เสียงท่วงทำนองเพลงรักหวานๆเปิดคลอเบาๆดังไปทั่วบริเวณชั้นยี่สิบห้าที่ถูกเหมาสำหรับจัดงานมงคลให้นักธุรกิจชื่อดัง
เมื่อเดินผ่านซุ้มประตูดอกไม้เข้าไปในห้องโถงกว้างสีขาวถูกประดับประดาด้วยเหล่าดอกไม้นานาชนิดส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่ว เหล่าผู้คนมากมายแต่งตัวสวยงามสวมเครื่องประดับราคาแพงไว้บนร่างกายเพื่ออวดศักดาความสูงส่งทางฐานะอันมั่นคั่ง งานฉลองมงคลสมรสครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นงานเดินแฟชั่นโชว์เสื้อผ้าและเครื่องประดับแบรนด์ดังเสียมากกว่าจะมาร่วมแสดงความยินดีอวยพรให้คู่บ่าวสาว
ในห้องโถงกว้างกลับดูคับแคบไปถนัดตาเมื่อมีโต๊ะอาหารนับร้อยวางรายล้อมไปทั่วบริเวณ ตรงกลางห้องมีเค้กขนาดใหญ่หลายชั้นตั้งไว้อวดความสวยงามและหรูหรา ข้างๆโต๊ะเค้กถูกวางซ้อนไว้ด้วยโต๊ะเครื่องดื่มสำหรับแจกจ่ายให้เหล่าแขกคนดังที่มาร่วมงานเพื่อร่วมดื่มฉลองในขั้นตอนสุดท้ายของพิธีอันสำคัญ มีแขกนับร้อยถูกเชิญมาร่วมงาน แขกบางคนนั่งคุยกันออกรส บางคนยืนพูดจาโอ้อวดความร่ำรวยทางสังคม บางคนก็ยืนเฝ้าโต๊ะเครื่องดื่มไม่ห่างไปไหนไกล ถัดขึ้นไปบนเวทีมีชายวัยกลางคนที่ยังคงความหล่อเหลาเอาไว้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักจากวัยหนุ่ม เขาสวมใส่ชุดทักซิโด้สีขาวยืนแจกจ่ายรอยยิ้มให้ผู้คนมากมายยืนรายล้อมรอบเวที ส่วนคนที่ยืนเคียงคู่กันนั้นเป็นผู้หญิงวัยกลางคนเธอยังคงความงามไว้มิแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เธอสวมชุดเจ้าสาวสีขาวราวเจ้าหญิงยืนแจกรอยยิ้มแห่งความสุขและปลื้มปิติ คู่บ่าวสาววัยกลางคนดูมีความสุขเหลือคณานับท่ามกลางเสียงชื่นชมแสดงความยินดีมากมาย
ถัดไปไม่ไกลนักมีหนุ่มหล่อหน้าตาดีสวมสูทสีขาวคอยยืนให้กำลังใจและร่วมแสดงความยินดีอยู่ด้านหลังไม่ห่าง มองไปมองมาไม่ต่างจากครอบครัวสุขสันต์เปี่ยมไปด้วยความสุขสมบูรณ์แบบอย่างที่ใครๆในสังคมชื่นชมอยากจะเป็นและผู้คนเหล่านั้นต่างให้เกียรติยกย่องถือเป็นคู่แต่งงานที่ดูเหมาะสมกันทุกอย่าง
ณ มุมอับมุมหนึ่งไกลสายตาผู้คนมีหนุ่มหล่อเหลาราวเทพเจ้าสรรค์สร้างให้อยู่บนดินแทรกตัวอยู่เงียบๆ ชายหนุ่มผู้นั้นมีรูปร่างสูงโปร่งแต่งชุดสูทสีดำเหมือนมาร่วมไว้อาลัยมากกว่ายินดี เขานั่งอยู่เพียงลำพังไร้เพื่อนข้างกายไม่มีแม้แต่ใครจะสนใจ เขายังนั่งนิ่งราวหุ่นปั้น แววตาของเขานั้นดูเรียบเฉยไร้ความสุขไม่ยินดียินร้ายกับคู่บ่าวสาวป้ายแดงที่ไม่ได้แดงจริงๆในสายตาของเขา หนุ่มหล่อคนนั้นนั่งถือแก้วบรั่นดีกวัดแกว่งไปมาสายตาของเขาจดจ้องเขม็งไปยังคู่บ่าวสาวบนเวทีไม่วางตา แต่เพียงไม่นานเขาก็กระดกดื่มบรั่นดีเป็นขวดๆแถมยังกำคอขวดแน่นในมือเขาเทดื่มบรั่นดีแบบแก้วต่อแก้ว
