บทที่ 10 หันหลัง

1029 Words
เที่ยงคืน ฟ้ามณีที่หลับลึกไปแล้ว เธอได้ฝันอีกครั้ง ในฝันชายร่างกำยำ ยังคงยืนหันหลังเช่นเดิม แต่ทว่า คราวนี้มีสังวาลย์ดอกไม้ที่เธอร้อยเมื่อเช้าคล้องอยู่ด้วย ฟ้ามณียืนมองแผ่นหลังนี้ไม่พูดอะไร เธอไม่ได้เดินตามเหมือนคราวที่แล้วที่ฝัน เธอได้แต่ยืนมองแผ่นหลังกว้าง แล้วยิ้มออกมาบางๆ “เรามาขอบใจ ที่เจ้าเพียรร้อยสังวาลย์นี้มาถวายเรา” องค์นครายังคงยืนหันหลังแล้วกล่าวออกมา เมื่อรู้สึกว่าฟ้ามณียืนมองตนเองอยู่ ฟ้ามณีคงยังไม่พูดอะไร ปล่อยให้มีแต่เพียงความเงียบที่ปกคลุมบรรยากาศเพียงเท่านั้น “เหตุใดครานี้ เจ้าจึงเงียบ”องค์นคราอดถามออกมาอย่างแปลกใจไม่ได้ ที่เห็นฟ้ามณีเงียบผิดปกติ “เจ้าเงียบอย่างนี้ เจ้าไม่สงสัยอะไรแล้วหรือ” ยังคงเป็นองค์นคราที่ถามออกมาต่อ อย่างปลกใจ ฟ้ามณียังคงยืนเงียบพร้อมกับแอบหัวเราะเบาๆ องค์นคราได้แต่ยืนขมวดคิ้ว ก่อนที่พระองค์จะค่อยๆหันมา แต่ทว่า เมื่อพระองค์หันหน้ามา ฟ้ามณีกลับยืนหันหลังให้พระองค์เสียแล้ว “เหตุใด เจ้าจึงยืนหันหลัง” องค์นครายังคงถามต่อ “แล้วทำไม ฟ้าต้องหันหน้าไปหาคนที่เอาแต่หันหลังให้ฟ้าละ มันไม่ยุติธรรมเอาสะเลย” ฟ้ามณีตอบกลับองค์นครา ออกมาบ้าง องค์นครา อึ้งไปกับการกระทำของฟ้ามณี พระองค์รู้มาตลอด ว่านางดื้อรั้นและเอาแต่ใจ แต่พระองค์ไม่คิดว่า ฟ้ามณีจะตอบกลับพระองค์เช่นนี้ ทำเอาองค์นคราไปไม่เป็นเลย “ที่ลากฟ้ามาในความฝัน แค่จะมากบอกขอบคุณเหรอคะ” ฟ้ามณีถามออกมาบ้าง “ใช่เราอยากขอบคุณเจ้า” องค์นคราบอกออกมาแล้วยิ้มบางๆ “บอกพ่อครูก็ได้นี่คะ ไม่เห็นต้องมาเข้าฝันเลย” “เราไม่อยากรบกวนคนอื่น” “แล้วที่เข้าฝันแบบนี้ ไม่รบกวนเหรอคะ” “เรานึกว่าเจ้าอยากเจอเรา เลยมาให้เจอในความฝันนี่ไง” “มาทำไมคะ มาให้เห็นแต่แผ่นหลัง ไม่ต่างอะไรจากฝากพ่อครูบอกเลย” “ต่างสิ อย่างน้อย เจ้าก็ได้รู้ ว่าเรารับรู้และรับของ ของเจ้าแล้ว” องค์นครา บอกออกมาอย่างไม่เข้าใจ ในท่าทีของฟ้ามณีที่ดู ไม่สนใจพระองค์เลย ในวันนี้ “อย่างนั้นเหรอคะ แล้วเหตุผลอะไร ท่านจึงหวงเหตุการณ์ในอดีต ไม่ให้ฟ้ารู้ ในเมื่อมันก็เป็นเรื่องของฟ้าเหมือนกัน พระองค์มีสิทธิ์อะไรกัน” ฟ้ามณีถามองค์นครา รัวออกมาเป็นชุด “เรื่องราวบางอย่าง ไม่รู้เป็นดีที่สุด” องค์นคราบอกออกมาด้วยน้ำเสียงบางๆ “งั้นเหรอคะ แล้วที่รู้ว่ามีพระองค์คุ้มครองอยู่ ในตอนนี้ แล้วที่รู้ไปแล้ว พระองค์จะตอบย่างไร” ฟ้ามณียังคงรัวคำถามโดยที่ไม่หันหน้ามามอง “เราเถียงสู้เจ้าไม่เคยจะชนะหรอก เราก็หันหน้าหาเจ้าแล้วนี่ไง ใยเจ้าไม่หันมามอง ตามที่อยากรู้เล่า” องค์นครบอกออกมาอย่างอ่อนใจ ไม่รู้จะเถียงฟ้ามณีเช่นไร และดูเหมือนวันนี้ ฟ้ามณีดื้อรั้นยิ่งนัก “ไม่หัน ฟ้าไม่อยากหัน พระองค์ยังยืนหันหลังให้ฟ้าได้เลย แล้วทำไมฟ้าจะหันหาพระองค์ ไม่อยากเห็นหน้า ก็ไม่ต้องเห็นสิ ฟ้าจะตื่นแล้ว” สิ้นเสียงของฟ้ามณี เธอเองก็ตื่นตามที่จิตเธอตั้งหมั่น “หึ ให้มันรู้ไป ว่าใครจะประสาทเสียกว่ากัน” ฟ้ามณีลุกขึ้นนั่งพึมพำ พร้อมมองนาฬิกาปรากฎเวลา 00:35 น “หึปลุกกลางดึกอีกแล้ว ได้ขอบตาดำพอดี” ฟ้ามณีหันหน้าไปบ่นที่ข้างเตียง ซึ้งองค์นครานั่งมองเธออยู่ตรงนั้นพอดี จนพระองค์เริ่มไม่แน่ใจ ว่าฟ้ามณีเห็นพระองค์หรือเปล่า จนกระทั่งฟ้ามณีล้มตัวลงนอนต่อ พระองค์จึงแน่ใจ ว่าเธอไม่ได้เห็นพระองค์ เรือนพ่อครู พ่อครูที่นั่งสมาธิในห้องทำพิธีลืมตาขึ้นมามององค์นคร เบื้องหน้า “พระองค์มีสิ่งใด” พ่อครูถามออกมาอย่างแปลกใจ “เราไม่แน่ใจ ว่าฟ้ามณีจำเหตุการณ์ได้หรือไม่” องค์นคราบอกออกมากับพ่อครู “เหตุใดพระองค์ถึงกล่าวเช่นนั้น” พ่อครูถามอย่างแปลกใจ “วันนี้ในฝัน นางดื้อรัน และแสนงอล ยิ่งนัก” องค์นคราบอกออกมาพร้อมกับมีรอยยิ้มออกมาบางๆ เมื่อนึกถึงท่าทางดื้อรั้นและแสนงอลของฟ้ามณีอย่างเอ็นดู “แล้วพระองค์จะเอาอย่างไงต่อ นี้ข้าเดา พรุ้งนี้นั่งหนูก็คงต้องมาหาคำตอบอีกเป็นแน่” พ่อครูถามองค์นครา “พรุ้งเล่าแค่ว่านางเป็นใคร เป็นบุตรของใครไปก่อน ยังไม่ต้องเล่าว่านางเป็นอะไรกับเรา” องค์นคราบอกออกมาแล้วยิ้มที่มุมปาก “ถ้าพระองค์จะเข้าฝัน ไม่พัก นางคงจำได้เองสักวัน” พ่อครูแซวออกมาอย่างรู้ทัน “ไม่หรอก นางคงไม่ได้จำได้ง่ายขนาดนั้น นางบอกว่าจะลองเล่นสนุกกับเรา เราก็จะเล่นเป็นเพื่อนของนาง” องค์นคราบอกออกมาแล้วยิ้มกว้าง เมื่อนึกถึงคำพูดของฟ้ามณี ที่พูดออกมาที่ร้านหมูกะทะ “ถ้าพระองค์มิทรงเหนื่อย และปวดหัว ก็ตามพระทัยเถิด ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตัดอะไรก็ตัดง่าย อันตัดสายใยแห่งความเอ็นดูและอาทร ในความรัก มันช่างตัดอย่างเหลือเกิน” พ่อครูบอกกับองค์นครา อย่างเข้าใจ “เราไม่มีวันตัดใจ รายินดีที่จะรักนางตลอดไป รักโดยไม่หวังสิ่งใดๆกลับคืน” องค์นคราบอกออกมากับพ่อครูเพียงเท่านั้นแล้วหายตัวกลับไปยังหอพักของฟ้ามณีต่อ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD