ตอนที่ 7
หลังงานรื่นเริงค่ำวานบรรยากาศ เช้าตรู่วันนี้อึมขรึมท้องฟ้ามีก้อนเมฆสีดำปกคลุม เสียงนกแสกกู่ร้องโฉบบินไปมาทั่วหมู่บ้านราวกับต้องการแจ้งลางบอกเหตุ หมู่บ้านคุ้มงามตกอยู่ในความหวาดผวา เสียงเล่าบอกต่อกันมาหลังเกิดการเสียชีวิตของชายหนุ่มในหมู่บ้านคุ้มงามถึงสามคนอายุไล่เลี่ยกันโดยไม่ทราบสาเหตุ
วันนี้แทบทั้งวันเสียงนกกาเหว่าร้องครวญโหยหวนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ฝูงอีกาแหวกว่ายบินวนอยู่กลางอากาศ จนผู้ที่ผ่านไปผ่านมาขนลุกซู่รีบแยกย้ายกลับบ้าน เหล่าร้านค้าในหมู่บ้านปิดตัวร้านก่อนเวลา นกแสกหลายสิบตัวบินมาเกาะตามหลังคาบ้านผู้โชคร้ายแจ้งลางบอกเหตุล่วงหน้า
“ไฉนคนในหมู่บ้านจึงจะล้มตายกันมากขนาดนี้” ไอยศูรย์ย่างก้าวออกมาชานบ้านพูดคุยกับการเวก ยมฑูตที่คอยรับใช้ทำหน้าที่เก็บดวงวิญญาณบนโลกมนุษย์
“ผีแม่หม้ายออกอาละวาดขอรับท่าน” การเวกจำแลงเเปลงกายมาในรูปนกแสก เกาะราวบันไดพูดคุยกับท่านยมราช
“แก้ไขได้หรือไม่”
“รายชื่อมรณะปรากฎบนสมุดแล้วขอรับ”
“แล้วผีแม่หม้ายตนนี้เป็นใครมาจากไหน”
“ชื่อนางอิ่มเป็นหญิงหม้ายหมู่บ้านป่าแฝถัดจากหมู่บ้านคุ้มงามไปสองหมู่บ้านขอรับ”
“แล้วทำไมมันลามมาอาละวาดที่นี่เล่า”
“ก็ผู้ชายในหมู่บ้านนั้นไม่ล้มตายก็หนีไปต่างหมู่บ้านกันหมดแล้วขอรับ ดูท่ามันจะหิวโหยไม่เบาถึงขั้นกล้ามาอาละวาดข้ามถิ่น” การเวกเอ่ย สมุดจดบันทึกรายชื่อผู้มรณะปรากฎเวลาวันเดือนปีและสถานที่ชัดเจน ผู้ใดที่เคยมีกรรมร่วมกับนังผีร้ายตนนี้ ยากที่จะหลีกเลี่ยงชะตากรรม
“ในสมุดปรากฎกี่รายชื่อ” ชายหนุ่มเอ่ยถามสีหน้าเคร่งเครียด
“ตอนนี้สิบห้าขอรับ เอ่อเพิ่มมาอีกแล้วขอรับสิบเจ็ดคนแล้วท่านยม”
“เฮี้ยนนักนะมึง ขอบใจมาก” ไอยศูรย์ไม่รีรอตะโกนเรียกมิ่งที่กำลังนอนน้ำลายยืดให้ตื่นขึ้น สีหน้าของเขาไม่ค่อยสู้ดีนัก โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่หมู่บ้านคุ้มงามต้องเผชิญร้ายแรงยิ่งนัก หมู่บ้านแห่งนี้ดูยังไงก็เหมือนหมู่บ้านต้องคำสาป จะต้องพานพบแต่สิ่งเลวร้ายวนเวียนไป เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทับซ้อนเมืองโบราณอย่างเมืองศรีสุวรรณหรือเปล่า…
“ไอมิ่ง ไอมิ่งตื่น!”
“อะไรพ่อครูฉันขอนอนกลางวันสักงีบก็ไม่ได้” มิ่งบ่นพึมพำ เมื่อคืนเขาไปเที่ยวงานวัดกลับมาก็ดึกดื่นกว่าจะได้นอนก็ปาไปเกือบตีสี่ แถมยังต้องตื่นแต่เช้าไปจ่ายตลาดซื้อกับข้าวไว้ให้พ่อครูอีก
“หน้าสิ่วหน้าขวานยังมาห่วงนอน ผีแม่หม้ายจะมาพรากชีวิตคนในหมู่บ้านแล้วเร็ว!”
“ห่ะ..ผีแม่หม้ายอะไรพ่อครู” คนนอนหูผึ่งรีบลุกขึ้นจากฟูกนอน ลนลานกุลีกุจอเช็ดคราบน้ำลายมุมปาก
“มึงไม่เห็นลางบอกเหตุบนท้องฟ้ารึ คืนนี้จะมีคนล้มตายเป็นจำนวนมากกูช่วยไม่ทันแล้ว แต่หลังจากคืนนี้มึงรีบไปบอกเจ้าอาวาสให้ทำพิธีขับไล่ผีแม่หม้ายออกจากหมู่บ้าน” ไอยศูรย์เล่าให้มิ่งฟังพอสังเขป ฟังจบมิ่งตาเหลือกผีแม่หม้ายที่เขาเล่าลือว่าเฮี้ยนที่ออกอาละวาดต่างหมู่บ้าน ตอนนี้มันลามมาที่นี่แล้วหรอ…
“แล้วฉันจะตายมั้ยพ่อครู ฉันกลัว” มิ่งหน้าถอดสี เขาพอจะได้ยินกิตติศัพท์ความเฮี้ยนของผีแม่หม้ายบ้านป่าแฝมาอยู่บ้าง
ผู้ชายในหมู่บ้านป่าแฝต้องออกมาแต่งตัวผลัดแป้งให้เหมือนหญิงสาว ทาเล็บสีแดงสด บางบ้านก็แขวนสียืดตัวใหม่สีแดงสดพร้อมกำกับข้อความว่า บ้านหลังนี้มีแต่ผู้หญิง มีชายหนุ่มไม่น้อยต้องยอมจากบ้านไปอยู่ต่างถิ่นหนีความเฮี้ยนของผีแม่หม้ายตนนี้
“มึงจะมารักตัวกลัวตายอะไรตอนนี้ มึงไม่ตายง่าย ๆ ดอกไอมิ่ง”
“ได้ยินอย่างนี้ค่อยโล่งอก พ่อครูเป่าคาถากันผีให้ฉันหน่อยสิ ฉันจะได้กล้าออกบ้านไปบอกหลวงตา”
“มึงปอดแหกถึงเพียงนี้ยังกล้าเสนอหน้ามาร่ำเรียนมนต์ดำวิชาอาคม ปะโตเมตัง ปะระชีวินัง สุขะโตจุติ จิตตะเมตะ นิพพานัง สุขะโตจุติ” แม้จะบ่นพ่อครูก็ยอมเป่ากลางกระหม่อมของลูกศิษย์ มือหนาตบบ่าเชิงเรียกขวัญ
“ฉันไปบอกหลวงตาก่อนนะพ่อครู”
“เออรีบไป อย่าลืมส่งข่าวให้ตาบัวด้วย”
บ้านไม้ชั้นเดียวปิดประตูหน้าต่างสนิท หลังตาบัวรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ และยิ่งทำให้ชายชรามั่นใจขึ้นอีก หลังไอมิ่งมาส่งข่าว พ่อครูกำชับให้พวกเขาสองพ่อลูกปิดประตูลงกลอนให้สนิท ห้ามออกจากบ้านใครมาทักห้ามขานจนกว่าจะถึงเวลารุ่งสาง บุหงาถูกเรียกตัวมามัดข้อไม้ข้อมือทั้งสองข้างโดยมีผู้เป็นพ่อร่ายมนต์กันคุ้มให้ตั้งแต่ไก่โห่
“พ่อมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ทำไมวันนี้ไม่ให้ฉันไปจ่ายตลาดล่ะ” บุหงาถามตาบัว ขณะง่วนอยู่กับการทำกับข้าวภายในบ้าน เมนูวันนี้ไม่พ้นไข่ทอดกับน้ำพริกตาแดงแกล้มผักต้มริมรั้ว หน้าต่างบานไม้ถูกล็อคลงกลอนจนเธอรู้สึกอึดอัด แต่ก็จำใจต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อ
“ลางไม่ดี นกแสกบินวนมาเกาะหลังคาบ้านตาไพรไหนจะไปเกาะบ้านตาอาดอีก พ่อสังหรณ์ใจไม่ดี อย่าพึ่งออกจากบ้านนะบุหงา” ชายชราแนบดวงตาลงบนหน้าต่างบานไม้ที่มีรูขนาดเล็ก สอดส่องนอกบ้านว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่ วันนี้บ้านใดก็ต่างพากันหลบอยู่ในบ้านพร้อมเพรียงอย่างกับนัดแนะกันมา
“นกแสกไปเกาะหลังคาบ้านอีแหวนหรอพ่อ” บุหงาตาเบิกโพลงยกมือทาบอก เห็นทีจะเกิดงานขาวดำไม่ช้าก็เร็ว
“อืม..พ่อตรวจดวงชะตาหมู่บ้านถึงคราวเคราะห์ใหญ่ของหมู่บ้านเราแล้วล่ะบุหงาเอ๊ย”
“ใหญ่ขนาดไหนละจ๊ะพ่อ”
“พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวเอ็งก็รู้ วันนี้ห้ามออกบ้านเข้าใจมั้ย เดี๋ยวกินข้าวเสร็จออกไปไหว้ผีปู่ผีย่าให้คุ้มครองแล้วรีบกลับเข้ามา”
“ไม่ต้องไปเตือนตาไพรหรอจ๊ะพ่อ”
“มันคงรู้ตัวแล้วล่ะว่าบ้านมันคงหนีไม่พ้นงานขาวดำ เขาว่าหนีอะไรก็หนีได้แต่คงหนีความตายไม่พ้น”
“......” ทว่าเธอยังไม่ทันตอบอะไรไป เสียงใสแหลมของเด็กผู้ชายมัดผมจุกพุงป่องวัยไม่น่าเกินห้าขวบร้องเรียกเธอจากด้านนอก หน้ากลมยิ้มแฉ่งมาแต่ไกล
“พี่คนสวย พ่อครูใช้ให้ฉันเอาของมาให้จ๊ะ” ส้มป่อยโบกมือทั้งสองข้างร้องเรียกหญิงสาวให้ออกมารับสิ่งของที่ใครบางคนฝากมา
“ฉันออกไปได้มั้ยพ่อ”
“อืม”
บุหงาปลดล็อคกลอนบานประตู เธอเดินตรงไปหาเด็กชายตัวน้อยที่เธอคุ้นเสียงทว่าไม่คุ้นหน้า เธอย่อกายลงเชยหน้ามองเด็กชายที่ท่าทางฉลาดหลักแหลมไม่เบา เด็กน้อยวางบางสิ่งลงบนฝ่ามือนุ่มของเธอ บุหงาเอ่ยถามกลับด้วยความใคร่รู้
“หนูเป็นใคร” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างใจดี
“ส้มป่อยลูกพ่อครูจ๊ะ”
“ลูกพ่อครูทำไมพี่ไม่เคยเห็นล่ะ...”
“พ่อไม่ให้ปรากฎกายหากไม่จำเป็นจ๊ะ”
“อ่อ...” บุหงาพยักหน้า เธอคุ้นเสียงเด็กคนนี้แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก ดูท่าจะเป็นกุมารทองที่พ่อครูเลี้ยงเอาไว้ ที่ผ่านมาเธอทราบเพียงว่าพ่อครูมีกุมารทองชื่อเจ้ารักเจ้ายมนี่ ไม่ใช่ว่าเขาไปพรากแม่พรากลูกใครมาทำกุมาร
“พ่อจ๋าให้เอาสร้อยตะกรุดมาให้จ๊ะแล้วก็กำชับมาว่าคืนนี้ถ้าได้ยินเสียงอะไรไม่ต้องทักนะจ๊ะ อย่าออกจากบ้านด้วย” ส้มป่อยวางสร้อยตะกรุดสองอันของหลวงตาลงบนฝ่ามือนุ่มก่อนจะพลันหายตัวต่อหน้าบุหงา
“พ่อครูดูเป็นห่วงเป็นใยเอ็งนักนะ” ตาบัวทักขณะที่ลูกสาวนำสร้อยตะกรุดมาสวมคล้องคอให้เขา ให้ไอมิ่งมาบอกรอบแรก รอบสองยังสั่งให้กุมารทองมาย้ำพร้อมมอบตะกรุดอีก
“ก็ปกตินี่จ๊ะ เมื่อก่อนพ่อครูก็ใช้ให้พี่มิ่งเอาของกินของใช้มาให้เราประจำ” บุหงาเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง พลันนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวาน ดวงหน้างามแดงระเรื่อ ใจดวงน้อยหวนนึกถึงยามลิ้นร้อนผ่าวโลมรันกลีบอูมอวบของตน เขาช่างน่าไม่อายนัก กล้าลวนลามเธอในที่โจ่งแจ้ง
“ถึงข้าจะไม่ได้รังเกียจเดียจฉันท์พ่อครูแต่พ่อก็อยากให้เอ็งได้คู่ครองที่ดีมีหน้าที่การงานดีนะบุหงา พ่อครูแม้จะเป็นคนดีแต่ด้วยการงานที่ทำบาปกรรมมันหนักนักแล” ตาบัวเช็ดคราบน้ำหมากพลางถอดถอนหายใจด้วยความรู้สึกหนักหน่วง เขาก็ไม่อยากทำตัวขัดขวางความรักผู้ใด หากเจ้าเพลิงมันเป็นผู้ชายธรรมดาคงดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ เขากลัวบาปกรรมจะตกไปถึงหลานจึงได้ปรามไว้
“บุหงาเข้าใจจ๊ะพ่อ”
“ไว้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ข้าจะพาเอ็งไปทำความรู้จักกับผู้กองคชินลูกชายตาเรืองเพื่อนพ่อเมื่อสมัยเด็ก รูปหล่อ พ่อรวย คงไม่ยากนักที่เอ็งจะชอบพอ”
“พ่อเห็นฉันเป็นผู้หญิงหน้าเงินหรอจ๊ะ ชีวิตนี้ให้บุหงาได้เลือกคู่ครองเองได้ไหมจ๊ะ ตั้งแต่เล็กจนโตบุหงาเชื่อฟังอยู่ในโอวาทพ่อทั้งหมด บุหงาขอแค่เรื่องเดียวพ่อให้บุหงาได้มั้ย” เธอสบตาดวงตาฝ้าฟางของผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าจริงจัง
“......” ตาบัวไม่ตอบ เขาเพียงหยิบหมากพลูขึ้นมาเคี้ยวพร้อมเปิดวิทยุฟังเพลง คนเป็นพ่อใครบ้างไม่อยากให้ลูกสาวได้รับสิ่งที่ดีที่สุด
ลูกสาวเพียงคนเดียวนำมาซึ่งความสุขและความทุกข์ในเวลาเดียวกัน ชายชราหวงแหนประดุจไข่ในหิน หากไม่ใช่เพราะดวงชะตาที่ผิดแปลกเฉกเช่นสตรีทั่วไป เขาคงไม่ทุกข์ใจจนหาทางออกไม่ได้เช่นนี้
หลังตะวันตกดินฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรง บ้านไม้ชั้นเดียวส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดสั่นไหวตามแรงลม บุหงาจุดตะเกียงนอนกระสับกระส่ายพลิกไปพลิกมา เสียงหวีดหวิวของสายลมคล้ายเสียงแหลมของหญิงสาวดังขึ้นมาเป็นระยะ สลับเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สักพักก็คล้ายเสียงร่ำไห้ หากเป็นคนก็คงเป็นคนบ้ากระมัง
“พ่อว่าเสียงอะไร” บุหงากระซิบผู้เป็นพ่อที่นอนหงายอ่านหนังสือธรรมะ ทำหูทวนลมเหมือนไม่ได้ยินเสียงด้านนอก
“อย่าทักทำหูทวนลมไป” ตาบัวขยับแว่นสายตาเปิดหนังสือหน้าถัดไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
บ้านทุกหลังจุดตะเกียงให้ส่องแสงสว่างไม่มีใครสามารถอดตาหลับขับตานอน นี่คงเป็นคืนแรกที่เธอขอมานอนร่วมห้องกับผู้เป็นพ่อ แม้จะสวมสร้อยตะกรุดที่พ่อครูฝากมาให้แล้ว บรรยากาศในค่ำคืนวันนี้เย็นยะเยือกวังเวงชอบกล เสียงนกแสกกระพือปีกบินวนอยู่เหนือหลังคาบ้านของใครสักคนไม่ใกล้ไม่ไกล
ตาบัวเหลียวมองท่าทีหวาดระแวงของลูกสาวจึงพับเก็บหนังสือสอดวางไว้ใต้หมอน มือหยาบกระด้างลูบศรีษระเล็กของบุหงา ริมฝากปากขับร้องเพลงกล่อมเด็กพื้นบ้านล้านนาที่เคยขับขานให้เธอฟังครั้งเยาว์วัย
บ่าหล้าหลับสองตา อี่ป้อไปนานอกบ้าน
ไปเก็บบ่าส้านใส่ป๊ก ไปเก็บลูกนกใส่ส้า
ตัวหนึ่งไว้ส้ากิ๋นงาย ตั๋วหนึ่งไว้ขายกิ๋นเจ้า
ตั๋วหนึ่งไว้ขายแลกข้าว ตั๋วหนึ่งก๋ำเจ้าเน่อ เนอนาย
เสียงขับขานบรรเลงวนไปกล่อมลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนให้ผล็อยหลับ ผ้าห่มทอฝ้ายเลิกคลุมเรือนร่างบุหงา ผู้เป็นพ่อสำรวจความเรียบร้อยจึงล้มตัวนอนหลับตา นานเท่าใดไม่ทราบได้ทุกผู้ในหมู่บ้านเริ่มเข้าสู่ห้วงนิทราจนกระทั่งเวลาตีสอง
“บุหงานี่แม่เองลูกเปิดประตูให้แม่หน่อย”
“ข้างนอกอากาศเย็นลมแรงเปิดประตูให้แม่หน่อยบุหงา”
“......”
“ถ้าไม่เปิดแม่จะพังเข้าไปแล้วนะ” เสียงปริศนาขู่ ทว่าหลังพยายามก้าวเท้าเข้ามาในอาณาเขตตัวบ้าน พลันปรากฎร่างตายายใบหน้าดุดันทั้งสอง ยืนจังก้ามองผีร้ายหน้าเอาเรื่อง
“มึงอยากลองดีกับกูรึ” ชายสูงวัยบ้วนหมากพลูทิ้งลงกับพื้นก่อนเอ่ยเสียงแข็ง
“แล้วมีผู้ชายมั้ย บ้านนี้มีผู้ชายมั้ย” เสียงแหลมเล็กดังขึ้นนอกรั้วบ้าน เจ้าของเสียงเขย่าริมรั้วโยกแรงทำเอาต้นตำลึงที่ทอดลำต้นบนริมรั้วหลุดรากออกจากดิน เงาตะคุ่มพร้อมกลุ่มควันโขม่งสีดำลอยไปลอยมาทั่วหมู่บ้าน เคาะเรียกบ้านโน้นทีบ้านนี้ที หากผู้ใดเผลอไผลขานตอบ วิญญาณผีแม่หม้ายก็สามารถนำดวงวิญญาณไปเป็นบริวารได้
“มีแต่กูมึงจะเอามั้ยล่ะ” ชายสูงวัยยกยิ้มเล็กน้อย
“ผีตายายแบบพวกมึงกูจะเอาไปทำอะไร หึ...” ผีร้ายส่งเสียงในลำคอ ก่อนจะหันหนีลอยไปอีกทาง มันหาผู้เคราะห์ร้ายหลังแล้วหลังเล่าไม่ย่อท้อ ให้สาสมกับความหิวกระหายนานแรมเดือน
“......” บุหงาผล็อยหลับได้ชั่วครู่ ต้องลืมตางัวเงียขึ้นมาฟังเสียงร้องถามของหญิงสาวปริศนา
“......” ตาบัวยกนิ้วจรดปากแห้งผากไม่ให้ลูกสาวส่งเสียงตอบกลับ บุหงาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนกระเถิบเข้าใกล้ผู้เป็นพ่อ ซุกใบหน้าเข้าหาวงแขนแกร่ง ตาบัวยกฝ่ามือเหี่ยวย่นของตนตบลงแผ่นหลังลูกเป็นจังหวะเพื่อกล่อมเธอนอนอีกครั้ง
หญิงสาวนอนคดตัวใต้ผ้าห่มใกล้ตาบัวท่ามกลางเสียงโหยหวนร้องเรียกของวิญญาณผีแม่หม้ายทั้งคืนจนกระทั่งรุ่งสางยังไม่ทันไก่โห่ เสียงกรีดร้องคร่ำครวญปานจะขาดใจดังขึ้นมาจากทั่วทิศ ทำสองพ่อลูกสะดุ้งตื่นตกใจมองหน้ากันตาไม่กระพริบ
“เอ็งใส่ชุดดำไว้เลย” ตาบัวพูด
“จ๊ะพ่อ”
การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของหมู่บ้านคุ้มงามรวมเป็นยี่สิบศพหากรวมเมื่อวาน ชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นจนกระทั่งห้าสิบปลายไหลตายพร้อมกันค่ำคืนวานนี้ หนึ่งในนั้นคือพี่ชายของแหวนและลูกน้องของสิงห์ลูกชายกำนันเกื้อ เป็นครั้งแรกของหมู่บ้านคุ้มงามที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก หลวงตาที่ทราบจำนวนถึงกับหน้าถอดสี ศาลาวัดใหญ่ไม่พอจะตั้งศพผู้เสียชีวิตยี่สิบศพ
ศพของผู้เสียชีวิตถูกนำมาวางเรียงรายกลางหมู่บ้าน ขณะที่ญาติผู้เสียชีวิตร้องไห้ระงมเศร้าโศกกับการจากไปไม่มีวันหวนกลับ บ้างก็ทรุดนั่งกอดร่างไร้ลมหายใจของผู้เสียชีวิตแน่น เมื่อวานเห็นกันหมาด ๆ วันนี้ก็จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับซะอย่างนั้น นี่คือสัจจธรรมชีวิต
“นับตั้งแต่พ่อครูตื่นจากความตายหมู่บ้านเราก็ประสบอาเพศ หมู่บ้านเราไม่เคยมีคนตายเยอะขนาดนี้มาก่อน แบบนี้ไม่ถือว่าพ่อครูเป็นตัวกาลากิณีของหมู่บ้านหรอกหรอ!” รุ้งดาวปาดหยาดน้ำตาทิ้ง ขณะมองศพพี่ชายของตนที่ไหลตายเช่นเดียวกัน
“ใช่พ่อครูมันตัวซวย! นำพาอาเพศมาสู่หมู่บ้านของเรา!” กระถินเพื่อนสาวของรุ้งดาวเสริม
