่างสงสัย “พี่แค่ไปรับอย่างเดียว อย่างอื่นพี่ยังไม่ได้รับปากคุณพ่อเลย เรื่องแบบนี้พี่ไม่อยากฝืนใจใคร คนเราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมันต้องมีพื้นฐานของความรักและความเข้าใจ พี่กับเขาไม่เคยรู้จักพบหน้ากันมาก่อน อยู่ๆ จะให้มาแต่งงานกันเห็นทีจะไม่ไหวหรอกนะ คงต้องรอดูกันต่อไป” “ถ้าไม่ได้เป็นพี่สะใภ้เป็นน้องสาวของพวกเราอีกคนก็แล้วกันนะคะ เล็กจะได้มีน้องกับเขาเสียที” ผานิตาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม เธอเป็นน้องเล็กของบ้านมาตลอดยี่สิบกว่าปี หากมีน้องสาวบ้างคงจะดีไม่น้อย “ถ้าได้น้องสาวคนใหม่เมื่อไหร่ล่ะก็ เรานั่นแหละจะเป็นหมาหัวเน่า” อดิสรหันมาเย้าน้องสาวอย่างอารมณ์ดีทำเอาน้องน้อยถึงกับนั่งหน้าเง้างอนพี่ชายคนที่สาม “ไม่จริงหรอก ใครๆ ก็รักน้องเล็กกันทั้งนั้นจริงไหมคะพี่รองพี่โฟร์ หรือว่าพี่สามไม่รักน้องเล็กหรอคะ” เมื่อน้องน้อยทำตาปริบๆ อย่างน่าเอ็นดู เรียกเสียงหัวเราะของพี่ชายพี่สาวออกมาอย่างขำๆ ในความน่ารักช่างออดอ้อนของน้องสาว เสียงหัวเราะหยอกเย้ากันระหว่างพี่น้องดังไปทั่วทั้งม่อนผาหลวง ยิ่งเมื่อพี่ชายคนโตและพี่สะใภ้คนสวยพร้อมกับบิดามารดาเข้ามาร่วมวงด้วยแล้ว ความสนุกสนานเพลิดเพลินยิ่งมีมากขึ้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD