“เจ๊จ้าว…”
เสียงเล็ก ๆ ดังตามมาจากด้านหลัง ทำให้ฉันกับไฟที่เพิ่งเดินพ้นประตูห้างสรรพสินค้าต้องหยุดชะงักและหันกลับไป พบว่าร่างที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเราไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น น้องริรัน เป็นลูกสาวคนสวยของอาแม็กซ์กับอาลลิน เพื่อนสนิทป๊า
“สวัสดีค่ะ เฮียไฟ” น้องยกมือไหว้ทักทายไฟด้วยน้ำเสียงสดใส
“ค่ะ”
ฉันเหล่มองเจ้าของคำพูดเสนาะหูนิดหนึ่ง อดขนลุกกับน้ำเสียงละมุนละไมแบบนี้ไม่ได้ ถึงไฟจะดูเป็นผู้ชายสุภาพแต่ตอนอยู่ในกลุ่มเพื่อนก็ขวานผ่าซากเหมือนกัน และฉันก็เคยเจอแต่โหมดนั้น...
ริรันระบายยิ้มหวาน ก่อนจะดึงสายตากลับมาที่ฉันอีกครั้ง “รันคิดไว้แล้วว่าต้องเจอเจ๊ที่นี่”
“เห็นลงสตอรี่ว่ากดไม่ทัน ไม่ใช่ไง?” ฉันถาม
“ซื้อต่อในกลุ่มมาค่ะ แพงมากเลย” ใบหน้าหวานราวกับเจ้าหญิงน้อยเหงาหงอยลง แต่แววตาก็ยังแฝงความตื่นเต้นอยู่
“ธรรมดาแหละ ของหายาก”
ยอมรับว่าเสียดายนิดหน่อยที่ลืมนึกถึงน้อง ไม่งั้นก็คงชวนมาแต่แรก จะได้ไม่ต้องรบกวนไฟ
ดวงตากลมโตเคลื่อนมองไปรอบ ๆ พลางขยับปากออกมาเป็นคำถามหนึ่ง “เจ๊แตมล่ะคะ ไม่มาด้วยเหรอ…”
ด้วยความที่ครอบครัวของพวกเราเองก็สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่แปลกเลยถ้าริรันจะรู้จักและคุ้นเคยกับเพื่อน ๆ ฉันทุกคน
“ก็มันเทน่ะสิ” ฉันกระแทกเสียงแบบไม่จริงจังนัก “เจ๊ก็ลืมนึกไปเลยว่าน้องรันหาตั๋วอยู่ ไม่งั้นคงชวนน้องมาด้วย จะได้ไม่ต้องกวนไฟ”
คนถูกเอ่ยถึงไม่ได้ตอบกลับหรือแก้ต่างแต่อย่างใด เพียงยักไหล่นิด ๆ แล้วเดินนำเรามายังโซฟาตัวใหญ่หน้าโรงหนัง เพื่อรอเวลา
“งั้นคุยกันไปก่อนนะ กูไปซื้อป๊อปคอร์นให้” พูดกับฉันด้วยโทนเสียงปกติ ก่อนจะปรับเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลงอีกระดับเมื่อหันไปหาสาวรุ่นน้อง ริรันอายุน้อยกว่าพวกเราถึงสามปี “น้องรันเอาอะไรไหมคะ”
เธอยิ้มกว้างตอบ “งั้นรันไปกับเฮียด้วยดีกว่า ฝากกระเป๋าหน่อยนะคะ”
ว่าแล้วน้องก็วางกระเป๋าสะพายไว้ข้าง ๆ ฉัน ดีดตัวลุกขึ้นอย่างร่าเริง แล้วเดินเคียงข้างไฟไปยังหน้าเคาน์เตอร์ ส่วนฉันก็หันกลับมาล้วงหาไอโฟนในกระเป๋าเพราะรู้สึกถึงแรงสั่นของมันอยู่หลายครั้ง พอได้เห็นว่าเป็นการแจ้งเตือนจาก ม่านหมอก ความผิดปกติภายในก็เกิดขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก เหตุการณ์เมื่อช่วงเย็นยังตามหลอกหลอนไม่รู้จบ
MM : จะกลับตอนไหน (19:40)
MM : หนังกี่ชั่วโมง (19:40)
MM : ถึงยัง (19:45)
JJ : อือ เพิ่งถึง (19:50)
MM : หน้าโรงมีคนปล่อยตั๋วไหม (19:50)
นิ้วหัวแม่มือหยุดค้างเหนือหน้าจอขณะเหลือบตามองหากลุ่มคนที่มักเอาตั๋วรอบพิเศษมาอัพราคา แต่ดูเหมือนรอบนี้คนจะให้ความสนใจเยอะจริง ๆ แทบไม่มีบัตรหลุดมาให้เห็นเลย
JJ : ไม่เห็นนะ ทำไม จะดูเหรอ (19:54)
MM : ไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่อยากไปกับมึงมากกว่า (19:54)
ตึก ตึก
บ้าจริง! ทั้งที่ก็ย้ำกับตัวเองว่าเขาแค่แกล้งเล่น หรือไม่ก็แค่เย้าหยอกไปงั้น กระนั้นใจก็ยังไม่รักดี เต้นตึกตักตามอยู่ได้
JJ : มาเฝ้าหน้าโรงไหมล่ะ (19:55)
MM : อยากให้ไปไหมล่ะ (19:55)
MM : ไปได้นะ (19:55)
JJ : ใจกาก อย่าปากดี (19:56)
MM : เดี๋ยวเจอกัน (19:56)