“เราต้องขับไล่ตัวซวยออกจากหมู่บ้านเรานะทุกคน ดูสิเราต้องสังเวยอีกกี่ศพ” จี๊ดพยายามโน้มน้าวชาวบ้านให้คล้อยตาม
“อีพวกผีเจาะปากมาพูด ครอบครัวมึงตายไม่พอยังสร้างบาปกรรมโกหกโยนความผิดให้พ่อครู ทำไมมึงจะหาแพะรับบาปกับความเจ็บปวดของมึงงั้นรึ กูได้ยินเสียงผีทั้งคืนมึงมาโบ้ยใส่พ่อครูซะได้” บุหงายืนฟังมานาน เท้าสะเอวชี้หน้าด่ากราดพวกรุ้งดาวจนหน้าหงาย สวมวิญญาณแม่ค้าปากตลาด แค่ได้ยินคำว่าจะไล่พ่อครูออกจากหมู่บ้านเลือดก็ขึ้นหน้าออกอาการอย่างที่เห็น
“บุหงาสำรวมหน่อยลูก” ตาบัวปรามลูกสาวที่ตอนนี้กำลังออกหน้าปกป้องพ่อครูหนุ่ม ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม สายตาเอาจริงของบุหงาทำสามสาวชะงักไปไม่ถูก
“มันก็อาจจะเป็นผีที่พ่อครูปล่อยมาก็ได้ ใครจะไปรู้!” รุ้งดาวเอ่ยน้ำเสียงติดขัด
“มึงหุบปากพล่อย ๆ ของมึงเอาไว้อีรุ้งดาวก่อนกูจะทนไม่ไหว นี่กูเห็นแก่หน้าพี่ชายมึงหรอก ไม่งั้นวันนี้กูคงได้เอาเลือดออกจากปากคนชั่ว ๆ แบบมึง” บุหงาถลึงตาใส่รุ้งดาวที่ปั้นข่าวใส่ร้ายพ่อครู
แต่ทำไมเธอต้องออกหน้าปกป้องเขาด้วยล่ะ!
“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพ่อเพลิงเขาหรอก นี่มันผีแม่หม้ายบ้านป่าแฝมันข้ามมาอาละวาดที่นี่เพราะหิว” หลวงตาเจ้าอาวาสวัดคุ้มงาม สะบัดปลายสบงพาดบ่าเดินเท้าเปล่าเข้ามาปราม รอบดวงตาเหี่ยวย่นตามอายุขัยไล่มองร่างไร้วิญญาณหลายสิบร่างนอนเรียงรายข้างกัน
“แล้วทำไมหลวงตาไม่มาเตือนพวกเราก่อนละจ๊ะ อย่างน้อยก็พอจะรับมือได้ จะได้ไม่ล้มตายกันมากถึงเพียงนี้” รุ้งดาวพนมมือไหว้เจ้าหลวงตา เธอคาดโทษหลวงตาที่ไม่ยอมออกมาบอกข่าวถึงการมาของผีแม่หม้าย
“กรรมใครกรรมมันเราฝืนกรรมใครไม่ได้ดอกรุ้งดาว”
“วันนี้ข้า หลวงตาและคณะลูกวัดคุ้มงามจะปิดหมู่บ้านทำพิธีไล่ผีแม่หม้าย ใครอยากอยู่ก็อยู่ ใครไม่อยากอยู่ก็กลับบ้านปิดประตูบ้านให้สนิท ส่วนศพค่อยประกอบพิธีวันพรุ่ง” พ่อครูเพลิงสวมเสื้อขาวกางเกงขาวก้าวฝ่าเข้ามาในวงล้อมของชาวบ้าน เขามองหญิงสาวคนงามที่ออกหน้าปกป้องเขาเมื่อครู่ด้วยสีหน้าอิ่มเอิบ นางออกโรงปกป้องเขาด้วยตัวเองขนาดนี้จะไม่ให้เขาดีใจได้หรือ
“พ่อฉันขออยู่ดูได้มั้ย” บุหงาหันมาพูดกับตาบัว เธออยากดูพิธีกรรมไล่ผีแม่หม้ายที่หาดูไม่ได้ง่าย ๆ อยากจะรู้สาเหตุว่าเพราะอะไรดวงวิญญาณดวงหนึ่งจึงมีความอาฆาตพยาบาทรุนแรง
“เอ็งไม่กลัวรึ”
“กลัวแต่อยากดูจ๊ะ”
“อืมงั้นพ่ออยู่ด้วย”