“กรี๊ดดดดดด”
เดชาและนพนภาสะดุ้งโหยง ลูกสาวคนโตกรี๊ดเสียงดังลั่น บ้านข้าง ๆ ก็ชะโงกหน้ามาดูด้วยความเป็นห่วง เขมิกากรี๊ดดังขนาดนี้เป็นอะไรหรือเปล่า
เสียงกรีดร้องเงียบลง หญิงชายวัยกลางคนคิดว่าคงไม่มีอะไร นอกจากเสียงกรี๊ดก็ไม่ได้มีเสียงโวยวายอะไรด้วย เดชาจึงถางหญ้าข้างบ้านต่อ ส่วนนพนภาก็หั่นผักเตรียมไว้สำหรับกับข้าวมื้อเย็น
“กรี๊ดดดดดด” ผ่านไปอีกสักพักเสียงกรี๊ดของเขมิกาก็ดังขึ้นมาอีก นพนภาสะดุ้งจนมีดเกือบบาดมือ
“อะไรวะนังพะแนง เอ็งจะร้องอะไรนักหนา” นพนภาใจหายใจคว่ำ ตะโกนเข้าไปในบ้านแต่คนข้างในไม่ได้ยิน
“นังพะแนงมันเป็นอะไร” ป้าข้างบ้านชะเง้อมองมาอีกครั้ง เสียงร้องของเธอโหยหวนจนไม่แน่ใจว่าเจ็บปวดหรือยังไงกันแน่
เดชาและนพนภาหันมองหน้ากัน กรีดร้องเสียงดังถึงสองครั้งคงต้องมีอะไร จึงเดินไปที่ห้องของลูกสาว เคาะประตูเรียกก่อนแล้วหมุนลูกบิดเปิดเข้าไป
“เป็นอะไรของเอ็ง ร้องอะไรเสียงดังจนชาวบ้านชาวช่องแตกตื่นไปหมด” เดชาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ทว่าคนที่กรีดร้องเสียงแหลมกับยิ้มแย้มชื่นมื่น
“ไม่ได้เป็นอะไรจ้ะพ่อ”
“แล้วเอ็งกรี๊ดทำไม ตกอกตกใจกันหมด” นพนภาขมวดคิ้ว เธอสะดุ้งจนมีดเกือบบาดมือ คนข้างบ้านก็พานจะเป็นห่วง
“พะแนงถูกหวยจ้ะแม่ ถูกทั้งสองตัวล่างและสามตัวตรง ๆ เลยแม่” เขมิกาเอาโพยหวยที่ซื้อมาให้แม่ดูด้วยความดีใจ สีหน้าของเธอปลื้มปริ่มที่ถูกหวยเต็ม ๆ แบบนี้
“แม่ก็นึกว่าเรื่องอะไร เสียงกรี๊ดแกดังจนป้าบ้านข้าง ๆ ชะเง้อมอง” นพนภาดูโพยแล้วส่งคืนไม่ได้ยินดีกับลูกสาว เพราะยังขุ่นเคืองที่กรีดร้องเสียงดังแบบนั้น
“แหะ ๆ ขอโทษจ้ะ” เขมิกายิ้มแห้งเธอยกมือไหว้พ่อแม่ที่ทำให้ต้องเป็นห่วง
เดชาและนพนภาคล้อยหลังไปออกจากห้องไป เขมิกากระโดดขึ้นบนเตียงไปนอนดีดดิ้นเธอเอาโพยหวยมากอดไว้ และนึกถึงเจ้าของเลขเด็ด
“พ่อฝรั่งขี้นกเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภฉันจริง ๆ”
งวดก่อนก็ถูกสามตัวตรง งวดนี้ก็ถูกอีกแล้ว งวดหน้าจะต้องหาทางเข้าใกล้อีกเธอจะได้เลขเด็ดมาอีก!
แววตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เรื่องหวยเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องตามล่าหาเลขเด็ดมาจนได้ มือเรียววางโพยลงแล้วเอาโทรศัพท์มาโทรหาเพื่อนรักที่เป็นเจ้าของรีสอร์ต
(ฮัลโหล) ปลายสายเอ่ยเสียงหวาน
“ฮัลโหลกานดา ฉันถูกหวยด้วยแก ถูกทั้งสองตัวล่างและสามตัวบนแบบตรง ๆ เลย” ความดีใจมันเต็มอกจนต้องเล่าให้เพื่อนฟัง
(ดีใจด้วยแก แบบนี้จะเลี้ยงอะไรฉันดี) กานดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่ แต่ปกติถ้าเขมิกาถูกหวยก็จะเลี้ยงข้าวสักมื้อ อาหารตามสั่งหรือส้มตำรสเด็ด
“แกเลือกเลย”
(ส้มตำแซ่บ ๆแล้วกัน เย็นนี้เลยไหม)
“ได้เลย ที่ร้านเดิมนะ”
(โอเค)
“ฉันมีอีกเรื่องที่จะบอกแก ฝรั่งที่พักในรีสอร์ตของแก เขาคือเทพเจ้าแห่งโชคลาภของฉันเลยล่ะ”
(ยังไงเหรอ) น้ำเสียงของกานดาเจือความแปลกใจ ทำไมถึงเรียกลูกค้าของเธอว่าเทพเจ้าโชคลาภ
“ฉันเคยช่วยซ่อมมอเตอร์ไซค์ให้เขา เลยซื้อเลขทะเบียนรถเขาก็ถูกสามตัวเลย แล้วเมื่อวันก่อนฉันไปซ่อมเครื่องทำน้ำอุ่นให้ ฉันก็ซื้อเลขห้องและเลขทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หน้าห้องเขา ฉันก็ถูกอีก ขนลุกเลยเนี่ย” ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหนุ่มฝรั่งคนนี้จะให้โชค
(งวดต่อไปแกบอกเลขฉันบ้างสิ) กานดาอยากซื้อตามบ้าง เผื่อว่าเธอจะถูกเหมือนกับเพื่อน
“ได้เลย แต่ถ้าห้องของฝรั่งคนนั้นมีอะไรที่ต้องซ่อม แกต้องเรียกฉันนะ หรือว่าจะให้พาไปไหนมาไหนก็บอกฉันนะ ฉันจะไปเอาเลขจากเขา”
(โอเค ไม่มีปัญหา)
“ขอบคุณจ้ะเพื่อนรัก”
เขมิกาเอาโพยมาดูอีกครั้ง เธอถูกแค่ไม่กี่บาทเพราะซื้อน้อย เธอตามซื้อหลายเลขรวมแล้วก็ใช้ทุนไม่น้อยเลย แต่แค่นี้ก็ทำให้เธอได้รู้แล้วว่าเขามาให้โชค งวดหน้าเธอจะทุ่มกับเลขของฝรั่งขี้นกมากกว่านี้!
หญิงสาวนึกขึ้นได้ว่ามีงานที่ต้องเคลียร์อยู่ เธอมัวแต่ดีใจจนลืมงานของตนเอง รีบลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วมานั่งที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำงานจนเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินลงไปข้างล่าง
“พะแนงมาหาพ่อหน่อยสิ”
เขมิกากำลังจะออกไปหากานดา เธอได้ยินเสียงบิดาเรียกจึงเดินเข้าไปหา
“เกื้อเขาโทรมาบอกพ่อว่าเมื่อวันก่อนพะแนงไปซ่อมเครื่องทำน้ำอุ่นให้ที่รีสอร์ตเหรอ”
“ใช่จ้ะ” เขมิกาคลี่ยิ้มด้วยความภูมิใจ ทว่าสีหน้าของเดชากลับมีความกังวลใจอยู่
“ทำไมถึงต้องไปทำงานแบบนี้ล่ะ นั่นมันเป็นงานของผู้ชายนะ”
“ผู้หญิงก็ทำได้จ้ะพ่อ เพราะพะแนงมีพ่อเป็นไอดอล พ่อสอนอะไรมาพะแนงจำได้หมดเลย พะแนงถึงได้ทำได้ไงจ๊ะ” เขมิกาเอ่ยออกมา ไม่ว่าจะซ่อมอะไรเธอก็ทำได้ทั้งนั้น แอร์เสีย พัดลมเสีย ไปจนถึงรถยนต์ เธอก็ซ่อมได้หมด
เดชาภูมิใจในตัวลูกสาวที่จำคำสอนของเขาจนสามารถทำออกมาได้ดี ทว่าพอคิดว่าลูกต้องไปทำงานหนักเพื่อแลกกับเงิน รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็จางหายลง
“บ้านเรามีกินมีใช้อยู่แล้ว พะแนงไม่ต้องไปทำอะไรแบบนี้หรอก” เดชาเป็นห่วง เพราะเห็นว่าตากฝนไปซ่อมเครื่องทำน้ำร้อนอีกก็กลัวลูกสาวจะไม่สบาย
เขมิกาคลี่ยิ้มแต่ไม่ได้รับปากว่าจะเลิกทำอีก เพราะที่เธอทำนั้นไม่เคยรับเงินสักครั้งเลย เวลาที่รีสอร์ตมีอะไรชำรุด เธอไปซ่อมให้ฟรี ๆ อาจจะมีบางทีที่กานดาเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำบ้าง
หลายวันต่อมา
เสียงพัดลมดังแปลก ๆ คาร์เตอร์มองพัดลมตั้งโต๊ะที่พอกดเปิดแล้วตะแกรงสั่นแปลก ๆ อีกทั้งยังเสียงดังจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมา เขากดปิดพัดลมแล้วกดโทรไปแจ้งกับเจ้าของรีสอร์ต
กานดาจะเอาพัดลมเครื่องใหม่ไปให้ แต่นึกถึงคำพูดของเพื่อนสนิทขึ้นมาได้เสียก่อน หญิงสาวเอาโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาทันที
(ฮัลโหล)
“พะแนงแกว่างไหม”
(ว่าง มีอะไรเหรอ) เขมิกาเพิ่งเสร็จจากงานพอดี ตอนนี้เธอเลยว่างไม่ต้องทำอะไร
“แกช่วยมาซ่อมพัดลมให้แขกที่รีสอร์ตหน่อยสิ”
(แขก ฝรั่งใช่ไหม)
“ใช่ แกมาซ่อมให้หน่อย”
(โอเค แกรอแป๊บนึง)
เขมิกาวางสายจากเพื่อนสนิท เธอรีบเอากระเป๋ามาสะพายและหยิบกุญแจรถวิ่งลงไปจากชั้นสอง พ่อแม่จะเรียกไว้ยังไม่ทัน เรื่องโชคลาภเธอจะไม่รีรออะไรทั้งนั้น
หญิงสาวบิดรถพุ่งออกจากบ้าน ไม่กี่นาทีก็มาจอดที่รีสอร์ตของกานดา เธอและเพื่อนสนิทยิ้มให้กันอย่างมีความหวัง มาซ่อมครั้งนี้จะต้องได้เลขเด็ดติดไม้ติดมือกลับไป!
กานดาตามเขมิกาไปที่ห้องของคาร์เตอร์ เธอกดกริ่งเรียกสักครู่หนุ่มฝรั่งก็เปิดประตูให้
คาร์เตอร์มองเขมิกาด้วยความแปลกใจ ผู้หญิงคนนี้อีกแล้วเหรอ ปกติจะเป็นบิดาของกานดาที่เข้ามาซ่อมเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้
“พัดลมพังเหรอคะ” เขมิกาเอ่ยถาม คาร์เตอร์พยักหน้าแล้วยกพัดลมมาวางที่หน้าห้อง
“มันเสียงดังมาก” คาร์เตอร์เอ่ยออกมาแล้วกดเปิดให้เธอดูอาการ
“แป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวฉันซ่อมให้”
เขมิกานั่งขัดสมาธิลง เธอรื้อชิ้นส่วนของพัดลมออกแล้วซ่อมให้ด้วยท่าทางทะมัดทะแมงราวกับชำนาญในด้านนี้
“เธอเก่งมากเลยนะครับ ซ่อมได้ทุกอย่างเลย” คาร์เตอร์พูดกับกานดา เขาชื่นชมเขมิกาที่สามารถซ่อมได้ทุกอย่างไม่ว่าจะชิ้นเล็กหรือใหญ่
“ค่ะ เธอเก่ง ให้ทำอะไรก็ทำได้หมดเลย”
“เธอเรียนจบด้านไหนมาเหรอครับ”
กานดายิ้มอ่อนให้กับคำถามของหนุ่มฝรั่ง
“เรื่องนี้ทุกคนก็สงสัยเหมือนกันหมดค่ะ แต่อย่าไปถามเธอเชียวนะคะ เพราะเธอมีคำตอบเดียวคือเลขศาสตร์ค่ะ”
“เลขศาสตร์?” สีหน้าของคาร์เตอร์งุนงง
“หมายถึงคณิตศาสตร์ใช่ไหมครับ” เขาถามกลับ
กานดายิ้มแทนคำตอบ เธอไม่แก้ข่าวให้ว่าเลขศาสตร์ที่พูดถึงนั้นคือหวยต่างหาก