“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” มนตราขยับเข้ามาใกล้ธนัส และถามไถ่อย่างอยากที่จะถาม ที่ผ่านเขาเพียงแต่เฝ้ามองเพื่อนต่างเผ่าพันธุ์ผู้นี้อย่างคิดถึง แต่ไม่สามารถปรากฎกายพบเจอได้ แต่ว่าวันนี้โชคดีเหลือเกิน ที่องค์นคราอนุญาตให้ปรากฎกาย ถามสารทุกข์สุขดิบของเพื่อนได้
“มนตรา” ธนัส ขานเรียกชื่อเพื่อนต่างเผ่าพันธ์ ในภพขององค์นคราออกมาอย่างจำได้และดีใจ
“ผมสบายดี แล้วคุณละ” ธนัสถามเพื่อนออกมาพร้อมมองหา ไม่นานนิลภัทรก็ปรากฎกายพร้อมกับส่งยิ้ม
“ดีใจ ที่ผมได้เจอพวกคุณอีกครั้ง” ธนัสบอกออกมาตามความู้สึกของเขาในตอนนี้
“พวกเราก็ดีใจ พวกเราเฝ้ามองเจ้าทุกชาติภพ แต่ครั้งนี้เราไปพบหน้ากันอีกคราแล้ว พวกเราดีใจยิ่งนัก” มนตราบอกออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“ขอบคุณนะ ที่ไม่เคยทิ้งเพื่อนไปไหน” ธนัสบอกออกมากับมนตรา ด้วยความปิติในหัวใจ
“เจ้านั้นทำหน้าที่ตามสัจจะวาจาได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าพบใดชาติใด การเสียสละขององค์นครา และเจ้านั้นไม่สูญเปล่าเลย” มนตราบอกออกมาอย่างภูมิใจ ในตัวเพื่อนรัก
“ใช่ แม้ยามเจ้าเป็นมนุษย์ ในยามกำศึก เจ้าก็องค์อาจงดงาม สมกับเป็นทหารคู่พระทัยขององค์นครามาแต่เก่าก่อน พวกเราเฝ้ามองดูเจ้าอย่างภาคภูมิใจ”นิลภัทร กล่าวออกมาอย่างชื่นชม เพื่อนต่างเผ่าพงษ์พันธุ์ ที่ในคราแรกที่พบ เขานั้นยังไม่ไว้ใจมากนัก ด้วยอินทุมาในกาลนั้น นั่นคือครุฑ แต่ทว่าบัดนี้กาลเวลาผ่านมาเนินนาน ได้พิสูจน์แล้วว่า อินทุมาลาก็ซื่อสัตย์และจงรักภัคดี ต่อเจ้านายมิน้อยละด้อยไปกว่าผู้ใด
“ผมขอบคุณพวกคุณนะ ที่ยังนึกถึงกัน และผมก็เชื่อว่าในยามที่ผมนั้นพบเจอปัญหาและอุปสรรค์ มีองค์นคราและพวกคุณทั้งสองค่อยช่วยเหลือผมอยู่เสมอใช่ไหม” ธนัส ถามออกมาอย่างมั่นใจ
“ใช่แล้ว พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งผู้ใด บริวารของพระองค์ หากพระองค์นั้นได้พบเจอ พระองค์นั้นล้วนดูแลทั้งสิ้น” มนตรา กล่าวถึงเจ้านายอย่างภาคภูมิใจ
“พี่ธนัส คุยกับพี่ๆให้หนำใจเลยนะคะ ฟ้าเห็นพี่เขายืนข้างๆพี่ธนัส ตอนมารอรับฟ้าเลิกเรียนด้วยนะคะ มิตรภาพของเพื่อน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ภพชาติ มันยังงดงามเสมอ” ฟ้ามณีบอกออกมาพร้อมกับยิ้มให้ทหารคู่พระทัยขององค์นคราทั้งสาม
“พระแม่เ.”
