ตอนที่1:พบพาน

3206 Words
ตอนที่ 1 จิตสุดท้ายอันมัวหมองเศร้าโศกในโชคชะตานำพาดวงวิญญาณของลีลาวดีมาจุติ ณ นรกภูมิหนึ่งในอบายภูมิ ดินแดนหลังความตายที่ไม่มีใครอยากกล้ำกลายเฉียดใกล้ ดวงจิตหญิงงามบังเกิดกรุ่นกลิ่นอัตลักษณ์หอมหวนเฉกเช่นไม้หอมยั่วเย้า นายนิรยบาลทั้งหมดสูดดอมดมบังเกิดราคะกระหายรุนแรง ทว่าท่านทั้งหลายพึ่งระงับข่มความรู้สึกแลทำหน้าที่ของตนต่อ ลีลาวดีสวมชุดที่เธอสวมใส่ก่อนสิ้นชีพ ผ้าคาดอกสีซีด ผ้าซิ่นสีน้ำตาลอ่อน ม้วยเกล้าผมเหนือหัว กวาดสายตามองนรกภูมิ เพลิงนรกลุกโชนแผดเผาสัตว์นรกที่ส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา ใจดวงน้อยย้ำเตือนจิตให้ตั้งมั่นอย่าขลาดกลัว เรียวขางามก้าวผ่านสะพานนรก เบื้องล่างมีอสูรกายกรีดร้องจากการโดนลงทัณฑ์ ความเจ็บปวดแสนสาหัส เปลวเพลิงระอุทั่วอาณาบริเวณทว่าเธอกลับไม่รู้สึกร้อนรุ่มมีเพียงกระแสลมเย็นสบายพาดผ่านดวงจิตมอบความสบายใจเสียอย่างนั้น แม้นจะมีแสงสว่างจากเปลวเพลิงโหมลุกไหม้ แดนดินแห่งนี้มืดมิดไร้แสงสว่างจากสุริยะ มีเพียงเปลวเพลิงนรกที่คอยมอบแสงสว่างท่ามกลางการลงทัณฑ์อสูรกายตามแรงกรรมของแต่ละตน สัตว์นรกน่าเกลียดน่ากลัวจ้องมองหญิงสาวที่มีสภาพผิดแปลกจากพวกมัน ก่อนสุรเสียงทรงอำนาจน่าเกรงขามจะเอ่ยทักหญิงสาวผู้ที่มาผิดที่ผิดทาง สัตว์นรกตื่นตระหนกหลบนัยเนตรสีชาดคู่นั้นที่มองพวกมันยากคาดเดาหลังได้ยินเสียงทรงอำนาจของผู้เป็นใหญ่แห่งโลกหลังความตาย “จิตมัวหมองนำพาเอ็งมาที่นี่ กลับไปในที่ที่เอ็งควรไปซะ” น้ำเสียงเข้มแข็งกระด้างเอ่ยบอกดวงจิตหญิงงาม กลิ่นไม้หอมอัตลักษณ์ของนางโลยโชยแตะจมูกกายาร่างใหญ่ คิ้วหนาขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น ด้วยไม่เคยพบดวงจิตดวงใดปรากฎกลิ่นหอมหวนยั่วเพศเช่นนางมาก่อน “......” ลีลาวดีหันหลังกลับไปมองต้นเสียง นางผงะถอยร่น ดวงตากลมโตไล่มองชายหนุ่มร่างใหญ่เทียมยักษ์ ใบหน้าดุดันท้วงท่าสง่าผ่าเผยเปลือยท่อนบน ยืนตระหง่านอยู่ทางด้านหลังเธอเมื่อครู่ ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กว่าบุรุษชายทั่วไป ผิวกายสีแดงเข้มละเอียดดุจดวงอาทิตย์อัศดง ดวงตาดุดันสีชาดน่าเกรงขาม ใบหน้าคมเข้มดุดันปราศรอยยิ้มประดับ สวมอาภรณ์สีดำทะมึนดูอึมขรึม ด้านข้างมีเด็กชายอายุราวห้าขวบมัดจุกนุ่งโจงกระเบนสีแดง ซ้ายขวามีชายหนุ่มวัยกลางคนรุ่นราวคราวเดียวกันสองคนถือหนังสือเล่มหนาแนบอก “......” ลีลาวดีนั่งพับเพียบพนมมือก้มกราบผู้เป็นใหญ่ในโลกหลังความตาย ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่าท่านนี้คือ องค์พญามัจจุราช ผู้พิพากษาความดีและความชั่วของมนุษย์ ในดินแดนนรกภูมิ “......” ดวงตาสีชาดกระตุกวาบสั่นไหวยามเห็นท่าทีอ่อนหวานของหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะรีบปรับสีหน้าเป็นปกติไม่ให้ผิดสังเกตุ ดวงหน้างามหวานหยดย้อยทำชายผู้ทรงอำนาจสั่นคลอนจึงกลบเกลื่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พี่สาวคนนี้สวยจังเลยจ๊ะพ่อจ๋ากลิ่นตัวก็ห๊อมหอมเหมือนบุปผชาติ” เด็กชายกระตุกอาภรณ์ของชายหนุ่มกายสีแดง เร่งเร้าให้ผู้เป็นพ่อเชยชมความงามของหญิงสาวตรงหน้า ทว่ากลับโดนผู้เป็นพ่อเอ็ดเสียยกใหญ่ “ไอ้ส้มป่อยหุบปากก่อนกูจะส่งมึงไปนอนแช่กระทะทองแดง” ไอยศูรย์ องค์พญายมราชผู้เหนือกว่ายมบาลทุกตนเอ่ยเสียงดุ ไอ้ส้มป่อยช่างไม่รู้ความ “ส้มป่อยอุดปากไว้แล้วจ้าพ่อ” เด็กชายรีบยกมือปิดปากตนก่อนจะโดนพ่อจ๋าลงทัณฑ์ นัยตาใสกระพริบตาถี่รัว “ลีลาวดีนางห้ามในเจ้าหลวงเมืองศรีสุวรรณ ถูกประหารชีวิตด้วยการบั่นศรีษระ แรมหกค่ำเดือนสามปีระกา อ่านตามสมุดบันทึกความดีชั่ว นางน่าจะต้องขึ้นสวรรค์แต่ด้วยจิตมัวหมองก่อนตายทำให้ดวงจิตมาจุติที่นรกภูมิขอรับ” สินธุ ผู้รับผิดชอบบัญชีบาปเปิดสมุดอ่าน “ตามนั้นขอรับ” ขจร ผู้รับผิดชอบบัญชีบุญเอ่ย “ชะตาชีวิตเอ็งหวานต้นขมปลายดีเชียวหนา... “ไอยศูรย์เอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาประกายสีชาดจดจ้องหญิงสาวก้มมองเบื้องล่างไม่กล้าเงยหน้ามองเขา เมื่อเทียบนางกับกายาแกร่ง นางดูกระจ้อยร่อยหดเหลือเพียงหน่อย “เจ้าค่ะ” ลีลาวดีตอบรับห้วนสั้น ไม่อยากหวนนึกถึงเหตุการณ์ในวันวานให้ชอกช้ำ นับตั้งแต่ดวงจิตหลุดลอยออกจากร่างละสังขารเดิม เธอถือว่าเรื่องในอดีตได้จบสิ้นลงพร้อมนางห้ามนามลีลาวดี ความทุกข์ทนตรอมตรมทั้งหลายเธอขอทิ้งมันไปพร้อมกายสังขารนั้น เธอไม่ขอแค้นเคือง อาฆาตพยาบาทผู้ใดให้เป็นเวรกรรมต่อกัน และไม่ขอพบเจอผู้ชายผู้นั้นอีกเป็นพอ “ข้าจักให้เอ็งไปเกิดใหม่ตามคำอธิษฐาน ชาตินี้ข้าขออวยพรให้เจ้ามีแต่คนเมตตาการุณ อายุยืนยาวพบเจอแต่ความสุขร่มเย็นในชีวิต” ไอยศูรย์พ่ายมือพาดผ่านดวงวิญญาณสาวส่งเธอไปเกิดในแดนมนุษย์เป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา ดั่งคำอธิษฐานก่อนตาย “น้อยนักที่ดวงวิญญาณจักได้คำอวยพรจากท่าน นึกครึ้มกระไรหนอ” สินธุเอ่ยพลางเหลือบมองสีหน้าของผู้เป็นใหญ่ในแดนนี้ รอยยิ้มกรุ่มกริ่มปรากฎบนดวงหน้าเข้ม “มึงพูดเหมือนกูใจไม้ไส้ระกำ” ไอยศูรย์ถอนหายใจพรืดใหญ่ยามโดนจับผิด “ไม่ได้เอ่ยนะขอรับ” สินธุเบนมองดวงจิตของหญิงงามขึ้นไปจุติบนโลกมนุษย์อีกครั้ง โดยการช่วยเหลือขององค์พญามัจจุราชที่น้อยนักจะช่วยเหลือดวงจิตดวงใด แม้ในคราปกติจะมีคำพูดติดหูพวกเขาว่า ปล่อยตามเวรตามกรรม “มันสื่ออย่างนั้นแหละขอรับ” ขจรพูดก่อนจะหันหลังเดินออกไปทิ้งระเบิดลูกใหญ่แก่สินธุ “มึงมันแส่ไม่เข้าเรื่อง” สินธุเอ่ยเสียงแผ่วเบา เขาชักสีหน้าฉับพลันแปรเปลี่ยนเป็นปกติ “ไปทำงานยังมีอีกหลายดวงวิญญาณไม่ได้ตัดสิน” องค์พญามัจจุราชส่ายหน้าเอือมระอากับสหายคนสนิทที่มักจะจิกกัดกันเองไม่เว้นว่างแต่ละวัน “พ่อจ๋าเอาหนูไปด้วยจ๊ะ” เด็กชายมัดจุกอ้าแขนหวังให้เขาโอบอุ้ม สองขากระโดดเด้งไปมา “มีตีนก็เดินมาเองสิวะ” “โธ่...พ่อ” ส้มป่อยหน้ามู่ชั่วครู่ เขากอดอกแสดงท่าทีเคืองขุ่น มองผู้เป็นพ่อเดินลิ่วนำหน้าไม่นานนักส้มป่อยก็รีบวิ่งตามชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตามไปติดๆ หลังวิธีงอแงใช้ไม่ได้ผล ไม่กี่ชั่วยามเวลาในนรกภูมิพลันปรากฎดวงจิตสีขาวบริสุทธิ์ของหญิงสาวเจ้าของกลิ่นกรุ่นหอมที่เขาพึ่งจะส่งนางขึ้นไปจุติ พวกเขาทั้งสี่มองหน้ากันอย่างมึนงง ไยดวงวิญญาณกลับมาเร็วถึงเพียงนี้ ในชาตินี้นางจักต้องมีชีวิตยืนยาว เรียบง่าย สงบสุข เหตุอันใดหนอจึงได้พานางผู้ทำให้ดวงใจมัจจุราชร้ายสั่นคลอนเวียนกลับมาพบกันอีกครา “ข้าพึ่งจะส่งเอ็งขึ้นไปไยรีบร้อนกลับมานักเล่า” ไอยศูรย์นั่งลงบนบัลลังก์ ท่อนแขนแกร่งเท้าคางมองดวงจิตสีขาวบริสุทธิ์ของสาวงามที่กำลังนั่งคุกเข่าหน้าบัลลังก์ด้วยสีหน้าละล่ำละลัก “ข้าก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ” ตัวเธอเองก็ยังคงงุนงง เวลาในนรกภูมิไม่กี่วินาทีเทียบเท่าหลายสิบปีบนโลกมนุษย์ ในชาตินี้ลีลาวดีไปเกิดในครอบครัวชาวบ้านธรรมดา เมื่ออายุครบยี่สิบเอ็ดปีเต็มทางครอบครัวหาชายผู้เพียบพร้อมเหมาะสมให้เป็นคู่หมาย ทว่าก่อนวันตบแต่งกลับล้มป่วยหาสาเหตุไม่ได้จนกระทั่งสิ้นชีพแล้วกลับลงมาในนรกภูมิอีกครั้ง “งั้นลองไปอีกครา...” ไอยศูรย์สะบัดฝ่ามือส่งดวงจิตหญิงงามกลับไปจุติอีกครั้ง ก่อนผ่อนลมหายใจหนักด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่เริ่มบังเกิด “มนต์ท่านเสื่อมถอยรึท่านยม” ขจรเอ่ยถามด้วยความสงสัย นางผู้นั้นทั้งได้นะเมตตาย่อมมีชะตาชีวิตที่ดีกว่าใคร นับเป็นคราแรกเสียด้วยซ้ำที่องค์พญามัจจุราชผู้ถือองค์ประทานพรด้วยตนเอง ตัวเขาจุติมายังดินแดนแห่งนี้ไม่เคยเห็นดวงจิตดวงใดโชคดีเท่านางมาก่อน ผู้ใดประสบพบเห็นนางย่อมต้องเกิดความรักใคร่เอ็นดู หากไม่เกินกำลังบุญก็คงจะมีชีวิตที่สุขสงบยืนยาว “เอ็งจักลองไหมเล่าข้าจะลองส่งเอ็งไปจุติสัญชีวะนรก [1] สักครา” “เห็นทีคงจะไม่สะดวกนะขอรับ ข้าอยู่ช่วยงานท่านดีกว่า” ขจรหน้าเจื่อน บรรยากาศในดินแดนหลังความตายเริ่มวุ่นวายหลังที่งดวงจิตหญิงงามที่ท่านพญายมราชเป็นผู้ส่งไปจุติด้วยตนเอง กลับมายังนรกภูมิครั้งแล้วครั้งเล่า ชะตาชีวิตของเธอนั้นแสนสั้นเพียงไม่นานก็ต้องสิ้นชีพกลับลงมานรกภูมิเสียแทบทุกครั้ง และเธอจักสิ้นชีพในอายุขัยเพียงยี่สิบปีเอ็ดแทบทุกคราหรือก่อนแต่งงานเสียทุกครั้ง ลีลาวดีนั่งเกร็งตัวแข็งท่ือไม่กล้าขยับกาย นัยเนตรสีชาดปั่นป่วนหนักขึ้นทุกที “มันเกิดกระไรขึ้นกับเอ็งลีลาวดี” ผู้ทรงอำนาจกลัดกลุ้ม เขานั่งเท้าคางทอดถอนหายใจอย่างคิดไม่ตก “ชาติที่ห้าแล้วนะเจ้าคะ ท่านอวยพรให้ข้าจริงรึเจ้าคะ ไยข้าอายุสั้นทุกชาติเลยล่ะเจ้าคะท่านยม” ลีลาวดีเงยหน้ามองผู้เป็นใหญ่ในโลกหลังความตายครั้งแรก ยามนัยเนตรสองคู่สบตากันโดยบังเอิญ เกิดความรู้สึกวูบวาบร้อนแปลบขึ้นมาชั่วขณะ หญิงงามจึงหลุบดวงตามองต่ำดังเดิม “เอ็งคิดว่าข้าสาปแช่งร่นอายุเจ้าอย่างนั้นรึลีลาวดี?” ไอยศูรย์ปรายหางตามองดวงจิตสาวงามที่เริ่มใจกล้ามีปากเสียงขึ้นมา “หามิได้เจ้าค่ะ” ลีลาวดีรีบยกฝ่ามือปฏิเสธพันวัล “ไปอีกสักชาติ ครานี้ข้าจะขึ้นไปเป็นเพื่อนเอ็งดูเอาเถิดว่ามันเกิดกระะไรกันแน่” “ไม่ได้นะขอรับ ท่านขึ้นไปใครจะพิพากษาเหล่าวิญญาณเล่า” สินธุรีบแย้ง เป็นไปไม่ได้ที่นรกภูมิจะว่างเว้นจากองค์พญามัจจุราช “ยมบาลท่านอื่นมีตั้งมากโข ให้มันรู้กันไปว่าไม่มีข้าผู้เดียวนรกภูมิมันจักแตกเป็นเสี่ยง ข้าทรงงานมานานเท่าใดไม่เคยหยุดพัก หากจักลงทัณฑ์ข้าเพียงเพราะข้าหยุดพักก็ให้มันรู้ดำรู้แดงกันไป” ไอยศูรย์ตวัดหางตามองผู้ติดตามทั้งสองที่ได้แต่ก้มหน้างุดรับคำบัญชา “ขอรับ/ขอรับ” “ฉันไปด้วยนะจ๊ะพ่อจ๋า ฉันอยากเห็นโลกมนุษย์” ส้มป่อยวิ่งมาเกาะแขนแกร่ง ทำตาโตออดอ้อนท่านพญายมราช “เอ็งจะขึ้นไปทำกระไร” “น่านะ...ฉันสัญญาจะไม่ดื้อไม่ซน เชื่อฟังคำพ่อจ๋าทุกอย่าง” “เอ็งพูดแล้วนะ...” “จ๊ะ!” เด็กชายร่างเล็กเพยิดหน้าตกปากรับคำเป็นดิบดี “เออ” เขาใจอ่อนยอมให้ส้มป่อยติดสอยห้อยตามขึ้นไปบนโลกมนุษย์ อย่างน้อยก็มีมันคอยช่วยเหลือได้บ้าง “......” ฝ่ามือสากยกสะบัดส่งวิญญาณสาวกลับขึ้นไปจุติอีกครา ครานี้ดวงจิตกล้าจักตามติดเจ้าของดวงจิตกลิ่นหอมดวงนั้นขึ้นไปยังโลกมนุษย์ ดินแดนที่มีแต่ความปั่นป่วนวุ่นวาย “ตรวจดูดวงชะตาให้ข้าทีว่าใครมันดวงถึงฆาตแล้ว ขอคนที่ถึงฆาตก่อนนางลีลาวดีจะอายุครบยี่สิบเอ็ด” “ขอรับ” สินธุเปิดสมุดบัญชีหนังหมาตรวจเช็ครายชื่อมนุษย์ที่ดวงถึงฆาตในช่วงเวลาเหมาะเจาะ เขากระพริบดวงตาสลับมององค์พญามัจจุราชสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก “มีผู้หนึ่งขอรับ” “ผู้ใด” “ชื่อเจ้าเพลิงขอรับ หมอผีไสยเวทย์สายดำกระทำกรรมชั่วหนักหนาอยู่ขอรับ มันจักมรณะก่อนแปดเดือน” “ไม่มีร่างที่ดีกว่านี้แล้วรึให้ข้าไปอาศัยร่างหมอผีคนบาปจะไม่ถูกชาวบ้านตราหน้าเอาฤา” พญามัจจุราชหน้านิ่วคิ้วขมวด “ไม่มีแล้วขอรับ” “อืม” ในเมื่อไร้หนทางพญามัจจุราชผู้ทรงอำนาจจึงขึ้นไปยังโลกมนุษย์ในวันที่ชายหนุ่มผู้มีดวงชะตาถึงฆาต สิงสถิตยึดร่างครอบครองกายเนื้อของหมอผีผู้เลื่องชื่อลือชาสร้างเวรกรรมหนักในหมู่บ้านคุ้มงาม “เฮือก!” ชายหนุ่มรูปร่างกำยำสักยันต์อักขระทั่วร่างกายสะดุ้งเฮือกหายใจหอบแรง เขาผุดลุกจากเชิงตะกอนเผาศพ โชคดีที่ไม่มาตอนเผาไปแล้ว มิเช่นนั้นชาวบ้านคงแตกตื่นพอสมควร ทว่ามาตอนนี้ชาวบ้านก็ตื่นตระหนกกันยกใหญ่ไม่แพ้มาตอนเผา ท่ามกลางเสียงฮือฮาของชาวบ้านที่เข้ามามุงดูอย่างไม่เชื่อสายตา “พ่อครูตายแล้วฟื้น!” หนึ่งในนั้นอุทานเสียงหลง ชาวบ้านที่มาร่วมพิธีฌาปนกิจร่างพ่อหมอเพลิงแตกตื่นกันถ้วนหน้า ก่อนหน้านี้สามวันมีเสียงเล่าอ้างว่าพ่อครูโดนของเข้าตัวหลังทำยาสั่งให้พวกคนเมือง ทำให้สิ้นชีพในขณะที่อายุเพียงยี่สิบแปดปี เสียงกระซิบกระซาบของชาวบ้านแตกออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งก็ว่าพ่อครูสมควรตายเพราะก่อเวรก่อกรรมเบียดเบียนผู้บริสุทธิ์ อีกฝั่งก็กร่นด่าชาวบ้านที่เห็นต่างเพราะเคยได้รับน้ำจิตน้ำใจของพ่อครูยามลำบาก “มองกระไรกัน” องค์พญามัจจุราชในร่างของเพลิงหมอผีไสยเวทย์ตวัดหางตามองชาวบ้าน แกะสายสิญจน์ดอกไม้ธูปเทียนที่ปักระหว่างกลางฝ่ามือออก ลูบใบหน้าอันเปียกชุ่มจากน้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ สัปเหร่อถอยร่นกุมหน้าอกทางด้านซ้ายที่เต้นโครมครามจนแทบจะหลุดกระเด็นออกมาด้านนอก “พ่อครูตายแล้วฟื้นจริงๆ ด้วย” มิ่ง หนึ่งในลูกศิษย์คนสนิทของพ่อครูรีบวิ่งมาจับกายเนื้อที่เริ่มอุ่นจากเลือดลมไหลเวียน เขากระโดดกอดร่างพ่อหมอด้วยความดีใจจนเนื้อเต้น พลางร้องตะโกนโหวกเหวกโวยวาย “กระไรของเอ็ง” ไอยศูรย์ดันร่างของชายหนุ่มแปลกหน้าออกห่าง คนถือตัวอย่างเขารู้สึกรำคาญ “ถามได้ฉันดีใจไงพ่อครูยังไม่ตาย” เขาตอบน้ำเสียงลนลาน “เอ็งเป็นใคร” “โธ่...ฉันมิ่งไงจ๊ะ ศิษย์รักของพ่อครูเอง” มิ่งเอียงหน้าฉงนในคำถามของพ่อครู ก่อนจะเก็บงำความสงสัยเอาไว้ก่อน คิดในแง่ดีคนที่พึ่งฟื้นจากความตายอาจจะยังสับสนระหว่างโลกคนเป็นและโลกคนตาย “แยกย้ายนะทุกคนข้าไม่ตายแล้ว แยกย้ายกันกลับบ้าน” ไอยศูรย์ในร่างพ่อครูโบกมือไล่ชาวบ้านอย่างรู้สึกรำคาญ สายตาที่จับจ้องมาทางเขาราวกับตัวประหลาด บ้างก็ตื่นกลัวเหมือนคนเห็นผี นี่แหละหนามนุษย์ผู้เขลา “กลับบ้านกันนะจ๊ะพ่อครูเลิกโว้ยไม่มีแล้วงานศงงานศพ กูจะพาพ่อครูกลับบ้านโว้ย” มิ่งโบกมือสะบัดไล่ชาวบ้านที่มาร่วมงานให้แยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง มิ่งเดินประคองพ่อครูเดินแหวกกลางผ่านชาวบ้านนับร้อยที่ร่วมเป็นสักขีพยานว่าในวันนี้พ่อครูเพลิงนั้นกลับมาแล้ว “อือ” “พ่อครูหิวมั้ยอยากกินอะไรฉันจะไปหามาให้” “ข้าอยากนอน” บ้านไม้สักสองชั้นทรงไทยโบราณหลังใหญ่โตโอ่อ่าที่ลูกศิษย์ลูกหาร่วมกำลังทรัพย์สร้างให้พ่อครูเพลิงแทนกระต็อบหลังน้อยซอมซ่อตั้งไม่ใกล้ไม่ไกลจากป่าช้าเมื่อครู่ ดูท่าเจ้าเพลิงวิชาแก่กล้าไม่น้อย มิเช่นนั้นคงไม่มีลูกศิษย์ลูกหาทุ่มเงินสร้างบ้านกึ่งตำหนักให้ใหญ่โตเช่นนี้ สิ่งของนอกกายที่แลกมากับการเบียดเบียนทำร้ายผู้บริสุทธิ์แล้วอย่างไรเล่า ตายไปก็เอาสิ่งของเหล่านี้ไปไม่ได้ สิ่งที่ติดตัวไปก็มีแต่บุญและกรรม ป่านนี้สินธุและขจรคงกุลีกุจอหายมบาลมาตัดสินเจ้าเพลิงกันจ้าละหวั่น ทรัพย์สินเงินทองของนอกกายตายไปถึงหอบเอาไปไม่ได้ ใยมนุษย์จึงกระเสือกกระสนดิ้นรนอยากได้กันนักหนอ พญามัจจุราชสังเวชใจยิ่งนัก หากมนุษย์ตื่นรู้เสียนิดเขาก็คงไม่ต้องพิพากษาให้มากความ เครื่องโต๊ะหมู่บูชาองค์บรมพ่อครูมนต์ดำพร้อมธูปเทียนเครื่องเซ่นไหว้ของดำและของสดวางเรียงราย พ่อครูเพลิงศรัทธาในไสยเวทย์สายดำเรียกได้ว่าคลั่งไคล้จนยากถอนตัว จนนำพามาซึ่งความตายเป็นแท้ ดวงตาคมคายมองชั่วครู่ก่อนเบนหน้าหนี มนุษย์นั้นไซร้ยากแท้หยั่งถึง... “เอาข้าวของพวกนี้ไปทำลายทิ้งซะ กูจะตั้งโต๊ะหมู่บูชาใหม่” “วะ ว่าไงนะพ่อครู ของพวกนี้พ่อครูเก็บสะสมมาตั้งนมนานรักยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก แน่ใจนะพ่อครู” มิ่งแสดงสีหน้าเลิ่กลักเล็กน้อย วัตถุอาถรรพ์แต่ละชิ้นมีตำนานเล่าขานถึงความเฮี้ยน สิ่งใดที่ว่าแรงว่าขลังพ่อครูบากบั่นบุกน้ำลุยไฟเพื่อที่จะได้สิ่งนั้นมาครอบครอง จึงรักโต๊ะหมู่บูชานี้ยิ่งชีพใช้เขาเช็ดกวาดปัดถูทั้งวัน “ของต่ำตมเช่นนี้กูไม่ใคร่อยากเห็น เอาไปทิ้ง” “แต่นี่ของรักพ่อครูเลยนะจ๊ะ” “เออ อย่าถามให้มากความเถอะวะ” ใบหน้าพ่อครูขึงขังน่าเกรงขามฉายแววใบหน้าดุดันของใครบางคนทับซ้อนจนมิ่งสะดุ้งโหยง มิ่งขยี้ตาใบหน้าดุดันของชายเมื่อครู่พลันหายในพริบตา “จ๊ะพ่อครู เดี๋ยวฉันจะเอาไปทิ้งที่ท้ายวัดให้หมดเลยจ๊ะ เอาไปทิ้งแล้วของพวกนี้จะไม่แว้งกลับมาทำร้ายพ่อครูหรอจ๊ะ” มิ่งเอ่ยถามอย่างสงสัย พ่อครูเคยบอกไว้ว่าหากไม่ดูแลสิ่งของพวกนี้ให้ดี มันจะย้อนกลับมาทำลายผู้ครอบครอง “มันกล้าก็ลองดู” พ่อครูเพลิงเอ่ยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทว่าผู้ฟังกลับขนลุกซู่เกลียวไปทั่วทั้งร่าง มิ่งละล่ำละลักยากตัดใจทิ้งของรักของพ่อครู ด้วยอยากให้เวลาพ่อครูได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง แต่กลับไม่กล้าเซ้าซี้ให้มากความ “แล้วพ่อครูจะตั้งโต๊ะหมู่บูชาอะไรจ๊ะ” มิ่งลอบถาม “พญามัจจุราช...” ก็ตั้งเครื่องหมู่บูชาตนเองไปซะเลยง่ายดี ผู้เป็นใหญ่ในโลกหลังความตายยกยิ้มอย่างพึงใจ “น้อยคนสายเราจะบูชาท่านนะจ๊ะพ่อครู งานที่เราทำมันขัดแย้งกับพลังท่าน ทำไมจู่ๆ พ่อครูถึงบูชาท่านเล่าหรือว่าพ่อครูไปเจอท่านมา” มิ่งให้ความสนอกสนใจออกนอกหน้า “อย่าสู่รู้ รู้เท่าที่กูให้รู้ก็พอ” “จ๊ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD