สัญญาร้อนซ่อนรัก1

1883 Words
“มันเป็นเรื่องบ้าบอที่สุดเลยค่ะพ่อ...พ่อคะ หนูว่า...พ่อ....พ่อ....พ่อต้อง...ต้อง...” หญิงสาวหยุดระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความรู้สึกอัดอั้นในหัวใจ ก่อนเธอจะพูดต่อประโยคที่ค้างเอาไว้ให้จบลงด้วยความรู้สึกพลุ่งพล่านมากมายในอารมณ์ ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยรู้สึกว่าโลกจะถล่มเหมือนเวลานี้เลย ให้ตายสิ.... “ขอโทษเถอะค่ะ...ที่หนูต้อง....ต้องพูดว่าพ่อต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ ถึงได้ยอมรับปากยกหนูให้กับนายภูวรินทร์อะไรนั่น เขาเป็นใครอยู่ที่ไหนอย่าว่าแต่เคยเห็นเลยนะคะพ่อ หนูไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำแม้แต่ชื่อเขา หนูยังไม่เคยได้ยินสักที...พ่อคะ...แล้วไงอยู่ๆ พ่อเล่นมาโยนระเบิดใส่หนูเสียตูมใหญ่แบบนี้...” หญิงสาวทำท่าว่าฮึดฮัดอีกอย่างขัดใจ นี่มันอะไรกันน่ะ.....มันกำลังเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอกันแน่ “หนูต้องแต่งงานกับเขา...มันไม่ตลกเลยสักนิดนะคะ!” หญิงสาวหันมองคนเป็นบิดาแวบหนึ่ง ก่อนเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ใบหน้างามแหงนเงยขึ้นมองฝ้าเพดานลายสวยของบ้านที่เวลานี้เธอมองไม่เห็นความสวยของมันเลยแม้แต่น้อย ขณะริมฝีปากสีสวยอย่างเป็นธรรมชาติของเธอขบเม้มเข้าหากันแน่น ดวงตาเพรียวคมที่ประดับด้วยแพรขนตางอนหนากระพริบถี่ๆ เพื่อขับไล่หยดน้ำตาที่กำลังจะหลั่งริน “พ่อคะ.....”   ณัชชารู้สึกอัดอั้นจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย เธอเคยเป็นลูกสาวที่น่ารักของบิดาเสมอ แม้เธอจะไม่ใช่เด็กสาวสวยหวานแสนเรียบร้อย แต่เธอก็ช่างประจบประแจง ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะพูดจาหรือกระทำการสิ่งใดๆ ให้เป็นการต่อต้านบิดาผู้ให้กำเนิด เพราะณัชชาทราบดีว่าท่านทั้งรัก และห่วงใยในตัวเธอมากมายแค่ไหน พ่อเป็นห่วง และหวงเธอยิ่งกว่างูจงอางที่มันหวงไข่เสียอีก แต่...เฮ้อ...ทำไมกันนะ ทั้งๆ ที่ พ่อรักเธอมากมายถึงอย่างนั้นแล้วเหตุใดเวลานี้...นาทีนี้...คำพูดของพ่อจึงกลับกลายเป็นการทำร้ายเธอ...ณัชชาคิดแล้วให้รู้สึกทั้งโกรธ และน้อยใจพ่อของตัวเองนัก พ่อบอกว่ารักเธอมาก แต่พ่อก็ยอมยกเธอให้คนอื่น มันคืออะไรกันล่ะ... “พ่อคะ.....” ณัชชาเรียกราวต้องการจะย้ำถามถ้อยคำนั้นของบิดาให้ชัดเจนอีกครั้ง ว่ามันคือสิ่งที่เธอได้ยินไปเมื่อครู่นี้จริงๆ หรือ พ่อของเธอพูดอย่างนั้นจริงๆ น่ะเหรอ ‘ยกเธอให้กับผู้ชายคนหนึ่งไปแล้ว โดยที่พ่อไม่ถามความสมัครใจของเธอก่อนบ้างเลย’   เวลานี้นายณัฐพล  ธีรเดชเพียงแต่นั่งนิ่งๆ มองดูท่าทีเกรี้ยวโกรธของบุตรสาวเพียงคนเดียวที่เขาทั้งรัก ทะนุถนอม เฝ้าเลี้ยงดูมาราวกับไข่ในหินด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย  “ยัยหนู” นายณัฐพลพูดไม่ออก ลำคอของเขาคล้าย ว่ามันตีบตันไปหมด ณัชชาเป็นลูกสาวที่รัก และเชื่อฟังเขามาโดยตลอด แต่เวลานี้ลูกสาวที่เคยเชื่อฟังคำสั่งของเขา และทำตามทุกครั้งอย่างไม่เคยเกี่ยงงอน กำลังมีอาการต่อต้านเขาอย่างไม่ปิดบัง ณัชชาขาดแม่มาตั้งแต่เกิด ดังนั้นความรักทั้งหมดของคนเป็นพ่ออย่างเขาจึงถูกทุ่มเทให้กับคนที่เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวเช่นหญิงสาว   “ยัยหนู...เดี๋ยวสิยัยหนู” คนเป็นพ่อร้องเรียก พร้อมๆ กับมองตามร่างโปร่งบางในชุดแต่งกายอยู่กับบ้านสบายๆ ของลูกสาวเพียงคนเดียวที่ปึงปังออกไปอย่างหัวเสีย เมื่อคนเป็นพ่ออย่างเขายังคงนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยอะไรออกมาถึงเรื่องที่ยังคงค้างคาในใจของบุตรสาว เขาอยากตามไปอธิบายแต่... เวลานี้สิ่งที่เขาทำได้และเหมือนจะดูดีที่สุดก็แค่เพียงหลับตาลงแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้นิ่งๆ  รู้สึกหนักอึ้งมากมายในหัวสมอง นั่งอยู่อย่างนั้นนานเป็นครู่ จนในที่สุดเขาต้องทอดถอนเสียงหายใจออกมาดังเฮือกอย่างไม่รู้ว่าควรพูดหรืออธิบายยังไงดี หญิงสาวจึงจะเข้าใจถึงความจำเป็นที่เขาต้องตัดสินใจทำอย่างนี้                                   *****   วันนั้นหลังจากที่หญิงสาวปึงปังออกจากบ้านไปกว่าจะกลับเข้ามาอีกครั้งมันก็ราวสามทุ่มเศษ และยังเห็นว่าบิดายังคงนั่งรอเธออยู่ในห้องนั่งเล่น หญิงสาวหันมองจอทีวีสีที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้นิดหนึ่ง เธอทราบดีว่าคนดูนั้นไม่ได้ใส่ใจดูมันอย่างจริงจังหรอกเพียงเปิดมันทิ้งไว้เป็นเพื่อนค่าเวลา รอให้เธอกลับเข้าบ้านมาเท่านั้น หญิงสาวค่อยๆ หันกลับมายังร่างของบิดาอีกครั้ง ณัชชาส่งรอยยิ้มบางๆ อย่างทราบดีถึงความผิดของตนเอง แม้จะโกรธหรือไม่พอใจมากแค่ไหน เธอก็ไม่ควรแสดงออกว่าฮึดฮัดใส่ผู้ที่ให้กำเนิด แล้วปึงปังออกไปอย่างนั้น   “พ่อคะ...หนูขอโทษ...ทราบค่ะว่าไม่ควรเลย...”   