"ไอ้เพิร์ธตอนเที่ยงมึงหายหัวไปไหนมา" สกายเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผมเอ่ยถามขึ้นตอนผมเดินเข้ามาในห้องเรียน
"เสือก" ผมเหลือบตามองไอ้สกายแวบหนึ่งแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ข้างมันก่อนจะอ้าปากด่า ผมเป็นคนที่พูดน้อยและเก็บทุกอย่างไว้ในใจไม่แสดงออกมาให้ใครได้เห็น ไม่ชอบให้ใครเข้ามาใกล้พื้นที่ส่วนตัว
"อ้าวไอ้นี่กูถามดีๆเสือกด่ากูอีก มึงจะไม่ให้กูอยากรู้เลยว่างั้นร้อยวันพันปีมึงเคยออกจากคณะที่ไหนนอกจากหนีไปนอนห้องเก็บของคณะหรือไม่ก็หลังตึกเรียน" พื้นที่ของผมมีอยู่แค่นี้แล้วผมไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่มย่ามวุ่นวายทำให้ผมรำคาญใจ ผมมักจะซุกตัวอยู่ตรงนี้หลบหลีกความวุ่นวายที่มาก่อกวนใจ คงมีเพียงไอ้สกายคนเดียวที่สามารถเข้าออกพื้นที่ส่วนตัวนี้ได้ และเราสองคนไม่เคยวุ่นวายไม่ถามหรือก้าวก่ายเรื่องของกันและกันถ้าไม่จำเป็นหรือสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นเราสองคนกลับรู้เรื่องราวของกันละกันดีกว่าคนในครอบครัว
"คราวนี้มึงไม่ต้องรู้สักเรื่องแล้วกันกูมีอะไรที่ค้างคาต้องสะสางกับมันเพียงสองคน" ผมมีจุดมุ่งหมายต้องทำให้มันสำเร็จของอะไรที่มันอยากได้ผมจะแย่งมันมาให้หมดไม่ให้มันได้อะไรสักอย่างและเป็นคนถูกทิ้งไว้ข้างคอยรับของเหลือเศษเดนจากผม
"อืมเข้าใจแล้วแต่มึงระวังไว้บ้างทุกวันนี้มึงขวางโลกเขาไปทุกเรื่องมึงก็แทบจะไม่มีที่ยืนกลายเป็นส่วนเกินไร้ตัวตนและถูกเลือกให้เป็นฝ่ายออกไปมากขึ้นทุกวัน มึงไม่ลองทำอย่างนั้นบ้างทุกอย่างมันอาจจะง่ายสำหรับมึงมากขึ้นก็ได้" ไอ้สกายมันยังคงพยายามแนะนำหนทางให้ผมแต่เป็นผมที่ไม่ชอบทำอะไรฝืนความรู้สึกตัวเอง เกลียดก็แสดงออกว่าเกลียด ผมไม่อยากมีส่วนร่วมกับพวกขยะในบ้านหรือปลิงที่มาเกาะดูดเลือดจากบ้านผม ผมแสดงออกว่าขยะแขยงปลิงและเศษขยะพวกนั้นชัดเจนมันผิดตรงไหน และไม่แคร์ด้วยว่าใครจะมองผมด้วยสายตาแบบไหน พวกเขาก็เป็นแค่อากาศเสียที่ผมไม่ใช้หายใจร่วมกันแม้แต่วินาทีเดียว
"มึงก็รู้ว่ากูไม่ใช่พวกแอบแทงใครข้างหลังกูจะสู้ตรงๆด้วยวิธีของกูนี่แหละ" ผมบอกไอ้สกายออกไปตามความรู้สึกจริงไม่ปิดบังหรือเก็บซ่อนไว้เหมือนคนอื่นๆ
"มึงรู้ผลลัพท์ดีวิธีของมึงมันทำให้แตกหักจนไม่เหลือใคร" ผมเข้าใจที่ไอ้สกายมันพูดรู้ดีทุกอย่างและผมก็อยากให้มันเป็นเช่นนั้นความยุ่งเหยิงมันจะได้ปิดฉากลง ผมปล่อยให้มันยืดเยื้อเป็นแผลคอยเกาะกินใจจนมันชินชาไร้ความรู้สึกมานาน เมื่อผมไม่เหลืออะไรพวกนั้นก็ไม่ต้องได้อะไรสักอย่างเจ็บและพังไปพร้อมกันทุกคนมันจะได้จบไม่ต้องหลงเหลือความรู้สึก
"แล้วที่ผ่านมากูเคยมีใครด้วยเหรอไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนนี้มันไม่แตกต่างกันเลย แล้วกูจะต้องแคร์เรื่องนั้นไปทำไม ในเมื่อกูไม่มีความสุขหรือถูกหักหลังมาตั้งแต่ต้นคนพวกนั้นก็ควรจะได้เรียนรู้รสชาติเดียวกันกับกูมันถึงจะถูก" ผมจะไม่ยอมเป็นเหยื่อที่ต้องสูญเสียอยู่ฝ่ายเดียว
"แต่หนึ่งในนั้นคือพ่อมึงญาติคนเดียวของมึงที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้มึงจะไม่แคร์ใครขวางใครยังไงก็ได้ แต่มึงไม่แคร์หรือตัดพ่อตัดลูกกับพ่อมึงไม่ได้นะ" สายตาของมันยังคงฉายแววห่วงใยผมจ้องมองลึกเข้าไปในแววตามันเห็นความเจ็บปวดเช่นเดียวกัน
"แล้วทำไมกูต้องแคร์คนที่ไม่เคยเห็นว่ากูมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ด้วยล่ะ" ผมมองเขาเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ แต่เขาไม่เคยมองว่าผมเป็นลูกที่ควรได้รับความใส่ใจมากกว่าคนพวกนั้นมันเข้ามาแย่งชิงทุกอย่างไปแม้แต่คนที่ผมรักมากที่สุดต้องจากไปเพราะพวกมันอย่างไม่มีทางหวนกลับ พ่อเคยคิดจะปกป้องผมเหมือนปกป้องพวกนั้นไหม
"อืม ในเมื่อมึงตัดสินใจแล้วกูคงขัดมึงไม่ได้แต่มึงทำอะไรก็ควรระวังตัวไว้อย่าใช้แต่อารมณ์ทำอะไรบุ่มบ่ามจนมึงต้องเสียทุกอย่างไปอีก" ไอ้สกายมันเอามือตบลงบนบ่าเป็นอันเข้าใจความรู้สึกของกันดี มันเงียบไปและหันหน้ากลับไปมองหน้าชั้นเรียนอาจารย์เดินเข้ามาสอนเป็นอันสิ้นสุดคำถาม พวกเราจะไม่หวนกลับมาพูดเรื่องนี้กันอีกเดินไปตามหนทางข้างหน้าที่ต่างฝ่ายตัดสินใจ
"อืม" ผมตอบมันกลับไปเพียงสั้นๆเชื่อว่ามันเข้าใจทุกอย่าง
เช้าวันต่อมาผมโผล่มาอยู่หน้าคณะบริหารเหมือนที่เคยพูดไว้กับใครบางคนว่าจะมาเจอกันทุกวัน ลียาเดินมาหน้าตึกเห็นผมยืนสงบนิ่งท่ามกลางสายตาของคนเดินผ่านไปผ่านมาด้วยความสงสัยเธอหยุดชะงักมองมาที่ผม แววตากลมใสซื่อจ้องมองอย่างมีคำถามเราสองคนสบตากันนิ่งงันเป็นจุดสนใจเรียกสายตาให้คนหันมามอง
