บทที่ 8 ภพชาติในสมัยอยุธยา

1120 Words
“คือยังไงจ๊ะ ช่วยขยายความหน่อย” ฟ้ามณีหลงกลการประวิงเวลาของพ่อครู เอ่ยถามออกมา “ครั้งนึงเมื่อสมัยอยุธา นั่งหนูเคยเกิดเป็นลูกของคหบดีผู้มั่งคั่ง ในสมัยนั้น พ่อของนั่งหนูเป็นพ่อค้าที่ัมั่งคั่งร่ำรวย ถึงพ่อของนั่งหนูในสมัยนั้นจะมีลูกและภิริยามากมาย ตามความมั่งคั่ง แต่นั่งหนูคือลูกสาวเพียงคนเดียวที่เกิดจากเมียเอก ที่เป็นที่เชิดหน้าชูตา เป็นคุณหนูเพียงคนเดียวของบ้าน ที่นั่งกลางใจบ่าวในเรือนทุกคน นั่งหนูมีชื่อในชาติภพนั้นว่า มนทิรา ด้วยความที่ผิวพรรรหน้าตางดงาม ซ้ำยังเป็นบุตรสาวของคหบดีผู้มั่งคั่ง จึงเป็นที่โจทย์ขานเลื่องลือ และเป็นที่หมายปองแก่บุรุษ มากมาย คุณหนูมนทิรานี้ มักปรากฎกาย ในตลาดด้วยสไบแดงขลิบทองอันเป็นสีที่นางโปรด จนผู้คนเรียกขานอีกนามนึงคือแม่หญิงสไบแดง อยู่มาวันนึงมีทหารชั้นแม่ทัพ มาถึงเรือน เพื่อหารือกับท่านคหบดี เพื่อต้องการให้ส่งข้าวสารและเนื้อแห้งในกองทัพในยามกำศึก พบปะเข้ากับคุณหนูในเรือนของที่นี่ ที่กำลังจัดของว่างตอนรับมาให้แขกผู้มาเยือน ด้วยเพราะเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของภิริยาเอกของเรือน การอบรมกิริยามารยาท จึงถูกสั่งสอนมาอย่างดี ท่านแม่ทัพผู้นั้นเมื่อพบกับแม่หญิงสไบแดงตามคำร่ำลือ ก็มีใจหลงรักนางตั้งแต่แรกพบ” “แม่หนูมนทิรา มานี่สิลูก” เสียงท่านคหบดี ผู้ที่รักบุตรสาวดั่งแก้วตาดวงใจ เรียกเมื่อเห็นบุตรสาวที่กำชับบ่าวไพร่ยกของว่างมาตอนรับท่านแม่ทัพ คุณหนู มนทิรา เดินมาหาบิดาแล้วนั่งลงเคียงข้างพร้อมส่งยิ้มให้บิดาอย่างสดใส “นี่ท่านแม่ทัพ ชัยสิทธิ์ ไหว้พี่เขาไว้ ทำความรู้จักกัน” “ฉันไหว้จ๊ะ” แม่หญิงมนทิรา ยกมือไหว้แม่ทัพที่นั่งอยู่เบื้องหน้า ตามคำบอกของบิดาพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส แม่ทัพชัยสิทธิ์ รับไหว พร้อมร้อยยิ้มไม่ได้พูดอะไร มีเพียงสายตาของเขาที่พูดแทนใจไปหมดแล้วทั้งสิ้น “ลูกขอตัวไปดูงานกับคุณแม่ก่อนนะจ๊ะ” แม่หญิงมนทิรา บอกกับบิดา พร้อมกับไหว้ลาท่านแม่ทัพ แล้วลุกไป ด้วยสายตาของท่านแม่ทัพผู้นี้ที่มองมายังเธอ ทำให้เธอนั้นร้อนวูบวาบ อย่างบอกไม่ถูก “พ่อครู อย่าบอกนะจ๊ะ ว่าแม่ทัพ ชัยสิทธิ์นี้ ก็คือพี่ธนัส ”เนยกรอบถามออกมาเมื่อพ่อครูหยุดพูด “ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอ็งคิดถูกแล้ว” พ่อครูบอกออกมาอย่างอารมณ์ดี “คนเรา มันจะตามมาครองคู่ข้ามภพกันเลยเหรอครับ เหลือเชื่อมากๆ” น้ำมนต์บอกออกมาบ้าง “มันก็ไม่เสมอไปหรอก แต่กรณีนั่งหนูฟ้ามณี ถือเป็นกรณีพิเศษ” พ่อครูบอกออกมาพร้อมร้อยยิ้ม “แล้วมันจะเป็นยังไงต่อเหรอครับพ่อครู” ธนัส ถามออกมาบ้างอย่างอยากที่จะรู้ เรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อนี้ มันเหลือเชื่อ แต่ทว่าในใจของธนัส เชื่อไปหมดสิ้นแล้วโดยไม่มีคำคัดค้านใดๆในใจ “หลังจากนั้น ท่านแม่ทัพชัยสิทธิ์ ก็ไปหามาสู่ บ้านคหบดี ผู้นี้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะยามมีศึกสงคราม ยามน้ำหลาก ยามฤดูฝน หรือยามศึกสงบ ไปมาหาสู่เพราะมีใจให้แก่ แม่หญิงมนทิรา ส่วนแม่หญิงมนทิราก็ไม่ได้ปฏิเสธไมตรี กลับดีเสียอีก มีผู้มาพาขี่ม้าเที่ยวเล่น ความเหมาะสมกันของสองคนนี้ เป็นที่เลื่องลือกันไปทั่ว และความโชคดี ของแม่นางน้อยหยาดมณี ที่ไม่ว่าจะเกิดภพใดชาติใด จะไม่มีปัญหาเรื่องความรัก หรือคนรักนั้นมีมากเมีย เพราะคนที่จะได้ครองรักกับแม่นางน้อยหยาดมณี ได้ถูกคัดสรรเอาไว้แล้ว”พ่อครูบอกออกมาตามที่ตนได้เห็นในนิมิตมิติ “แสดงว่า ชาตินี้ในอยุธยา องค์นคราท่านก็อยู่แล้วใช่ไหมจ๊ะพ่อครู”ฟ้ามณีถามออกมาอย่างจับสังเกตุในคำพูดของพ่อครู “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ท่านไม่เคยห่างไปไหนเลยนั่งหนูเอ้ย” พ่อครูหัวเราะดังลั่นแล้วบอกออมา “ตามคุ้มครองเราสองคนมาทุกชาติเลยเหรอครับ” เป็นธนัสที่ถามออกมาบ้าง “จะว่าอย่างนั้นก็ได้ เพราะพ่อหนุ่มเป็นคนของท่าน” พ่อครูไขข้อสงสัยให้ธนัส “แล้วมันจะไปจบที่ตรงไหนจ๊ะพ่อครู ” เนยกรอบถามอกมาอย่างอยากรู้เรื่องราวข้ามภพข้ามชาตินี้ “แม่ทัพชัยสิทธิ์ ได้ขอหมั่นหมายกับ แม่หญิงมนทิรา โดยที่ท่านคหบดี ก็เต็มใจ แต่เคราะห์ร้าย ถึงแม่ทัพชัยสิทธิ์จะเก่งเพียงใด ก็ต้องมีพลาดเข้าสักวัน” “น้องหญิง พี่จักไปรบแล้วหนา หากพี่กลับมาจากรบ เราจะแต่งงานกัน” เสียงแม่ทัพชัยสิทธิ์ เอื้อนเอ่ยบอกนางอันเป็นที่รัก “ขอท่านพี่จงปลอดภัย และมีชัยกลับมา น้องจะรอนะเจ้าคะ” แม่หญิงมนทิกา กล่าวลา และให้แหวนของนางไว้ดูต่างหน้า ท่านแม่ทัพชัยสิทธิ์สวมแหวนของน้องหญิงมนทิรา ได้เพียงนิ้วก้อย เพราะนิ้วของน้องหญิงมนทิราเล็กกว่าตนเองยิ่งนัก แต่ถึงกระนั้นท่านแม่ทัพก็สวมไว้ไม่ห่างกาย แม่ทัพชัยสิทธิ์ขี่ม้าจากไปจนลับสายตาของแม่หญิงมนทิรา จากวันเลื่อนไปเป็นเดือน และก็ผ่านไปหลายเดือน ข่าวของแม่ทัพชัยสิทธิ์ ก็มาถึงหูของแม่หญิงมนทิรา ชาวอยุธยาเราสามารถป้องกันบ้านเมืองเอาไว้ได้ แต่ท่านแม่ทัพชัยสิทธิ์ สละชีพเสียชีวิตในสนามรบ แม่หญิงมนทิรา ล้มทั้งยืน ถามว่าแม่หญิงมนทิราเสียใจไหม นางนั้นเสียใจมาก แต่ก็มีความภูมิใจในตัวคนรัก ที่หลั่งเลือดทาแผ่นดิน ปกป้องผืนแผ่นดินเอาไว้ให้คนรุ่นหลัง หลังจากนั้นแม่หญิงมนทิราก็ถูกหมายปองจากหนุ่มมากมาย แต่นางยืนการกับท่านพ่อ ขออยู่ครองตนเป็นโสด และมีเพียงรักเดียวจนสิ้นอายุไข หลังจากนั่นก็มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น หากมีใครปองร้ายหรือย่องเข้าเรือนเพื่อจะลักขโมย ล้วนโดนงูสีดำกัดตายทั้งสิ้น แต่หากยามไม่มีเหตุการณ์ร้ายใดๆ แม้แต่งูหรือสัตว์มีพิษสักตัวก็ไม่มีปรากฎให้เห็นในเรือนของแม่หญิงมนทิราเลย จนท่านสิ้นอายุไข
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD