สองทุ่มกว่าแล้ว อาหารก็ตั้งโต๊ะจนเย็นแล้วเย็นอีก แต่ทำไมหลานสาวของเขาถึงยังไม่กลับมา อุดมเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข ผุดลุกผุดนั่งด้วยความเป็นกังวล เพราะปกติแล้วเธอไม่เคยกลับผิดเวลา แต่ถ้าวันไหนจะกลับช้า เธอก็จะบอกให้รู้หรือโทรมาบอกทุกครั้ง
“เดี๋ยวนี้หนูหยินกลับดึกแบบนี้ทุกวันเลยเหรอครับ” ชายหนุ่มที่นั่งกดไอแพดอยู่บนโต๊ะรับแขกแสร้งถามอย่างใจเย็น ทั้ง ๆ ที่ในใจนั้นก็กระวนกระวายด้วยความเป็นห่วงเธอไม่น้อย
เขารู้ว่าเธอจบปริญญาโทด้วยคะแนนอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัย ก็ถึงกับทิ้งงานไปหาซื้อของขวัญให้ด้วยตัวเอง และรีบเดินทางข้ามประเทศมาอย่างเร็วที่สุด แล้วผลที่ได้รับเป็นอย่างไร เธอกลับไปเถลไถลอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
“ไม่นะครับ ปกติหยินเขาจะบอกผมทุกครั้งถ้าจะกลับช้า หรือบางทีก็โทรมาบอก แต่วันนี้ทำไมถึงไม่โทรมาก็ไม่รู้” ชายชรารู้สึกถึงความเป็นห่วงเป็นใยในน้ำเสียงที่ราบเรียบนั้น แต่ก็มั่นใจว่าหลานสาวจะต้องมีเหตุผลที่เป็นเช่นนี้ “เดี๋ยวผมโทรไปถามเขาดีกว่า”
“ครับ”
อุดมเดินไปถึงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ ยังไม่ทันได้ยกหูมันก็ส่งเสียงดังขึ้นมาพอดี เขารีบรับสายแล้วกรอกเสียงลงไป
“สวัสดีครับ.. ใช่ครับ ผมเองครับ.. ครับ ๆ คุณตำรวจ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
“เกิดอะไรขึ้นกับหนูหยินครับ” ฟิลลิปเข้ามาประชิดตัวชายชรา ถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“ตำรวจบอกว่าหยินถูกแท็กซี่จะทำมิดีมิร้าย แต่โชคดีที่หนีเอาตัวรอดมาได้ ตอนนี้อยู่ที่โรงพักครับ”
“ไปครับ เดี๋ยวผมพาไป” เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบวิ่งไปหยิบกุญแจรถที่แขวนไว้
“โอ๊ย!”
เวลานั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงร้องดังขึ้นจากทางด้านหลัง จึงหันไปมอง “คุณปู่!” และต้องตกใจซ้ำสอง เมื่อเห็นชายชรานอนหงายหลังอยู่กับพื้น เขารีบวิ่งเข้าไปช่วยประคอง “เป็นยังไงบ้าง ไหวไหม ไปโรงพยาบาลก่อนไหม”
“ผมไม่เป็นไร รีบไปโรงพักกันก่อนดีกว่า ผมเป็นห่วงหลาน” แม้จะรู้สึกเจ็บที่เหนือท้ายทอยอย่างมาก แต่ก็ทนข่มเอาไว้เพราะเป็นห่วงหลานสาวมากกว่า
“แต่สีหน้าของปู่ดูไม่ค่อยดีเลยนะ”
“ผมไม่เป็นอะไรจริง ๆ ก็แค่ตกใจเท่านั้น รีบไปหาหนูหยินกันก่อนเถอะ หรือว่าคุณไม่เป็นห่วงเธอ”
ชายหนุ่มรู้สึกไม่ดีเลย อยากจะพาท่านไปหาหมอก่อน แต่ในเมื่อท่านยืนยันหนักแน่น และเขาก็เป็นห่วงเธอมากเช่นกัน จึงตัดสินใจทำตามที่ท่านต้องการ
สถานีตำรวจ
“ผมเป็นปู่ของปันหยีครับ”
เสียงแนะนำตัวที่คุ้นหู ทำให้หญิงสาวที่อยู่ในอาการหวาดกลัว ที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะสอบปากคำหันไปมอง
“ปู่จ๋า” เธอเรียกหาท่านพร้อมกับวิ่งไปกอดด้วยความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ น้ำตาที่อดกลั้นมานานไหลออกมาด้วยความรู้สึกกลัวที่ยังค้างคาอยู่ภายในใจ
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอครับคุณตำรวจ” ฟิลลิปเห็นน้ำตาและอาการขวัญเสียของหญิงสาว ก็อยากจะปลอบประโลมให้หายหวาดหวั่น แต่เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้นกับเธอได้ จึงหันไปซักถามกับตำรวจคนหนึ่ง และเขม่นไปที่ผู้ชายรุ่น ๆ เดียวกับตน ที่มีบาดแผลฟกช้ำตามใบหน้า เพราะดูน่าสงสัยที่สุด
“จากการสอบปากคำคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างคนนี้ เขาบอกว่าเห็นแท็กซี่คันหนึ่งขับผ่านหน้าไป และเห็นว่าน้องผู้หญิงนั่งมาด้วย แต่แล้วรถแท็กซี่ก็เลี้ยวเข้าไปในซอยเปลี่ยว ก็เลยเอะใจเพราะจำได้ว่าน้องคนนี้ไม่ได้อยู่ซอยนั้น ก็เลยขี่ตามเข้าไปดูเพราะรู้สึกไม่ชอบมาพากล พอไปถึงก็เห็นน้องผู้หญิงกำลังถูกคนขับแท็กซี่ฉุดเข้าไปในบ้านร้าง ก็เลยลงไปช่วยและเกิดการต่อสู้กับคนขับแท็กซี่ จนได้แผลอย่างที่คุณเห็นนี่แหละ”
สายตาของฟิลลิปเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าเขาไม่ใช่คนร้าย “แล้วผู้ต้องหาล่ะ มันอยู่ไหน”
“มันหนีไปได้ ตอนนี้เรากำลังแจ้งสกัดจับอยู่ครับ”
“จับให้ได้นะครับ ผมจะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด”
“เอ่อ ขอโทษนะครับ คุณเป็นอะไรกับน้องผู้หญิงคนนี้ครับ”
“ผมเป็นอะไรกับเธอ มันสำคัญมากกว่าการตามจับคนร้ายเหรอคุณตำรวจ”
“เขาเป็นผู้ปกครองของหนูเองค่ะคุณตำรวจ” ปันหยีรีบชี้แจง เมื่อรู้สึกว่าตำรวจเริ่มมีอาการไม่พอใจคำพูดกระด้างกระเดื่องของฟิลลิป เธออยากจะแนะนำไปว่าเขาคือคุณอาของเธอ แต่เพราะเขาเคยสั่งห้ามเรียกคุณอาเด็ดขาด จึงไม่รู้ว่าจะแนะนำเขาในฐานะอะไรที่ดีไปกว่านี้
ชายหนุ่มเลิกสนใจตำรวจ เมื่อเธอหันมาให้ความสนใจเขาด้วยการมองหน้า พร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า ยิ่งเห็นเธอในสภาพนี้เขาก็ยิ่งบันดาลโทสะ อยากจะลากตัวไอ้แท็กซี่สารเลวนั่นมากระทืบให้จมฝ่าเท้า
“เจ็บมากไหม” เขาถามเธออย่างอ่อนโยน และสุดท้ายก็สุดจะหักห้ามใจเมื่อเห็นน้ำตาเม็ดโตไหลอาบแก้มที่บวมช้ำจากการถูกทำร้าย ดึงเธอเข้ามากอดแนบอกต่อหน้าปู่ของเธอ ลูบหลังเบา ๆ พร้อมกระซิบปลอบใจ
อุดมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่โล่งในหัวอก ความเจ็บปวดที่ศีรษะเริ่มมีมากขึ้น ที่สะโพกก็เริ่มรู้สึกปวดร้าวแปลบ ๆ แต่เขาก็ยังแข็งใจฝืนทน อยู่ทำเรื่องที่สถานีตำรวจจนเสร็จ
“คุณครับ” ระหว่างที่เดินออกจากสถานีตำรวจ ฟิลลิปก็เรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ช่วยเหลือหญิงสาวเอาไว้ “ผมรบกวนขอเบอร์คุณหน่อยได้ไหมครับ ผมอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแท็กซี่คันนั้น”
“ได้สิครับ” คนขี่รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รับปากกาจากชายหนุ่มมาเขียนเบอร์โทรลงบนหลังนามบัตรที่เขายื่นให้
“ขอบคุณมากนะครับ พรุ่งนี้ผมจะโทรไป” บอกกับอีกฝ่ายแล้วโค้งศีรษะเผื่อไปถึงภรรยาท้องแก่ของเขา ที่ตามมาหาสามีถึงที่นี่ด้วยความเป็นห่วง
นอกจากอยากรู้รายละเอียดแล้ว เขายังอยากให้รางวัลแก่อีกฝ่ายด้วย อย่างน้อยพวกเขาจะได้มีเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายเรื่องลูกที่กำลังจะเกิด