Risk Friend : 06
--------------
คืนวันศุกร์นี้แตกต่างไปจากทุกครั้ง…
ปกติเรามักจะปักหลักกันที่ผับดังย่านกลางเมือง แต่คืนนี้ฉันอยากเปลี่ยนบรรยากาศ อยากหลีกหนีความอึกทึกในที่ปิดและสัมผัสอากาศที่ปลอดโปร่งมากขึ้น เลยตัดสินใจเลือกร้านแฮงเอาท์สไตล์วินเทจริมน้ำแทน สายลมเย็น ๆ บวกดนตรีคลาสสิกดังแว่วมาเบา ๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เหมาะกับการเม้าท์ฉ่ำ ๆ หลังจากที่แต่ละคนต้องเผชิญเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือชีวิตส่วนตัวมาหลายเดือน
ไม่ใช่แค่ฉัน… ตัวแสตมป์เองก็มาพร้อมเรื่องราวไม่น้อยหน้า โดยเฉพาะเรื่องของพี่ต้าร์ คนคุยที่เริ่มแสดงท่าทีงอแงและเอาแต่ใจ เพราะคุณนักศึกษาพยาบาลไม่ค่อยมีเวลาให้
"แล้วมึงไม่คิดจะง้อเขาหน่อยเหรอ" ฉันแหย่
"กูผิดอะไรล่ะ" คนมั่นใจเชิดหน้า ตอบแบบโนสนโนแคร์ "อยู่ได้ก็อยู่ ถ้าไม่อยู่ก็ไป หาใหม่ไม่ยากหรอก"
ฉันมองเพื่อนรักที่ยกแก้วดื่มรวดเดียวหมด ส่ายหน้าน้อย ๆ ให้กับท่าทีคุ้นชิน เมื่อไหร่ที่มันรู้สึกว่าคนคุยเริ่มทำให้ชีวิตยุ่งยากเกินไป ก็มักจะลงเอยด้วยการตัดจบเสมอ
เม็ดมะม่วงคลุกเกลือถูกหยิบเข้าปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะชะงักไปจังหวะหนึ่งเมื่อแสตมป์เปรยถึงบุคคลที่สามด้วยสีหน้าสนอกสนใจ
“เออ กูว่า…ไอ้หมอกมันหล่อขึ้นเยอะเลยนะ”
หัวคิ้วฉันย่นเข้าหา ละสายตาจากของกินเล่นไปยังคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ จู่ ๆ พูดถึงม่านหมอกทำไม?
“หุ่นก็แซ่บมากกก…” มันดูอวยยศจนออกนอกหน้า ราวกับได้รับอัดฉีดมาหลายแสน “เมื่อก่อนกูให้ไอ้ตะวันเบอร์หนึ่งนะ ตอนนี้หมอกขึ้นแซงไปแล้ว”
“เวอร์! แล้วมึงไปเห็นหุ่นมันตอนไหน”
ความจริงก็ไม่ได้จะปฏิเสธหรอก แต่ท่าทางของอีแตมก็เกินเบอร์ไปหน่อย
“ในไอจีไง ไอ้พายุส่งมาให้ดูตั้งแต่วันก่อน”
“ไอจี?” ฉันขมวดคิ้วงง ขนาดนั้นฉันที่นั่งเรียนด้วยกันทุกวันยังไม่รู้เลยว่าม่านหมอกมีไอจี
คือเมื่อก่อนน่ะ... เคยมีแต่ปิดไป ฉันก็เลยไม่ได้สนใจ คิดว่าเขาจะเลิกเล่นถาวร
“หรือว่า...มึงไม่มีไอจีมัน ว๊าย เพื่อนไม่คบ”
ขออนุญาตเกลียดท่าเยาะเย้ยแบบจีบปากจีบคอของเพื่อนตัวเองได้ไหม ฉันส่งสายดุ ๆ ก่อนจะแบมือพลางกระดิกนิ้ว
“พูดมาก! เอามาดูดิ”
แสตมป์ยื่นมือถือมาให้ทันที ประโยคหนึ่งที่ผุดขึ้นในหัวคือ ‘มันจะสักเท่าไหร่กันเชียว!’ แต่ไม่คิดเลยว่าภาพในไอจีของเขาจะสะกดให้ฉันหยุดดูอยู่นาน รู้ตัวอีกทีก็จับจังหวะการเต้นของหัวใจไม่ได้เสียแล้ว
ถือว่าคุมโทนได้ดีเดียว ทั้งสีและมุมกล้อง ถึงจะไม่เห็นใบหน้าหล่อเหลาชัด ๆ แต่มันเป็นบริบทที่ชวนให้หลงใหลทั้งนั้น ยิ่งภาพที่เขาถอดเสื้อเผยให้เห็นหุ่นล่ำ กล้ามเป็นมัด ๆ ซ้ำเนื้อตัวยังชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อหลังออกกำลังเสร็จ นั่นยิ่งดูฮอตเกินจะบรรยาย
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงมีคนพูดถึงเยอะขนาดนี้…
“เป็นงะ?” แสตมป์เลิกคิ้วทิ้งไว้ข้างหนึ่ง ขณะสอดส่องคอยจับสังเกตท่าทีของฉัน