ร่างแบบบางของหญิงสาวถลาเข้ามาทรุดลงกับพื้นตรงหน้าชายผู้สูงวัย เธอพนมมือเรียวสวยราวลำเทียนของตัวเองก้มกราบลงตรงแผ่นอกแสนอบอุ่นนั้นอย่างรู้สำนึก ก่อนเปลี่ยนเป็นสวมกอดไปรอบเอวหนาด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง นายณัฐพลโอบกอดไหล่มนของลูกสาวเพียงคนเดียวเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว อีกมือที่เหลือเขาใช้มันลูบไล้ไปบนเส้นผมยาวสลวยที่ทิ้งตัวลงเคลียร์แผ่นหลังของบุตรสาวด้วยอาการที่บ่งบอกถึงความรักใคร่สุดหัวใจ และการกระทำนั้นของคนเป็นพ่อยิ่งทำให้หญิงสาวร่างบางรู้สึกตัวเองทำผิดเพิ่มมากขึ้นไปอีก   “หายไปไหนมาทั้งวันนะยัยหนู กลับมาเอาป่านนี้รู้ไหมว่าพ่อเป็นห่วงมากนะ” เสียงห้าวทุ้มนุ่มหูที่เอ่ยเอื้อนออกมานั้นบอกถึงความอาทรห่วงใยแท้จริง และคราวนี้มันทำให้หญิงสาวถึงกับน้ำตาคลอทีเดียว เธอนึกถึงเรื่องราวในตอนกลางวันที่ผ่านมา เสียใจไม่น่าพูดจาด้วยถ้อยคำรุนแรงเช่นนั้นกับคนที่มีหัวใจรักมอบให้เธอไม่เคยเสื่อมคลายเช่นนี้เลย “พ่อขาหนูขอโทษ” หญิงสาวพูดประโยคนั้นพลางสะอื้นไห้เบาๆ อยู่กับอกของบิดามันสร้างความรู้สึกสะเทือนใจให้กับคนเป็นพ่ออย่างนายณัฐพลไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความเสียใจของหญิงสาวสักนิด “ร้องไห้ทำไมนะ...” คนเป็นพ่อพูดมาอีกด้วยน้ำเสียงที่บอกไม่ถือโทษโกรธเธอเลยนั่นมันคือสิ่งที่ทำให้เธอยิ่งรู้สึกเสียใจ “ยัยหนูยังไม่ตอบพ่อเลยนะหือม์...ว่าหายไปไหนมาทั้งวัน” “หนูไม่ได้ไปไหนไกลหรอกค่ะ อยู่ในเขตไร่ของเรานี่เอง พ่อละคะพ่อนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่หนูออกไปเลยหรือ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองบิดา ดวงตาฉายแววขอโทษของเธอทำให้คนเป็นพ่ออึ้งไป...มันไม่ใช่ความผิดของณัชชาสักนิด หากไม่เพราะเขาเป็นต้นเหตุ เหตุการณ์ความก้าวร้าวของเด็กน่ารักอย่างณัชชาจะไม่เกิดขึ้นเลย นายณัฐพลยิ้มเนือยๆ ขณะพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับคำพูดประโยคนั้นของบุตรสาว เขานั่งอยู่ตรงนี้จริงๆ นั่งคิดอะไรมากมาย เขาทำถูกต้องหรือไม่ที่ปล่อยให้บุตรสาวเป็นผู้รับเคราะห์กรรมที่เขาเองเป็นคนก่อมันขึ้นมา “พ่อคะหนูอยากขอโทษอีกครั้งค่ะ...หนู...หนูเสียใจค่ะที่แสดงกิริยาอย่างนั้น หนูทราบว่าพ่อรักหนูที่สุด และพ่อจะไม่มีวันเสือกใสให้หนูไปอยู่กับใครมั่วๆ หากพ่อต้องมั่นใจแล้วต่างหากจริงไหมคะว่าเขาเป็นคนดี คนดีที่ พอจะดูแลลูกสาวคนนี้ของพ่อได้” “ยัยหนู...” “หนูนี่มันโง่จริงๆ เลย เอาเถอะค่ะหนูจะไม่ถามถึงเหตุผล ว่าทำไมพ่อถึงตัดสินใจทำอย่างนั้น เพราะหนูเชื่อว่าพ่อต้องทำดีที่สุดแล้ว” หญิงสาวแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อนความร้าวรานใจของตัวเองเอาไว้ ทว่าคำพูดเสมือนยอมจำนนแล้วต่อโชคชะตาของบุตรสาวกลับทำให้หัวใจของคนเป็นพ่ออย่างนายณัฐพลยิ่งรู้สึกเจ็บปวด และรู้สึกผิดมากขึ้นอีกเป็นร้อยเท่าพันทวี...