"มาตามที่สัญญาไว้รีบขึ้นไปเรียนสิใกล้เวลาเรียนแล้วนี่" น้ำเสียงราบเรียบของผมตอบคำถามในแววตาของเธอ ผมยังคงยืนนิ่งราวรูปปั้นไม่ขยับตัวไปไหนมองหน้าเธออยู่อย่างนั้นภายใต้แววตาเรียบเฉยของผมมันซุกซ่อนอะไรหลายอย่างไว้ยากจะคาดเดา
"พี่รู้ได้ยังไงคะว่าลียามีเรียนเวลานี้" ใบหน้าหวานสวยเอ่ยถามออกมาในที่สุด ผมสามารถดึงเธอเข้ามาใกล้โดยที่ผมไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
"มันไม่มีอะไรยากถ้าเราสนใจใครสักคน" ผมกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะตอบคำถามสั้นๆไม่ต้องการอธิบายมากกว่านี้ ผมจะทำให้เธอเป็นฝ่ายอยากค้นหามากขึ้นเรื่อยๆและเป็นฝ่ายเดินเข้ามาเอง เมื่อพูดกับเธอเสร็จผมจึงก้าวขาเดินผ่านลียาเพื่อกลับไปยังตึกวิศวะ
"เดี๋ยวสิคะ" เสียงลียาเรียกผมไว้ ผมจึงหันหลังกลับมามองหน้าเธอที่เต็มไปด้วยคำถาม
"พี่ชื่อเพิร์ธลียายังมีเวลาอีกเยอะที่จะทำความรู้จัก" คำตอบของผมมีเพียงแค่นั้นผมไม่ชอบอธิบายอะไรยาวๆให้เสียเวลาสักวันเธอก็จะได้รับคำตอบที่เธออยากรู้พวกนั้นเอง
ผมหันหลังกลับอย่างไม่ใส่ใจให้เธอถามมากมายจนมันกลายเป็นความอึดอัดน่ารำคาญ สองขายาวๆขยับตามความคิดมุ่งเดินตามเส้นทางลาดยาวไปยังตึกเรียน ตลอดเส้นทางมีสาวๆเข้ามาทักทายทำความรู้จัก แต่ผมไม่ได้สนใจคนเหล่านั้นไม่ใช่เป้าหมายผมจะไม่ให้ความสำคัญกับผู้หญิงพวกนั้น ถึงแม้พวกเธอจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม ผมจะเข้าหาเฉพาะคนที่สนใจและอยากเข้าหาด้วยวิธีของผม
"แกมาทำอะไรคณะฉัน" ผมเดินสวนกันกับผู้ชายคนหนึ่งผมรู้จักมันดียิ่งกว่าใคร พอมันเห็นผมอยู่คณะของมันถึงกับดิ้นพล่านอย่างคนร้อนตัวมันทำให้ผมรู้สึกดีที่เห็นมันอยู่กับความรู้สึกหวาดระแวงตลอดเวลา เมื่อผมยังนิ่งไม่ตอบคำถามมันรีบเดินตามขนาบทันที
"มึงไม่ใช่พ่อกูทำไมกูจะต้องบอกมึงด้วยล่ะ กูจะไปไหนมาไหนมันเรื่องของกูคนอย่างมึงไม่ต้องมาเสือกอยากรู้ทุกเรื่อง" ผมยังคงเดินต่อไปโดยไม่สนใจว่าคนที่เดินตามผมมามันจะรู้สึกหรือทำหน้ายังไงเพราะผมไม่เคยคิดจะพูดดีกับมัน และผมไม่จำเป็นต้องบอกมันด้วยซ้ำกับคนที่ผมไม่อยากอยู่ร่วมหรือให้ความสำคัญ
เป้าหมายของผมคือคนที่สนใจเท่านั้น ผมเดินหน้าและอยู่ในทุกช่วงเวลาที่อยากจะอยู่จนกว่าเธอจะคุ้นชินเดินหน้าจนเธอต้องเป็นฝ่ายเรียกร้องและมองหาอยู่ตลอดเวลา