ฉันยิ้มออกมานิด ๆ อย่างห้ามไม่อยู่ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าไฟกับริรันเดินกลับมาพร้อมกล่องป๊อปคอร์นในมือ ฉันรีบเก็บไอโฟนเข้ากระเป๋า ปรับสีหน้าให้กลับเป็นปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไฟวางป๊อปคอร์นลงบนโต๊ะกระจกเตี้ยด้านหน้า ส่วนก็ริรันทิ้งตัวนั่งข้าง ๆ ฉันขยับยิ้มให้น้องเล็กน้อย ใจหนึ่งก็ยังรู้สึกถึงข้อความที่เพิ่งอ่านในมือถือ ความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นในใจถูกกลบไว้ภายใต้ท่าทีเฉยเมยอย่างเคย
…
หลังอนิเมะจบ พวกเราก็เดินออกมาจากโรงหนังพร้อมกับเสียงพูดคุยคึกคักของผู้คนรอบ ๆ ฉันกับน้องริรันยังตื่นเต้นกับหลายฉากสุดแสนประทับ คุยหยอกล้อกันสนุกสนาน หัวเราะไปกับความน่ารักของตัวละคร โดยมีไฟเดินตามมาเงียบ ๆ
แม้เขาจะไม่ค่อยพูด แต่ฉันก็แอบเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าคมคายอยู่หลายครั้ง
“เอ๋? นั่นเฮียหมอก…ใช่ไหม” ริรันชี้ไปทางโซฟาตัวเดิมที่เราเคยนั่งรอก่อนเข้าโรงหนัง สีหน้าเธอดูประหลาดใจเล็กน้อย คงเพราะไม่รู้มาก่อนว่าม่านหมอกกลับมาแล้ว
ฉันมองตามนิ้วของริรัน ก่อนจะเม้มปากแน่นพยายามซ่อนรอยยิ้มที่พร้อมจะเผยออกมาเมื่อเห็นเงาร่างคุ้นตา
มาจริง ๆ ด้วยว่ะ...
ม่านหมอกนั่งไขว่ห้างแบบชิล ๆ เหมือนเดิม ไม่ได้มองหาพวกเราอย่างจงใจนัก แต่พอเราขยับเข้าไปใกล้ เขาก็หันมาสบตาฉันทันที ดวงตาคมของเขาแฝงความอ่อนโยนจนฉันเผลอเต้นแรง เขาลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเท้าเข้ามาหาพวกเราช้า ๆ ทว่าไม่ทันได้พูดอะไร…
“มึงมาทำไม” เสียงเข้มของไฟดังแทรกกลางระหว่างฉันกับริรัน ไปยังร่างสูงของผู้มาใหม่
“กูว่าง” ม่านหมอกยักคิ้วกวน ๆ แล้วเบนไปคลี่ยิ้มให้น้องเล็ก “ไม่เจอกันนาน สวยขึ้นนะ”
“แน่นอนสิคะ รันก็สวยของรันอยู่แล้ว เฮียเองก็...ดูดีขึ้นน้า”
ฉันยืนมองทั้งคู่ทักทายและถามไถ่กันอีกหลายประโยค ด้วยความรู้สึกถึงบางอย่างที่คลุมเครืออยู่ในใจ
ม่านหมอกขยับเข้ามาใกล้อีกนิดจนฉันสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยที่เขาเคยเป็น เพื่อนผู้สนิทสุด ๆ แต่ตอนนี้…ไม่รู้ทำไมมันไม่เหมือนเดิมเท่าไหร่ อาจเพราะการกระทำ เพราะสายตาของเขา หรือเป็นเพราะหัวใจของฉันที่เต้นไม่เป็นจังหวะอยู่ข้างใน
“เอาล่ะ เราจะไปไหนกันต่อดี” ม่านหมอกเอ่ยพลางหันมาสบตาฉันด้วยรอยยิ้มมุมปาก ใบหน้าเจือความผ่อนคลายที่ยากจะบรรยาย ราวกับว่าเขาพร้อมจะตามใจพวกเราทุกทาง
ริรันตาเป็นประกาย ก่อนจะเสนอทันที “ไปหาของกินรอบดึกกันไหมคะ รันหิวมากเลย”
ไฟที่ยืนมองม่านหมอกด้วยสายตาระคนหงุดหงิด ยักไหล่ตอบรับแบบจนใจ
“งั้นไปกันเถอะ” ฉันเอ่ยเบา ๆ พยายามคุมเสียงให้ราบเรียบที่สุด ขณะที่หัวใจเต้นแรงไม่มีท่าทีว่าจะผ่อน รู้สึกได้ว่าทุกการเคลื่อนไหวของม่านหมอกในคืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการหันมา การยิ้ม หรือแม้แต่การสบตา ดูมีอะไรที่ฉันไม่ค่อยคุ้นเคยแฝงอยู่...
พวกเราพากันเดินไปยังตลาดกลางคืนข้างห้างฯ ฉันกับริรันยังติดอยู่ในอนิเมะที่เพิ่งดูจบ เสียงหัวเราะของเราก้องสะท้อนไปตามทางเดิน ขณะที่อีกสองหนุ่มด้านหลังไม่พูดอะไรกันสักคำ ห่างแค่ไม่ถึงสามก้าว แต่เหมือนอยู่คนละโลกเลย
และทุกครั้งที่เหลือบมองก็จะเจอกับสายตาของทั้งคู่ที่มองอยู่ก่อน มันแอบรู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อย แต่ฉันก็ทำเป็นไม่สนใจ กลับมาจัดการกับความสับสนที่เริ่มก่อตัวขึ้น
บางทีเขาอาจแค่มองไปเรื่อย ๆ ตามนิสัย หรือไม่ก็เพราะฉันอยู่ในระดับสายตาพอดีก็เป็นได้...