“อยู่นี่เหรอ”
“ก็ปกติป่ะ แล้วมึงมาทำไมครับคุณมาวิน” เสียงทักทายเรียบนิ่งดังขึ้นไอ้นี่มันชื่อคิงส์เป็นประธานสโมสรและเป็นเจ้าของคลับที่พวกเขาชอบไปสิงกันอยู่เป็นประจำ
“นึกว่าห้องว่าง”
“ห้องว่าง? เห็นห้องสโมสรคณะเป็นม่านรูดรึไงยะ” ส่วนคนสุดท้ายนี่ก็จริตมาเต็มไม่แพ้กันเอสซี่ ผู้ที่มีเทสด้านเสื้อผ้าเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองหรือเรียกอีกนัยหนึ่งว่าโอเวอร์ได้อีก ขนาดด้านในมันใส่เสื้อยืดทับด้วยเสื้อช็อปแล้วด้านนอกมันยังใส่สเวตเตอร์อีก โคตรจะไม่เข้าใจมันเลยแต่งตัวเหมือนอยู่ขั้วโลกเหนือแต่ไม่ดูสภาพอากาศบ้านเมืองตัวเองเลย
“ตามมา” มาวินเบือนหน้าหนีไปอีกทางก่อนจะหมุนตัวกลับเดินออกไปนอกห้อง ญาดาที่ทำตัวไม่ถูกได้แต่ก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อทักทายทั้งสามคนในห้องก่อนจะเดินตามเขาออกไป
“นายมีเรื่องอะไรรึเปล่าเรามีธุระต้องรีบไป” เพียงแค่ก้าวเดินไปได้ไม่กี่ก้าวญาดาก็รู้สึกได้ถึงความอึดอัดระหว่างทั้งสองคน เธอจึงหาข้ออ้างที่จะเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขาแทน
“อยากคุยตรงนี้”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องโปรเจกที่ทำอยู่ฉันว่าเราไม่เรื่องต้องคุยกันนะ” เธอพูดออกไปแบบนั้นเพราะยังกังวลเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หวังว่าเขาจะเลิกสนใจมันแล้วกลับมาทำตัวปกติเห็นเธอเป็นเพียงมนุษย์ล่องหนคนหนึ่งเท่านั้นพอ
“ได้! เธอบีบบังคับฉันเองนะญาดา ตอนแรกฉันกะจะให้โอกาสเธอได้พูดความจริงกับฉันสักหน่อย”
“ค…ความจริงอะไร” ใบหน้าที่เรียบนิ่งและเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ จนเธอรู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมาด้วยความประหม่า
“หึ! เธอไม่ต้องรู้หรอก เดี๋ยวฉันจะหาคำตอบของฉันเอง” ว่าจบมาวินหันหลังเดินออกไป ไม่ฟังแม้แต่เรียกเสียงของเธอด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวสิ! มาวิน…มาวิน”
สามหนุ่มรวมตัวกันอยู่ในเพนเฮาท์ของมาวิน อุปกรณ์ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว ตอนนี้แค่รอเวลาที่ยูมิขึ้นไลฟ์พวกเขาจะได้รู้สักทีว่ายูมิอยู่ที่ไหน
“ไอ้วินยูมิขึ้นไลฟ์แล้ว”
"สวัสดีพี่ๆ ทุกคนค่ะ วันนี้ยูมิมาในชุดคุณตำรวจ ไหนใครอยากถูกจับบ้างเอ่ย” ชุดตำรวจหนังรัดรูปสีดำ พออยู่บนตัวของยูมิแล้วมันช่างงเซ็กซี่จนเหล่าแฟนคลับอยากถูกจับกันเป็นแถว
“ไอ้เชี่ยวินเริ่มสักที จ้องไม่กะพริบเชียวนะ รีบหาจะได้รีบไปจับคุณตำรวจของมึงกัน” เสียงของเซนต์เรียกดวงตาคมที่จ้องดูไลฟ์ไม่กะพริบให้ละกลับมาจ้องหน้าจอโน๊ตบุ๊คแทน
นิ้วเรียวเคาะลงบนแป้นพิมพ์ด้วยความชำนาญ ไม่ถึงสิบนาทีเขาก็ได้ไอพีที่อยู่ซึ่งพอนำไปเสิร์ชหาข้อมูลเพิ่มเติมก็พบว่าพิกัดคือคอนโดของพวกเขา ทั้งสามมองหน้ากันราวกับรู้ใจแต่ไม่มีใครกล้าพูดมันออกมา
“เดี๋ยวกูมา ไอ้เซนต์มึงดูไลฟ์ยูมิต่อไปแล้วรายงานความคืบหน้าให้กูด้วย ที่สำคัญกดเปย์ของขวัญให้ยูมิด้วย”
“ขนาดนี้แล้วมึงยังมีอารมณ์เปย์ของขวัญ?” เ ซนต์ส่ายหัวให้เพื่อนสนิท นิ้วโป้งใหญ่ชูขึ้นทั้งสองข้างอย่างชื่นชมในความเปย์ของมัน
ก๊อกๆ
มาวินยืนอยู่หน้าประตูห้องญาดา ความสงสัยทำให้เขารีบสาวเท้ากดลิฟต์ลงมาจากชั้นบนสุดมายังชั้นสิบห้าที่เธออาศัยอยู่ วันนี้เขาต้องเจอยูมิให้ได้ต่อให้ต้องค้นห้องเธอทุกซอกทุกมุมก็ตาม
“มาวิน”
“ไหน!”
“อะไรของนายอีก เราจะนอนแล้วมีอะไร พรุ่งนี้มีเทส”
“ยูมิอยู่ไหนญาดา” สายตาคมยังคงกวาดหาไปทั่วห้อง แต่ไปพบใครอีกนอกจากญาดาที่กำลังยืนอยู่ อีกทั้งสภาพของเธอตอนนี้ก็อยู่ในชุดนอนที่พร้อมจะเข้านอนจริงๆ หรือเขาจะเข้าใจผิด แต่มันไม่ผิดแน่ทุกอย่างมันชี้ตรงมาที่ห้องของเธอเขายังเชื่อแบบนั้น
ครืด~ ครืด~
ก่อนที่ญาดาจะได้ตอบเสียงของโทรศัพท์ในกระเป๋ามาวินก็ดังขึ้นเรียกใบหน้านิ่งที่กำลังจ้องเขม็งเค้นเอาคำตอบจากเธอให้ละความสนใจมาที่โทรศัพท์แทน
“ว่าไง”
(ยูมิยังไลฟ์อยู่ ทางนั้นเป็นไงบ้าง)
“ไม่เจออะไร”
(กูว่ากลับมาตั้งหลักก่อนมั้ย)
“อืม”
“ญาดา” มาวินเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของญาดา คิ้วเข้มขมวดขึ้นเล็กน้อย เวลานี้เขาดูจริงจังกว่าทุกครั้งที่เธอเคยเจอ
“อ…อืม”
“ฉันจะให้โอกาสเธอครั้งสุดท้าย ยูมิอยู่ไหน เขาเป็นรูมเมทเธอใช่มั้ย เธอกำลังช่วยยูมิปกปิดความลับอยู่ใช่มั้ย บอกฉันมา”
เป็นคำถามที่ญาดาถึงกับไปไม่เป็น เวลานี้มันไม่ต่างจากเมื่อคืนที่เขาพยายามเค้นหาคำตอบจากเธอ ทว่าตอนนี้มันดูรุนแรงกว่าเมื่อเขาอยากรู้มันเสียให้ได้ ดูท่าการหาข้ออ้างไม่ใช่ทางออกที่ดีนักในสถานการณ์ตอนนี้หรือเธอควรยอมรับความจริง แต่นั่นก็ไม่ใช่ทางออกอีกตามเคยเพราะเธอยังอยากให้เรื่องนี้เป็นความลับอยู่
“เราดูแลระบบให้ยูมิอยู่ เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ เธออยู่ต่างประเทศ” เพราะไม่รู้จะอ้างยังไงแล้วจึงตอบออกไปแบบนั้น อย่างน้อยมาวินจะได้เลิกยุ่งวุ่นวายกับเธอสักที
“ไอพีไม่ได้บอกว่าอยู่ต่างประเทศ”
“นายแฮกระบบเหรอ”
คนถูกถามยังคงทำหน้านิ่งไม่ไหวติงแม้แต่น้อย ท่าทางนี้มันคือยังไง ยอมรับว่าทำหรือไม่ทำ หรือแค่อยากปั่นประสาทเธอเล่นกันแน่
“เดี๋ยวสิมาวิน” ญาดาเรียกรั้งอีกฝ่ายเอาไว้
“ไอ้บ้านี่ จะมาก็มาจะไปก็ไป ต้องการอะไรกันแน่” เธอบ่นพึมพำคนเดียวมองแผ่นหลังกว้างที่ค่อยๆ หายไป
“เฮ้อ~ดีนะที่ป้องกันไว้ก่อน” ญาดาพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนัก อย่างน้อยวันนี้เธอก็รอดไปอีกหนึ่งวัน ถึงแม้ไม่รู้ว่าความลับที่เก็บซ่อนเอาไว้จะถูกอีกฝ่ายล่วงรู้เมื่อไรก็ตาม
เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจบคลาสเรียน การที่มาวินเรียกเธอไปคุยแบบนั้นทำให้เธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย แล้วไอ้คำพูดของเขาที่ว่า เธอไม่ต้องรู้หรอกเดี๋ยวฉันจะหาคำตอบของฉันเอง นั่นมันก็ดังวนซ้ำอยู่ในหัวเธอ ทั้งน้ำเสียงและใบหน้าที่มุ่งมั่นบ่งบอกว่าเขาต้องทำอะไรบางอย่างแน่ เธอจึงหาทางป้องกันเอาไว้ก่อน
ตกเย็นเธอจึงมานั่งเขียนโปรแกรมบางอย่างในหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อเอาไว้ใช้ในค่ำคืนนี้ ภาพทับซ้อนที่เธอตั้งใจใส่ลงไปในไลฟ์เพื่อหลอกตาใครหลายคนที่กำลังดูอยู่ รวมถึงเขาคนนั้นที่พยายามจ้องจับผิดเธอตลอดเวลา
เธอไม่รู้หรอกว่าเขาจะทำอะไร แต่ก็อดคิดไม่ตกกับคำพูดที่ถูกพ่นออกมาจากปากเขา อย่างน้อยสิ่งที่เธอทำก็อาจจะลวงอีกฝ่ายเพื่อยื้อเวลาเอาไว้ได้