“บอกให้เรียกว่ายังไงนะคะ” ยังไม่ทันที่มนตราจะพูดจบ ฟ้ามณีก็รีบขัด
“เออ น้องฟ้า เห็นด้วยเหรอครับ” มนตรา เปลี่ยนสรรพนาม แล้วถามออกมา
“ค่ะ เห็นทั้งหมด” ฟ้ามณีบอกออกมาแล้วหันหน้ามายิ้มให้องค์นครา ที่ยังคงประทับยืนอยู่ทางด้านซ้ายของเธอเช่นเดิม
“ไม่คิดไม่ฝันเลยนะคะ ว่าคนเราจะมีอดีตที่ซับซ้อน พันกันไปมาอยู่อย่างนี้ แล้วก็ไม่เคยคิดเลย ว่าจะมารู้อดีตของตัวเองแบบ Full HD ขนาดนี้ ”เนยกรอบบอกออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองนั้นเผชิญอยู่
“นั่นนะสิ” น้ำมนต์เห็นด้วยกับเพื่อน
“ยังมีอีก 1 สิ่งที่เราเห็นนะน้ำมนต์” ฟ้ามณีบอกออกมากับเพื่อนรัก
“อะไรเหรอ ดวงมณี ” น้ำมนต์ถามอกมาแล้วตั้งใจฟัง
“เดือนหน้า เธอต้องเป็นพ่อครูแล้วละ” ฟ้ามณีบอกออกมาแล้วมองหน้าพ่อครูนพพร บิดาของน้ำมนต์
“หมายความว่ายังไง แล้วพ่อครูละ” น้ำมนต์ถามออกมาอย่างตกใจ
“พ่อครูจะยังคงเป็นพ่อครู แต่ว่าน้ำมนต์ต้องมาเป็นพ่อครูด้วยแล้ว เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากพ่อครูนพพร ถึงเวลาแล้ว” ฟ้ามณีตอบข้อสงสัยของเพื่อน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นั่งหนู เอ็งนี่มันแน่จริงๆ” พ่อครูบอกออกมาอย่างชอบใจ เพราะท่านเองก็หาเวลาจะบอกบุตรชายในเรื่องนี้อยู่ แต่ไม่มีจังหวะสักที
“ฟ้า แกรู้ทั้งอดีตและอนาคตของทุกคนเลยเหรอ” เนยกรอบถามออกมาอย่างอัศจรรย์ใจ
“ไม่หรอก เรารู้เท่าที่มีภาพให้เห็น มีเสียงให้ได้ยิน เราไม่ได้ฝึกบำเพ็ญเพียร เรากำหนดไม่ได้ว่าจะเห็นอดีตหรืออนาคตของใครตอนไหน เราบอกได้เท่าที่เห็นและได้ยินเท่านั้นแหละ” ฟ้ามณีบอกเนยกรอบออกมาตามตรง
“แต่เราว่าถ้าดวงมณีผ่านการฝึกก็คงรู้ทุกอย่างเหมือนพ่อครูแน่ๆเลย ใช่ไหมครับพ่อครู”น้ำมนต์บอกออกมาแล้วหันมาถามบิดา
“ใช่แล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พ่อครูตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
“เรื่องเหลือเชื่อ แต่มันเป็นไปแล้ว ถ้าไม่เห็นกับตา หรือได้ยินกับหู ใครมันจะไปเชื่อ”เนยกรอบบอกออกมาพร้อมกับมองไปที่องค์นครา มนตรา นิลภัทร และพี่ธนัส อย่างอึ้งไปกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
“นั่งหนูเอ้ย แล้วเรื่องมันเป็นมาเช่นนี้ แล้วเอ็งจะทำเช่นไร” พ่อครูถามฟ้ามณีอย่างเป็นห่วง
“อดีต คือสิ่งที่เราสามารถรู้ได้จ๊ะพ่อครู แต่เราไม่สามารถ เอาตัวเราไปยึดอัตตาว่าเรานั้นเป็นใครในอดีต สินภพจบชาติไปแล้ว เราก็คือตัวเราในปัจจุบันนี้แหละ อดีตที่มันผ่านมาแล้ว มันไม่สามารถกลับไปแก้ไข หรือทำอะไรได้ทั้งนั้น ตัวเราเองต้องอยู่กับปัจจุบัน”ฟ้ามณีบอกออกมาอย่างเข้าใจในกฎธรรมชาติ ที่มันหมุนและเวียนเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้ และไม่มีสิ่งใดเป็นของเราแน่นอน
และนี่คือสิ่งที่องค์นคราปรารถนาให้เป็นไป แต่ทว่าเมื่อพระองค์ได้ฟังเช่นนี้ กลับปวดหนึบที่หัวใจรอนๆ ราวกับว่ามันจะขาดออกมา ณ เวลานี้แล้ว