“ก็…” ฉันรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ น้ำเสียงก็เช่นกัน “งั้น ๆ แหละ”
“หราาา แต่ตามึงวาวมากเลยนะ”
“ไร้สาระ” ฉันกดล็อกหน้าจอ แล้วยัดไอโฟนใส่มือมันแบบแรง ๆ เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก
นี่ฉันคงไม่ได้หวั่นกับอีแค่รูปถ่ายหรอกนะ! บ้าไปแล้ว…
ฉันโคลงศีรษะกับความพิลึกของตัวเอง พลางผลักกระเป๋าใบโปรดไปให้เพื่อนรักดูแลชั่วคราว คว้าเพียงโทรศัพท์ขึ้นมาถือไว้ขณะลุกขึ้นยืน เพื่อจะไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ภายในร้าน
ระหว่างทางฉันยังพิมพ์ค้นหาไอจี Shade.Mm และแอบส่องไปเรื่อย เหมือนเขาจะเพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่ก็ดูเป็นที่สนใจซะแล้ว
น่าแปลกที่มีรูปเกี่ยวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนแซมอยู่เยอะมาก... ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาชอบรูปแนวนี้ด้วย
หลังเสร็จธุระ ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความรู้สึกโล่งขึ้นนิดหน่อย แสงไฟอุ่นสลัวภายในร้านก็ช่วยให้ผ่อนคลาย ไม่ต่างจากสายลมเย็น ๆ ด้านนอกนั่นเลย ก่อนฝีเท้าจะหยุดชะงักกลางคันเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นหญิงสาวลูกครึ่งท่าทางคุ้นตานั่งใช้มือประคองศีรษะที่โงนเงนอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ ผมบลอนด์ธรรมชาติพลิ้วไหวตามการเอนตัวราวกับจะหมดแรง
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก เดินเข้าไปหาเธออย่างลังเล...
“คุณแมรี่?”
คนถูกเรียกช้า ๆ หันมามองฉันอย่างสับสน แม้จะเมามาย แต่ก็คล้ายจะพยายามรวบรวมสติอยู่ ฉันไม่แน่ใจว่าท่านจะจำฉันได้ไหม ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องเอ่ยทักทายตามมารยาท
“สวัสดีค่ะ หนูจันทร์เจ้า เพื่อนหมอก คุณแมรี่จำได้ไหมคะ”
คุณแม่ของม่านหมอกครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะร้อง ‘อ๋อ’ เสียงดังจนคนในร้านหันมามอง ฉันเดาท่านว่าคงหูดับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“...หนูจ้าว โตเป็นสาวแล้วสวยมากเลย”
“ขอบคุณค่ะ คุณแมรี่ก็ดูแปลกตาไปนะคะ” เพราะเมื่อก่อนท่านจะคงลุคอ่อนหวานดั่งหญิงผู้ดีเมืองนอก แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะแอบซ่อนเปรี้ยวนิด ๆ “แล้วนี่…คุณแมรี่มาคนเดียวเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ อย่าไปบอกหมอกนะลูก แม่แอบออกมา” ปลายนิ้วชี้ค่อย ๆ ยกขึ้นมาแตะริมฝีปาก พานให้น้ำเสียงที่อ้อแอ้อยู่แล้ว ไม่ชัดหนักเข้าไปอีก แต่ก็ยังฟังรู้เรื่อง และคำตอบของท่านก็ทำให้ฉันอึ้งไปชั่วขณะ
“หา?”
นะ…นี่ฉันต้องโฟกัสเรื่องไหนก่อน สภาพที่เมาแบบทิ้งตัว หรือ เรื่องที่ท่านแอบหนีลูกมาเที่ยว
“จ้าวมากับใครเหรอคะ?”
“มากับเพื่อนค่ะ แล้วคุณแมรี่มายังไงคะ?”
“แม่ขับรถมาค่ะ”
ฉันมองประเมินผู้ใหญ่ตรงหน้าอยู่พักหนึ่ง เพื่อหาทางช่วยส่งท่านกลับให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัย
“เอ่อ…คุณแมรี่ อยากให้จ้าวดื่มเป็นเพื่อนไหมคะ?”