บรั่นดีแก้วแล้วแก้วเล่าเริ่มทำให้สายตาของเขาพล่าเบลอด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์ความหนักอึ้งสาดซัดเข้าไปในลำคอจนรู้สึกได้ถึงความแสบร้อนจู่โจมเล่นงาน ถึงแม้สายตาจะพล่าเบลอเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่ยังคมชัดประจักสายตาไม่พล่าเบลอไปสักนิดคือภาพความสุขของครอบหนึ่งที่รักกันเหนียวแน่นกลมกลืนจนไม่อาจมีใครเข้าไปแทรกกลางระหว่าง พ่อ แม่ ลูกชายได้
หนุ่มหล่อคนนั้นนั่งแสยะยิ้มเหยียดหยันภาพความสุขของครอบครัวนั้นราวกับว่าภาพครอบครัวคือสิ่งที่แสนจะน่ารังเกียจสำหรับเขาเสียเหลือเกิน
"ขอเชิญคู่บ่าวสาวตัดเค้กมงคลสมรสตรงกลางห้องโถงด้วยครับ" เสียงพิธีกรประกาศก้องให้แขกทุกคนได้หยุดกิจกรรมต่างๆเพื่อหันมาร่วมแสดงความยินดีและตัดเค้กมงคลสมรสร่วมกัน เสียงอึกทึกเมื่อครู่เงียบสงบลง เจ้าบ่าวคนสำคัญของงานเอามือขวายกขึ้นแนบลำตัวเสมออกเพื่อให้เจ้าสาวสอดแขนคล้องประครองกันลงจากเวทีเดินไปยังเค้กก้อนโตสวยงามตรงกลางห้อง พวกเขาทั้งคู่ค่อยๆหยิบมีดขึ้นมาถือด้วยกันเจ้าบ่าวกุมมือเจ้าสาวเอาไว้แล้วยื่นมีดยาวๆออกไปยังเค้กบรรจงตัดเพื่อแจกจ่ายให้แขกที่มาร่วมในงานทุกคน
แปะ แปะ แปะ
เสียงตบมือดังเกรียวกราวทั่วห้อง พร้อมกับเสียงแสดงความยินดีดังระงม
'ยินดีด้วยนะ'
'ขอให้ทั้งคู่มีความสุขกับชีวิตคู่'
'ขอแสดงความยินดีด้วยนะ'
เสียงยังไม่ทันเงียบลงเหล่าเครื่องดื่มก็ถูกบริกรในงานเดินเสิร์ฟให้แขกจนครบทุกคน
"ขอเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านยกแก้วขึ้นมาเพื่อดื่มฉลองให้คู่บ่าวสาวครองคู่กันอย่างมีความสุข" เสียงพิธีกรประกาศก้องอีกครั้ง แขกทุกคนต่างยืนขึ้นพร้อมชูแก้วที่ถือไว้ในมือ
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผู้นั้นเฝ้ามองทุกการกระทำของคู่บ่าวสาว แววตาของเขาสั่นระริกคล้ายเสียใจและเจ็บปวด และเพียงไม่นานก็กลับมาเรียบนิ่งเย็นชาเช่นเดียวกับใบหน้าของเขา ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นไฟและความเกลียดชังฉายชัดขึ้นมาแทนที่ความอ่อนไหว เขาประครองร่างกายอันเต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลเดินโซชัดโซเซไปยังคู่บ่าวสาว
"แกเมามากแล้วควรกลับไปนอนอย่ามาทำเรื่องน่าอับอายขายขี้หน้าต่อแขกให้ฉันต้องเอาหน้าแทรกดินหนีอีก" เจ้าบ่าววัยกลางคนเห็นว่าชายหนุ่มรุ่นลูกมายืนขนาบข้างแววตาดูไม่เป็นมิตรกับใคร เจ้าบ่าวจึงค่อยๆเอียงหน้ามากระชิบบอกชายหนุ่มหล่อรุ่นลูกให้กลับไปเมื่อสภาพของเขาไม่ได้ดูมีทีท่าว่าจะมาร่วมยินดีกับเขาเลยสักนิด
หนุ่มหน้าตาหล่อเหลาไม่มีทีท่าจะขยับตามคำสั่งเสียงเข้มที่กระซิบข้างหู เขายังคงยืนโอนเอียงไปมาตรงที่เดิมก่อนจะพูดประโยคเด็ดออกมาไม่เกรงกลัวใคร
"พ่อจะให้ผมกลับไปทำไมครับ ในเมื่อพ่อผมกำลังจะแต่งงานใหม่มีความสุขกับเมียน้อย ผมก็อยากอยู่ร่วมดื่มแสดงความยินดีให้พ่อกับเมียน้อยแสนสะเออะเสนอหน้าขึ้นมายืนเป็นเมียหลวงแทนที่แม่ของผมสิ" เสียงของเพิร์ธค่อนข้างดังพอสมควร ดังพอจะเรียกความสนใจให้แขกเหรื่อที่ยืนอยู่ใกล้ๆหันมาจับจ้องคนสี่คนยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเค้กก้อนโตและโต๊ะเครื่องดื่มวางเรียงรายอยู่ไม่น้อย
ทุกสายตาต่างจับจ้องมายังเจ้าสาวคนสวยใบหน้าซีดเผือดหดเหลือแค่นิดเดียวด้วยความอาย ชายหนุ่มรุ่นลูกอีกคนหันขวับมาจ้องตาเขียวขุ่นใส่หนุ่มหล่อผู้ยืนโอนเอียงถือแก้วบรั่นดีด้วยความโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างมากกับการหักหน้ามารดาของเขาต่อหน้าแขกมาร่วมงาน
"อ้าวแขกทุกคนชูแก้วมาดื่มฉลองให้เจ้าบ่าวแก่ๆที่ไม่เจียมสังขารริอยากแต่งงานใหม่กับเมียน้อยเอามาเชิดหน้าลอยคอในสังคมอย่างหน้าด้านๆไม่อายกันครับ" เขายกแก้วชูขึ้นเหนือหัวพร้อมพ่นเสียงหัวเราะเหยียดหยามให้เจ้าสาวป้ายแดง เธอยุยงให้พ่อของเขาจัดงานแต่งใหญ่โตเพื่อเชิดหน้าชูตาตัวเองอย่างไม่ละอายและเกรงกลัวต่อบาป ทุกสายตาจดจ้องมาทางเขา เสียงซุบซิบนินทาค่อยๆดังเซ็งแซ่ขึ้น
"ไอ้เพิร์ธแกเมาแล้วก็กลับไปนอน ใครก็ได้ที่อยู่แถวนี้มา
ลากกลับห้องไปเดี๋ยวนี้" เสียงตวาดดังลั่นด้วยความโมโหเดือดดาล แสงแฟรชมากมายรัววิบวิบขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าพรุ่งนี้ข่าวลูกชายคนเล็กพังงานแต่งคงดังไปทั่ว และคงทำให้เขาอับอายมีลูกชายไม่เอาไหนอย่างเพิร์ธเขาไม่มีอะไรดีสู้ลูกชายคนโตที่เป็นความภูมิใจให้แก่เขาและวงตระกูล
"ปล่อยกูพวกมึงไม่มีสิทธิ์มาแตะตัวกู" เสียงโวยวายดังลั่นทั่วห้องเมื่อเหล่าลูกห้องของพ่อกรูเข้ามาเพื่อที่จะจับตัวเขาพาออกไปจากงานเลี้ยง เพิร์ธดิ้นรนหนีการจับกุม จนแก้วเครื่องดื่มหล่นกระจัดกระจายแตกเต็มพื้น ไม่เพียงเท่านั้นเค้กก้อนโตก็พังครืนกองกับพื้น กว่าทุกอย่างจะกลับมาเข้าที่เข้าทางเล่นเอาลูกน้องของอธิวัฒน์เหนื่อยหอบไปตามๆกัน
ไม่ผิดอย่างที่อธิวัฒน์คาดการณ์ไว้เมื่อรุ่งเช้าวันต่อมา ภาพของเขากับเจ้าสาวและลูกชายคนเล็กพังงานแต่งของพ่อปรากฏหน้าชัดเต็มหน้าสื่อทุกช่องทาง เขากับภรรยาคนใหม่ที่ไม่ใช่คนใหม่ หรือเรียกได้ว่าภรรยาคนแรกเสียมากกว่าเพียงแต่ครั้งนั้นเธอต้องอยู่อย่างหลบซ่อนเป็นคนในมุมมืดเพราะเหตุผลบางอย่าง
เพิร์ธเองก็ตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองภาพข่าวงานแต่งเละตุ้มเป๊ะของนักธุรกิจชื่อดังอันดับหนึ่งของประเทศ เพิร์ธแสยะยิ้มร้ายกาจออกมาเมื่อมองภาพนั้นมันทำให้เขาสะใจกับการได้หักหน้าเมียน้อยต่อหน้าคนในสังคมให้ได้พูดถึงเธอและคงไม่กล้าเสนอหน้าออกงานสังคมให้ตัวเองอับอายไปอีกนาน