สิริราชจันทรา

บทที่ 7 ประวิงเวลา

หลังจากฟ้ามณีและธนัสซื้อดอกไม้ที่ปากคลองตลาดเสร็จก็รีบขับรถมาที่บ้านของน้ำมนต์ทันที โดยมื้อเช้านี้แม่ของน้ำมนต์ทำข้าวต้มหมูสับรับรองเพื่อนสนิทของลูกชาย เมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว ฟ้ามณีก็กุลีกุจอนั่งร้อยดอกมะลิสลับกับกลีบกุหลาบสีแดงเป็นช่วงๆ คราวนี้เธอตั้งใจร้อยเป็นสังวาลย์คล้องตัวเพื่อฝากพ่อครูถวายองค์นครา

“สวยมาก ยัยฟ้า ฉันไม่รู้มาก่อนเลย ว่าแกร้อยพวงมาลัยอะไรพวกนี้ได้ด้วย” เนยกรอบบอกออกมาหลังจากนั่งมองเพื่อนมาสักระยะนึงแล้ว

“ดวงมณีฝีมือดีมาก คนไม่เคยเรียนร้อยพวงมาลัยร้อยได้ขนาดนี้ พรสวรรค์จริงๆเลย” น้ำมนต์เอ่ยชมเพื่อนรักออกมาอย่างชื่นชมในความสามารถ

“สวยมากจริงๆ น้องฟ้าอาจจะเคยร้อยพวงมาลัยมาแล้วในชาติใดชาติหนึ่ง ความสามารถถึงติดตัวมา” ธนัส บอกออกมาตามความรู้สึกของเขาที่อยู่ๆมันเหมือนเห็นภาพซ้อน ว่าเคยเห็นฟ้ามณีนนั่งร้อยพวงมาลัยมาแล้ว แต่ในตอนนั้นเห็นเธอใส่สไบสีแดงขลิบทอง

ฟ้ามณียิ้มสดใสให้กับทุกคน ไม่มีคำตอบใดๆ มือของเธอก็บรรจงผูกเชื่อมดอกไม้ที่ร้อยเป็นท่อนๆ ให้เป็นสังวาลย์สวมขนาดใหญ่ ที่สามารถคล้องสวมกายของผู้ชายร่างกำยำในฝันของเธอได้ มือของเธอผูกต่อท่อนดอกไม้นั้นๆ ท่อนแล้วท่อนเล่า ด้วยความรู้สึกสุขใจ ในที่สุดก็ปรากฎสังวาลย์ที่งดงามเส้นใหญ่ที่ร้อยด้วยดอกมะลิ และกลีบกุหลาบสังวาลย์เส้นนี้ช่างงดงามและหอมอบอวลยิ่งนัก

“เรียบร้อย เราขึ้นไปหาพ่อครู ข้างบนกัน” ฟ้ามณีบอกออกมากับทุกคน พร้อมกับมองสังวาลย์ดอกไม้ในมือนี้อย่างภาคภูมิใจ

“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ร้อยเสร็จแล้วรึนังหนู” พ่อครูเอ่ยทักออกมาเมื่อเห็นทุกคนเดินเข้ามาหาตนเองภายในห้องที่มีหิ้งพระและเศียรครูตั้งมากมาย ห้องนี้มีมนต์ขลังตั้งแต่ไหนแต่ไร ใครที่ได้ย่างกรายเข้ามาในห้องนี้ ล้วนปิติใจในพลังงานที่ดีทั้งสิ้น

“จ๊ะพ่อครู ”ฟ้ามณีบอกออกมาพร้อมยกพานครูอธิษฐาน

“ข้าพเจ้า นาสาวนราวดี พิมพ์พิมนต์จันทรา อายุ 21 ปี ขออธิษฐานจิต นอบน้อมต่อสิ่งศักดิ์ เทวดา ครูบาอาจารย์ และท่านทั้งหลายที่ปกปักษ์อารักษ์ ข้อทราบความเป็นมาของบุญสัมพันธ์เรื่องราวในอดีต ของข้าพเจ้าเองและองค์นครา พญนาคชั้นราชากษัตริย์ ที่เคยมีร่วมกันมาในอดีต ทั้งนี้ หากเหตุการณ์จักเป็นไปเช่นไร ข้าพเจ้าเองเต็มใจรับรู้ทั้งสิ้น จะไม่ข้อผูกใจและยึดติดต่อเรื่องราวในอดีต เพียงแค่ข้าพเจ้านั้นอยากทราบภูมิหลังของตนเอง เพื่อบูชาครูอาจารย์ ผู้ปกปักษ์และอารักษ์ ได้อย่างถูกต้องเพียงเท่านั้น”ฟ้ามณีอธิษฐาน แล้วยกพานวางให้พ่อครู พร้อมกับยกอีกพาน ที่มีสังวาลย์ดอกไม้วางอยู่ฝากให้พ่อครูถวายองค์นครา เธอมีบางอย่างที่จำได้ในใจ หลังจากฝันเมื่อคืน เพียงแค่เธอนั้นยังไม่อยากพูดออกมา เพราะอยากให้รู้และมั่นใจเสียก่อน

“ผมขออธิษฐาน ให้เปิดทุกย่างตามที่น้องฟ้านั้นอยากรู้ หากมีเรื่องใดเกี่ยวข้องมาถึงผม ผมยินดีเปิดให้ได้รับรู้” ธนัส พูดออกมาแล้วยกพานครู วางไว้ให้พ่อครู ความรู้สึกของเขาที่เขานั้นรู้สึกในตอนนี้ เสมือนว่าเขานั้นมีหน้าที่ต้องมาดูแลฟ้ามณีเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นอะไรที่น้องต้องการ เขายินดีช่วยให้สำเร็จทั้งสิ้น

พ่อครูรับพานไหว้ครูจากคนทั้งคู่แล้วมีสีหน้าลำบากใจอยู่ไม่น้อย พ่อครูมองไปที่องค์นคราที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากฟ้ามณี แล้วทำการสนทนาผ่านจิตกับองค์นคราเช่นครั้งก่อน

“เมื่อแม่หนู และพ่อหนุ่มนี่ อธิษฐานเช่นนี้ พระองค์จะให้ข้าทำเช่นไร” พ่อครูถามออกมาอย่างเกรงใจ เพราะองค์นคราท่านบอกไว้ในคราวก่อน ว่าควรพูดเท่าที่ฟ้ามณีควรรู้เท่านั้น ไม่ได้ให้พูดทั้งหมด

“เราไม่ได้ลบความทรงจำของอินทุมาลา ไม่แปลกหากเขาจะจดจำเรื่องราวที่ถูกฝังลึกภายในจิตใจนั้นได้ แต่กับน้องหญิงเราลบไปแล้ว แต่ที่นางอธิษฐานเมื่อครู่ เราเริ่มสงสัย ว่านางต้องจำบางอย่างได้เป็นแน่” องค์นคราบอกออกมากับพ่อครู

“ก็แน่ละสิท่าน ท่านลบความจำ แต่ท่านเข้าฝันไม่พักเลย นั่งหนู ที่มีจิตผูกพันธ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คงรื้อฝื้นความจำได้ไม่ยากเท่าไหร่” พ่อครูอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาตามตรง

“เราเองที่หักห้ามใจไม่ได้ เราเพียงแค่อยากขอบคุณนาง เราคิดว่ามิให้นางเห็นหน้าคงไม่เป็นไร”

“โถ่ พระองค์ คำว่าผัวเมีย ที่เคยร่วมเรียงเคียงคู่กันมาก่อน เห็นแค่เพียงปลายผม ยังจำได้เลย”พ่อครูบอกออกมาแล้วขำออกมาเบาๆ

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าประวิงเวลาเรื่องของนางไปก่อน เราขอไปพิสูจน์ในคืนนี้ก่อน ว่านางจำได้หรือไม่” องค์นคราบอกพ่อครู อย่างมีบางอย่างในใจ

“ไหนแม่หนู มีอะไร ” พ่อครูเมื่อสนทนาผ่านจิตกับองค์นคราเสร็จ ก็หันมาถามฟ้ามณี

“ฟ้าแค่อยากฟังอดีตของพี่ธนัสต่อ แล้วก็ฟ้าอยากรู้อดีตของฟ้าด้วยจ๊ะพ่อครู” ฟ้ามณีบอกออกมาตามตรง

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า อดีตของคนเรามีหลายภพหลายชาติ นั่งหนู เอ็งอยากรู้ทุกชาติเลยไหม” พ่อครูถามออกมาอย่างติดตลก

“หมายความว่ายังไงจ๊ะพ่อครู”น้ำมนต์ถามออกมาอย่างสงสัย

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าหมายความว่า มีอยู่ชาตินึงที่นั่งหนูฟ้ามณี เคยเกิดในสมัยอยุธยานะสิ” พ่อครูไม่ได้โกหก แต่ท่านเลือกที่จะหยิบอดีตในชาติที่ฟ้ามณีเกิดในสมัยอยุธยา มาเล่าให้ฟังก่อน ตามที่องค์นคราให้ประวิงเวลา

ฟ้ามณีถึงกับขมวดคิ้วไปกับชุดข้อมูลความรู้ ที่ได้รับเข้ามาใหม่ ภพของพญานาคเธอเองยังไม่แน่ชัดเลย แล้วนี่มีภพสมัยอยุธยาอีกด้วย