“ได้ค่ะ ดีเลย แม่กำลังเหงาอยู่พอดี”
เมื่อได้รับอนุญาต ฉันก็หยิบมือถือขึ้นมาส่งไลน์หาแสตมป์ทันที
JJ : มึงขับรถได้ไหม (22:40)
Tammy : ได้ (22:41)
Tammy : ทำไม มึงเมา? (22:41)
JJ : เปล่า กูเจอแม่หมอกว่ะ (22:42)
JJ : น่าจะต้องขับรถไปส่ง มึงเอารถกูกลับหอไปเลยนะ (22:42)
Tammy : เอ้าอีนี่ ทิ้งกูเฉย แล้วทำไมไม่ไปด้วยกัน (22:43)
Tammy : ตอนนี้อยู่ตรงไหน (22:43)
JJ : เออน่า เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง (22:43)
ใช่ว่าอยากจะทิ้งเพื่อนหรอกนะ แต่มันมีหลายเหตุผลที่ฉันไม่อยากให้ใครมาเห็นคุณแมรี่ในสภาพแบบนี้ เพราะถ้าเป็นม่านหมอก เขาก็คง...คิดเห็นเหมือนกัน คือมันเป็นอะไรที่แบบ...
ไม่รู้สิ...ฉันรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่น่าเปิดเผยนัก
ฉันนั่งดื่มเป็นเพื่อนตามคำที่ให้ไว้อีกสองสามแก้ว ก่อนจะเริ่มปฏิบัติการพาคุณแมรี่กลับบ้าน ทว่ามันไม่ง่ายใจคิด
ด้วยความที่ฉันตัวเล็กกว่า การพยุงร่างกึ่งไร้สติเลยทุลักทุเลเอาเรื่อง โชคดีที่มีพี่พนักงานใจดีเข้ามาช่วย ไม่อย่างนั้นคงลำบากเกลือกกลิ้งกันอยู่ในร้านอีกนาน ฉันประคองแม่เพื่อนเข้าไปนั่งในรถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาวของท่าน ปรับเบาะให้นั่งสบาย คาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย จึงเดินอ้อมไปอีกฝั่ง
สิ่งที่ฉันทำหลังจากสตาร์ทรถคือเช็กพิกัดที่ปักหมุดไว้บนหน้าจอ LED เพื่อหาตำแหน่งบ้านหลังใหม่ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรโทรบอกลูกชายของท่านก่อนไหม แต่ถ้าทำแบบนั้น ฉันคงหมดโอกาสจะได้เข้าใกล้พวกเขา
เคลื่อนรถไปตามถนนโล่งยามค่ำคืนด้วยความเร็วตามมาตรฐาน ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วห้องโดยสาร ทำให้ฉันอดคิดถึงคำพูดที่คุณแมรี่พรั่งพรูออกมาไม่ได้ ...ข่าวลือเมื่อสี่ปีก่อนที่แท้จริงก็เป็นเรื่องจริง
ม่านหมอกต้องไปอยู่นอร์เวย์เพราะพ่อแม่แยกทางกันจริง ๆ แต่เหตุผลที่กลับมา... ฉันยังไม่ค่อยแน่ใจ
ฉันเหลือบมองแม่ของม่านหมอกที่หลับคอพับอยู่ข้าง ๆ ด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ความเจ็บปวดของเขาในวันนั้นทำให้รู้ว่าเขาต้องเข้มแข็งแค่ไหนถึงยิ้มออกมาได้ในวันนี้ สายตาเริ่มพร่ามัวจากน้ำตาที่เอ่อขึ้น จนต้องปาดออกและสูดลมหายใจลึก ๆ
เกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงหมู่บ้านที่จีพีเอสระบุไว้ บ้านทุกหลังดูกะทัดรัดและใหม่เอี่ยม น่าจะเพิ่งสร้างไม่นาน ฉันค่อย ๆ ขับตามเส้นทางบนหน้าจอ จนกระทั่งเห็นร่างสูงของใครบางคนเดินวนไปมาหน้าบ้านหลังหนึ่ง แสงไฟหน้ารถส่องให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของม่านหมอกอย่างชัดเจน
ทันทีที่จอดรถ เขารีบเดินตรงมา พอเห็นว่าเป็นฉันที่เปิดประตูลงไป เขาก็ดูตกใจไม่น้อย
ไม่สิ...ต้องบอกว่าช็อกเลยแหละ
“จันทร์เจ้า!!”
“พาแม่ไปนอนก่อนเถอะ” ฉันมองไปยังคุณแมรี่ในรถ สลับกับมองเขาด้วยความเข้าใจ โดยไม่เอ่ยอะไรไปมากกว่านั้น
“อ้อ งั้นรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ”
แม้จะอยากเข้าไปด้วย แต่ก็จำใจทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย