8

1132 Words
ปันหยีตกใจกลัวจนหน้าถอดสี เมื่อเห็นท่าทางก้าวร้าวต่ำทรามของญาติสาว ถ้าอีกฝ่ายทำอย่างที่พูดจริง ๆ เธอก็คงไม่มีปัญญาหนีเอาตัวรอดได้แน่ เพราะตอนนี้เท้าเธอเจ็บอยู่ “เรากลับกันก่อนเถอะจ้ะปู่” เธอเขย่าแขนของท่าน ส่งเสียงอ้อนวอนพร้อมกับแววตาหวาดกลัว “มึงอยู่ไหนวะไอ้โย พาพรรคพวกมึงเข้ามาที่บ้านหน่อยสิ” เด็กสาวหวาดกลัวจนน้ำตาไหล เมื่อได้ยินคำพูดของญาติสาวที่พูดผ่านโทรศัพท์มือถือ กัดฟันทนเจ็บ พยุงปู่ที่งก ๆ เงิ่น ๆ ออกจากบ้านญาติอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เท้าจะอำนวย ไซม่อนรีบขยับตัวที่ยืนพิงกับรถไปหาปู่กับหลานสาว ที่พากันเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นพร้อมท่าทางหวาดกลัว.. เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดการโต้เถียงอะไรกันบ้างก่อนหน้าที่จะมาถึง แต่สิ่งที่เขาได้ยินก็เริ่มตั้งแต่ที่หญิงสาวร่างยักษ์ผิวคล้ำ ที่เขาขับรถตามเข้ามาห่าง ๆ ไล่สองคนนี้ออกจากบ้าน พร้อมกับขู่ว่าจะแจ้งตำรวจ และจบลงด้วยการโทรตามสามีของหล่อนให้พาพรรคพวกมาเล่นงาน “คุณอาไซม่อน” เมื่อได้เห็นชายหนุ่ม ร่างกายของเธอก็อ่อนแรงลงไปทันที เธอทรุดลงไปนั่งบนพื้น ไร้เรี่ยวแรงที่จะฝืนให้เข้มแข็งอีกต่อไป น้ำตาไหลรินหนักยิ่งกว่าเดิม เพราะรู้สึกถึงความปลอดภัยในระดับหนึ่ง ชายหนุ่มรีบพาอุดมขึ้นไปนั่งรอในรถ แล้วกลับไปหาเด็กสาว กำลังจะพยุงเธอให้ลุกขึ้นแต่ก็เหลือบไปเห็นเจ้าของบ้านเดินออกมา เขาชะงักไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็เลิกสนใจพวกเธอทั้งสอง “ลุกไหวไหม” “ไหวค่ะ” เธอลุกขึ้นด้วยเท้าข้างที่ไม่เจ็บ แล้วพยายามเดินกะเผลกไปที่รถ ไซม่อนเห็นอาการของเด็กสาวก็รู้ว่าเธอได้รับบาดเจ็บ จึงตัดสินใจอุ้มเธอขึ้นมา แต่ก่อนที่จะจากไปเขาก็ได้หันกลับไปมองแม่ลูกใจร้ายคู่นั้นอีกครั้ง เรื่องนี้ต้องถึงหูเจ้านายของเขา และแน่ใจว่าเขาจะต้องได้กลับมาจัดการกับแม่ลูกคู่นี้แน่ ๆ “มองอะไรวะไอ้ตี๋ อยากมีเรื่องใช่ไหม” แม้จะหวั่นใจกับสายตาและความภูมิฐานของอีกฝ่าย แต่ต่อก็ทำปากดีตะโกนขู่เขาไปเพราะถือว่าที่นี่คือถิ่นของตน “รีบไปกันเถอะค่ะคุณอา หนูกลัว” เด็กสาวในอ้อมแขนเตือนสติชายหนุ่มที่มองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง เพราะเธอกลัวว่าสามีของญาติสาว จะพาพรรคพวกมาถึงก่อนที่จะได้ออกไปจากที่นี่ และกลัวมากที่สุดคือทุกคนจะถูกทำร้ายจริง ๆ ไซม่อนยอมทำตามคำขอร้องของเด็กสาว เขาอุ้มเธอไปที่รถแล้วขับออกไปจากที่นั่น ระหว่างที่กำลังจะออกจากซอยเล็ก ๆ นั้นเอง เขาก็เห็นมอเตอร์ไซค์สามคันขี่เข้ามา พวกมันเจ็ดคนมองมาที่รถของเขาก่อนจะขี่ผ่านไป เขามองที่กระจกมองหลัง ยังเห็นว่าบางคนหันกลับมามองอย่างสงสัย ถึงแม้จะไม่ได้รู้สึกกลัว แต่เมื่อเข้าสู่เส้นทางหลัก เขาก็เหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วมากขึ้น เพราะเป็นห่วงคนที่นั่งอยู่ในรถด้วยกัน กลัวว่าจะปกป้องพวกเขาได้ไม่ดีพอเพราะตัวคนเดียว กรุงเทพฯ คำบอกเล่าจากปากของคนสนิท ทำให้หยางอี้ถึงกับชักสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “จัดการยังไงก็ได้ ให้พวกนั้นกระเด็นออกไปจากที่ดินผืนนั้นให้เร็วที่สุด เอาให้เด็ดขาดไปเลยนะ” “ตกลงครับ ผมจะเดินทางไปที่นั่นพรุ่งนี้เลยนะครับ” “อือ แล้วตอนนี้พวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง” ใจนั้นอยากรู้เรื่องของหลานสาวมากกว่า รู้สึกเป็นห่วงจนอยากจะไปหา ไปดูให้เห็นกับตา แต่ก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้ เพราะเธอยังเด็กนัก เขาเตือนตัวเองว่าไม่ควรทำตัวเลอะเทอะ “ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ เท้าเธอเคล็ดนิดหน่อยเท่านั้น กินยาตามที่หมอจัดให้ อีกสองสามวันก็น่าจะหายเป็นปกติ” “พรุ่งนี้ก่อนเดินทางก็แวะไปดูเธอหน่อย ซื้อของกินของใช้ไปให้พวกเขาด้วยล่ะ เสร็จจากเรื่องนี้แล้วผมมีอีกเรื่องจะคุยกับคุณด้วย” “ได้ครับ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด” เมื่อคุยกันรู้เรื่องแล้วไซม่อนจึงขอตัวลาไปพักผ่อน เพื่อเตรียมตัวเดินทางในวันพรุ่งนี้ วันรุ่งขึ้น ไซม่อนก็พาเอดิสันเดินทางไปทำงานตามคำสั่งของเจ้านาย เริ่มตั้งแต่ซื้อของแวะไปเยี่ยมปู่กับหลานที่บ้านเช่าหลังเก่ามอซอ เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงขับรถมุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบุรี ทำงานของตัวเองอย่างมีแบบแผน และสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีด้วยเวลาเพียงแค่สามวัน หนึ่งอาทิตย์ต่อมาไซม่อนจึงมาเจอกับอุดมอีกครั้ง ที่บริเวณนี้เป็นสวนสาธารณะของหมู่บ้าน “หนูหยินไปโรงเรียนเหรอครับ” เขาพยายามทำตัวสบาย ๆ ด้วยการชวนคุยเรื่องอื่นก่อน คำถามของชายหนุ่มทำให้ชายชราสีหน้าหม่นหมอง ส่ายศีรษะปฏิเสธช้า ๆ “ไม่ได้ไปเรียนหรอกครับ หยินเขาเรียนจบมอสามแล้ว เพิ่งไปรับวุฒิการศึกษามาเมื่อสองวันก่อนนี้เอง” “แล้วเธอไปไหนล่ะครับ” หรือว่าเธอช่วยปู่ทำงานอยู่แถวนี้แต่เขาไม่เห็น เขาจึงมองไปรอบ ๆ “เขาไปหาสมัครงานครับ” คำตอบที่เต็มไปด้วยความเศร้าเจือปน ทำให้ไซม่อนรู้สึกหดหู่ตามไปด้วย นึกถึงเด็กสาวตัวเล็ก ๆ วัยกำลังโตคนนั้น “ยังเด็กแล้วตัวก็เล็กแบบนั้นจะไปทำงานอะไรได้ครับ” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับคุณไซม่อน ผมบอกเขาให้เรียนต่ออีกสักหน่อยเขาก็ไม่ยอม ทั้งหมดนี้คงเป็นเพราะผม ถ้าผมไม่ป่วย ไม่ได้เป็นหนี้มากมายขนาดนี้ หลานของผมก็คงได้เรียนต่อ” น้ำตาแห่งความอัปยศไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ชายชราปาดน้ำตาด้วยแขนเสื้อ เมื่อรู้ว่าไม่ควรทำตัวอ่อนแอให้คนอื่นเห็น “ถ้าผมมีข้อเสนอมาให้ปู่ ปู่จะรับเอาไว้ไหมครับ” ไซม่อนเริ่มดึงเข้าเรื่อง แต่เมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่าย เขาก็รีบโบกมือปฏิเสธความเข้าใจผิดนั้น “อย่ามองผมแบบนั้นสิครับปู่ ฟังผมพูดให้จบก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD