เช้าวันต่อมา
เขมิกาตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ตามความเคยชินแม้จะเป็นในวันหยุด เช้าวันนี้เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดใส ลืมเรื่องหงุดหงิดใจของเมื่อคืนไปหมดแล้ว
วันหวยออกจิตใจต้องผ่องใสเท่านั้น หญิงสาวคลี่ยิ้มให้ตัวเองในกระจก เปิดประตูห้องเดินออกมาดันได้เจอน้องสาวเป็นคนแรก
“พี่พะแนงวันนี้ไปตลาดไหม แก้วขอไปด้วยซิ” แก้วเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสดใสราวกับว่าเมื่อคืนไม่ได้มีเรื่องทะเลาะกันจนต้องร้องไห้ไปฟ้องแม่
แต่เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่เหมือนกัน ไม่ต้องทะเลาะกันให้ต้องอารมณ์เสียแต่เช้า เขมิกายิ้มให้แล้วพยักหน้า
“ไปเลยไหมหรือว่าจะกินข้าวก่อน”
“ไปเลย”
“โอเค งั้นแก้วไปเอากระเป๋าแป๊บนึง”
เขมิกามองออกไปที่ลานบ้านเพราะได้ยินเสียงคนคุยกัน หญิงสาวเห็นว่าเป็นแก๊งคอหวยก็รีบเดินออกไปหา แก้วเดินออกมาจากห้องก็เห็นว่าพี่สาวตัวเองกำลังเดินออกไปหาแก๊งป้า ๆ ลุง ๆ เธอก็เดินตามออกไปด้วย
“พะแนงเมื่อคืนนี้ป้าฝันด้วยแหละ”
“ฝันว่าไงบ้างอะป้า” พะแนงเอ่ยถามด้วยความสนใจ จะได้เอาความฝันของป้ามาตีเลขเด็ด
“ป้าฝันว่าป้าท้อง”
“ท้อง!!!” แก๊งหวยเอ่ยออกมาพร้อมกัน
“ปูนนี้แล้วยังท้องได้อีกเหรอ” น้าหน่อยบ้านตรงข้ามเอ่ยออกมา สีหน้าของเธอสิ้นหวังลงเพราะคิดว่าน่าจะอาศัยเลขเด็ดจากความฝันนี้ไม่ได้แล้ว
“ก็แค่ความฝัน” ป้าศรีค้อนขวับใส่น้าหน่อย แล้วหันมามองหน้าเขมิกาแล้วยิ้มให้
“เอ็งว่าป้าจะตีเป็นเลขอะไรดี” ป้าศรีถามเสียงหวานอย่างมีหวัง
“01 ไหมป้า ท้องก็จะโต ๆ เหมือน 0 มีเด็กอยู่ 1 คน”
“เออ ป้าว่าเลขนี้แหละ” ป้าศรีเห็นด้วยกับการตีเลขของเขมิกา
พวกคอหวยรีบจดลงในโพยของตนเอง ทั้งบนทั้งล่างใส่เข้าไป คนที่ไม่ค่อยอยากเชื่อในความฝันของป้าศรีก็ยังจดใส่โพยไปด้วย กันเอาไว้เผื่อออกก็จะได้ไม่ต้องเสียดาย
“ข้านึกออกแล้ว คิดอยู่ตั้งนานว่าเลข 01 มันคุ้น ๆ”
“คุ้นยังไงเหรอลุง” เขมิกาเอ่ยถาม
“ก็เมื่อวันก่อนน่ะงูมันเลื้อยผ่านรถลุง ทะเบียนรถลุงก็ 001”
“โห พะแนงว่ามันต้องออกแน่ ๆ” น้ำเสียงของเขมิกาเต็มไปด้วยความมั่นใจ บิดาของเธอที่เพิ่งเดินเข้ามาฟังด้วยเกาหัวแกรก ๆ
เลขอะไรมากมายเอามารวมกันไว้เสียหมด ไหนจะเลขจากต้นมะขามอีก ไม่รู้ว่าเขมิกาจะต้องซื้อทั้งหมดกี่ตัว
“เออนี่เคยเจอหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวบ้างไหม เขามาอยู่ที่รีสอร์ตของตาเกื้อเป็นเดือน ๆ แล้วนะ” ป้าศรีเอ่ยถามกลับเขมิกา คนถูกถามส่ายหน้าเป็นคำตอบ
รีสอร์ตที่ป้าศรีบอกคือของกานดา เพื่อนของเธอเอง ส่วนเกื้อของบิดาของกานดา
“อะไรกัน ไม่เคยเจอเลยเหรอ” ป้าศรีถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ เมื่อเห็นเขมิกาส่ายหน้าไปมา
“แถวนี้ก็มีฝรั่งมาให้เจอเยอะแยะ พะแนงก็ไม่รู้หรอกจ้ะว่าใครเป็นใคร” เขมิกายิ้มแห้ง แถวนี้อยู่ใกล้ที่ท่องเที่ยว ชาวบ้านบางคนก็ทำเป็นรีสอร์ต ทำเป็นโฮมสเตย์ ก็มีลูกค้าต่างชาติผ่านไปผ่านมาบ้าง
“ก็จริงของเอ็ง แต่ฝรั่งคนนี้หล่อมากเลยนะ ใคร ๆ ก็เรียกเขาว่าฝรั่งขี้นก”
“อ้าว เขาหล่อมากแล้วทำไมเรียกเขาอย่างนั้นล่ะ”
“เขาเหมือนคนไม่มีงานมีการทำ ใช้ชีวิตแบบไม่มีเป้าหมาย ก็คงเหมือนเอ็งแหละพะแนง วัน ๆ ไม่รู้จักทำงานบ้าง” ป้าศรีเอ่ยเหน็บ ถึงอย่างนั้นก็อยากได้พะแนงมาเป็นลูกสะใภ้อยู่ดี
แก้วหัวเราะชอบใจเพราะป้าศรีพูดดึงเอาพี่สาวเธอเข้าไปอยู่ในจำพวกคนไม่ทำงานทำการ
“เขาอาจจะมีงานทำก็ได้นะป้าแค่ไม่ได้ป่าวประกาศบอกใครไง” เขมิกากำลังพูดถึงตนเองต่างหาก เห็นว่าไม่ได้ไปทำงานที่บริษัทก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีงานทำสักหน่อย
“ป้าก็ไม่รู้แฮะ แต่ที่แน่ ๆ เขาดูรวยมาก”
“จริงจ๊ะ ฉันเคยเจอบักฝรั่งขี้นกสองสามครั้ง เขาดูรวยมากเสื้อผ้านาฬิกา รองเท้าก็ดูแพงแต่น้าดูไม่เป็นหรอกนะว่ามันยี่ห้ออะไร น้าอ่านภาษาปะกิดไม่ออก” น้าหน่อยที่เคยได้เจอกับฝรั่งขี้นกก็เอ่ยขึ้นมา
“ป้าศรี กับน้าหน่อยพูดกันจนฉันอยากเห็นหน้าไปด้วยเลย” แก้วเอ่ยออกมาด้วยความสนใจ และอยากได้เจอกับฝรั่งขี้นกคนนี้บ้าง
“เขาอยู่แถวนี้แหล่ะนังแก้ว เดี๋ยวก็คงได้เจอกันบ้างแหละ” ลุงยอดตอบกลับมา
แก๊งหวยแยกย้ายกันหลังจากที่ได้จดโพยกันเรียบร้อยแล้ว เขมิกาก็ออกไปตลาดกับแก้วเพื่อหาอะไรกิน
แล้วตอนบ่ายก็ไปรวมตัวกันกับแก๊งบ้าหวยเพื่อลุ้นหวยกัน
“เลขที่ออก 66”
“ฮะ!!!”
เขมิกาลูบหน้าตัวเองด้วยความเสียดาย ที่ซื้อไปนั้นไม่มีเลขนี้เลย อุตส่าห์ฟังต่อถึงรางวัลที่ 1 เผื่อจะไปถูกข้างบนแทน
เดชาและนพนภามองแก๊งบ้าหวยที่ร้องโห่กันทุกคน มองไปที่ลูกสาวที่ใบหน้าสวยเศร้าลง แบบนี้คงโดนหวยกินกันแน่นอน!
2 วันต่อมา
เขมิกาขี่มอเตอร์ไซค์ไปตลาด ระหว่างทางเจอกับฝรั่งคนหนึ่งที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่กับรถมอเตอร์ไซค์ หญิงสาวจอดรถของตนเองแล้วเดินเข้าไปหา เธอพอที่จะซ่อมมอเตอร์ไซค์ได้บ้างเพราะเคยเรียนรู้มาจากพ่อ
“รถเป็นอะไรเหรอ” เธอเอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษ แม้จะเป็นประโยคสั้นแต่สำเนียงของเธอก็ดีจนเขาอึ้ง
ฝรั่งตาน้ำข้าวหันมามองคนถาม เขาอึ้งไปอีกครั้ง เพราะคนตรงหน้าสวยมาก สวยจนแทบไม่อยากจะละสายตาไป
“มันดังมาก ดังจนตกใจไม่รู้เป็นอะไร” เขาตอบกลับมาพร้อมกับชี้ไปที่ท่อไอเสีย
เขมิกามองตามก็เห็นว่านอตยึดท่อนั้นหลุดหายไป เธอเปิดเบาะมอเตอร์ไซค์ของตนเองแล้วเอากล่องเครื่องมือช่างที่มีติดรถไว้ออกมา
หญิงสาวถอดเสื้อแขนยาวออกเพื่อเอาไปจับตรงท่อ ขี่ออกมาแล้วแบบนี้มันร้อนถ้าไม่มีผ้าก็คงจะจับไม่ได้แน่นอน
ท่วงท่าซ่อมรถอย่างทะมัดทะแมงของเธอดึงสายตาของฝรั่งหนุ่มไว้ เขาคิดในใจว่าผู้คนนี้มีเสน่ห์มาก การกระทำของเธอเหมือนกำลังบอกทุกคนที่มองว่า ‘ฉันเป็นผู้หญิงพึ่งพาตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งแต่ผู้ชาย’ ซึ่งหาได้ยากมาก
“เสร็จแล้วค่ะ ไม่ดังแล้ว” เขมิกาปัดมือของตัวเองแล้วพับเสื้อแขนยาวใส่ไว้ที่ตะกร้าหน้ารถ
ฝรั่งหนุ่มมองสาวไทยขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปด้วยความสงสัย ไปง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ เขายังไม่ได้จ่ายค่าซ่อมให้เลย และยังไม่ทันได้ขอบคุณเลยด้วยซ้ำ เขาเลยขี่มอเตอร์ไซค์ตามเธอไป
เขมิกามองกระจกหลังเห็นว่าเขาขี่ตามมาก็แปลกใจ อีกทั้งยังรู้สึกกลัวขึ้นมาเพราะเส้นนี้ก็ค่อนข้างเปลี่ยว คิดกลัวไปถึงว่าเขาจะฉุดหรือจะทำร้ายอะไรหรือเปล่า
หญิงสาวขี่ไปจนถึงตลาดแล้วหันไปหาคนที่มาจอดข้าง ๆ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ รถยังดังอยู่เหรอ” เธอลองถามในแง่ดีทั้งที่ตลอดทางที่มาเธอก็ไม่ได้ยินเสียงท่อ
“เปล่า แต่ผมยังไม่ได้ให้ค่าซ่อมเลย” เขาหยิบเงินมายื่นให้เธอโดยที่ไม่รู้ว่าค่าซ่อมที่จริงแล้วเท่าไหร่
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันซ่อมให้ฟรีไม่คิดเงินค่ะ” เห็นว่าเขาแค่ต้องการจะจ่ายเงินให้ เธอก็ไม่กลัวเขาแล้ว
“รับไว้เถอะครับ ถือว่าเป็นค่าซักเสื้อที่คุณถอดมันมาจับท่อร้อน ๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ค่าครองชีพมันสูง ข้าวของแพงขึ้นเรื่อย ๆ คุณเก็บเงินไว้ใช้เถอะค่ะ”
สีหน้าของฝรั่งหนุ่มยังไม่ค่อยสบายใจ เพราะเขาอยากตอบแทนเธอบ้าง
“อีกอย่างรถคันนี้ก็มาจากร้านเช่าของป้าฉันเอง ก็เท่ากับว่าฉันช่วยป้าฉันซ่อมรถ ช่วยคนในครอบครัวใครเขาจะคิดเงินกันละคะ” เขมิกาเอ่ยออกมาเพื่อให้เขาสบายใจ เธอไม่อยากรับเงินจากเขามาเพราะไม่ได้ทำอะไรมากสักหน่อย แค่เอานอตใหม่ไปใส่ก็ใช้งานได้แล้ว
“ขอบคุณมากนะครับ” เขาเอ่ยออกมาและคลี่ยิ้มให้ นึกชื่นชมในความมีน้ำใจของเธอ แม้จะบอกว่ารถคันนี้เป็นรถของคนในครอบครัว แต่เขาก็มองเธอออกว่าเธอเป็นคนมีน้ำใจอยู่แล้ว
“ยินดีค่ะ” เขมิกาก้มศีรษะแล้วเดินไปที่ร้านน้ำเต้าหู้เจ้าประจำของตนเอง…