มันช่างไม่ยุติธรรมเลยสำหรับบุตรสาวที่แสนน่ารักของเขา ‘แต่มีทางเลือกอื่นใดให้เขาได้เลือกมากไปกว่านี้อีกงั้นหรือ...ไม่เลย...ไม่มีทางเลือกอื่นใดให้เขาเลือกได้อีกแล้ว’   “แน่นอน...พ่อต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกสาวของพ่อเสมอ” นายณัฐพลฝืนยิ้มออกมาเพื่อปลอบโยนบุตรตรี ในขณะที่ตัวเขาเองกลับรู้สึกหวาดหวั่น ด้วยว่าเขาเองนั้นไม่ได้รู้จักตัวตนของภูวรินทร์จริงๆ เลย เขาไม่เคยรู้จักอุปนิสัยใจคอของชายหนุ่มผู้นั้นสักนิดว่าดีหรือร้ายอย่างไร สิ่งที่เขารู้คือชายหนุ่มเป็นนักธุรกิจคนดังที่เข้ามาบริหารงานแทนบิดา มารดาที่เสียชีวิตจากอุบัตเหตุ และชายหนุ่มผู้นี้ก็มีความสามารถมากพอที่จะนำพาธุรกิจเหล่านั้นให้ก้าวผ่านวิกฤติมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า   แถมชายหนุ่มผู้นั้นร่ำรวยและเป็นที่หมายปองของบรรดาสาวๆ มากมาย นายณัฐพลคิด เขารู้แค่นี้จริงๆ ซึ่งไม่มีอะไรเป็นหลักประกันให้กับเขาเลยว่าผู้ต่อไปในวันข้างหน้าชายที่มีเพียบพร้อมอย่างภูวรินทร์จะไม่ทอดทิ้งบุตรสาวของเขา แม้ภูวรินทร์จะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายระหว่างการเล่าเรียนของณัชชามาตลอดนับจากที่เกิดเรื่องในวันนั้นจนมาวันนี้ วันที่ณัชชาเรียนจบจนมีปริญญาบัตรติดตัวแล้วก็ตามแต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งยืนยันว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นคนดี และ หรือจะเลี้ยงดูบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขาไปจนตลอดชั่วชีวิต หากจะให้เขาคิดรวมเวลาทั้งหมดจนวันนี้มันก็ย่างเข้าปีที่หกเข้าไปแล้ว โดยหญิงสาวไม่มีโอกาสได้ทราบเลยว่าเงินทั้งหมดที่เจ้าหล่อนใช้รวมไปถึงค่าเช่าคอนโดฯ หรูในย่านใจกลางเมืองตลอดระยะเวลาที่กำลังศึกษาอยู่นั้นล้วนแต่เป็นเงินที่ภูวรินทร์โอนผ่านบัญชีธนาคารมาให้ทั้งสิ้น โดยที่ตัวเขาเองก็มีโอกาสได้พบภูวรินทร์ตัวเป็นๆ เพียงแค่ครั้งเดียวคือหลังอุบัติเหตุครั้งนั้นเกิดขึ้น ภูวรินทร์ไม่ติดต่อมาอีกเลยกระทั้งเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมามีจดหมายมาถึงเขาฉบับหนึ่ง มีใจความสั้นๆ ที่คงไม่มีใครหรอกที่ อ่านแล้วจะบอกว่าไม่เข้าใจ   ‘ผมจะให้คนของผมไปรับตัวลูกสาวของคุณภายในสิ้นเดือนนี้นะครับคุณณัฐพล’                                                                 ภูวรินทร์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD