นับจากวันที่เธอไปดูแลวายุที่ห้องแล้วโดนไล่ชายหนุ่มก็ไม่ได้เข้ามาที่บริษัทอีกเลยเวลามีเอกสารด่วนอะไรเธอก็จะโทรหานพคุณและบอดีการ์ดหนุ่มก็จะส่งคนมารับเอกสารทุกครั้ง หรือไม่บางทีเขาก็จะโทรมาบอกว่าจะเข้ามารับเอกสารให้เธอจัดเตรียมเอาไว้ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันเธอจะได้ทำงานอย่างสบายใจไม่ต้องตรงเป็นขี้ปากของบรรดาขาเมาท์ทั้งหลายและก็ไม่ต้องรู้สึกหวั่นไหวต่อสายตาและคำพูดที่วายุมักจะพูดหยอดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จำไว้ว่าเขาเป็นผู้ชายอันตรายอย่าไปยุ่งกับเขาเลย” ทัดดาวพูดกับตัวเองแล้วตอนที่กำลังจะล้มตัวนอนลงที่เตียงเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา พอหยิบมาดูก็เห็นเป็นเบอร์แปลกที่ไม่รู้จักเธอลังเลว่าจะรับดีไหม แต่สุดท้ายก็กดรับสายไป
“สวัสดีค่ะ”
“นุ่มเหรอนี่ฉันเองนะ” เสียงหญิงสาวที่ดังเข้ามาทำให้เธอต้องขมวดคิ้วแล้วถามออกมาเพื่อความแนใจ
“แรมเหรอ”
“ใช่”
“โทรมามีอะไรหรือเปล่า” เธอถามอีกฝ่ายกลับไป
“ฉะ ฉันจะโทรมาขอยืมเงินเธอหน่อยได้ไหม ฉันลำบากจริง ๆ นะ” จันทร์แรมพูดขึ้นมา
“ฉันจะเอาเงินที่ไหนไปให้เธอยืมล่ะ ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเพิ่งใช้หนี้แทนเธอไปนะไหนจะเงินที่เธอยืมไปอีก” เธไม่คิดว่าจันทร์แรมจะกล้าโทรมายืมเงินเธออีกทั้งที่ทำกับเธอขนาดนี้ ดีเท่าไรแล้วที่เธอมีเงินใช้หนี้ไม่อย่างนั้นไม่ต้องโดนพวกทวงหนี้มาทำร้ายร่างกายหรือยังไง
“ฉันรู้ แต่ครั้งนี้ฉันลำบากจริง ๆ นะ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ฉันจะรบกวน นะนุ่มช่วยฉันด้วยนะ” จันทร์แรมอ้อนวอนขอให้เพื่อนคนเดียวที่เธอมีช่วยอีกสักครั้ง
“ฉันไม่มีจริง ๆ แล้วแฟนเธอไปไหนทำไมถึงพากันทำงานหาเงินล่ะ”
“อย่าไปพูดถึงมันเลย วัน ๆ ไม่ทำอะไรนอนกับเข้าบ่อนอย่างเดียว” จันทร์แรมพูดอย่างแค้นเคืองที่แฟนหนุ่มไม่เลิกเข้าบ่อนสักที ได้เงินมาเท่าไรก็เอาไปถลุงในบ่อนจนหมดเงินจะซื้อข้าวยังแทบจะไม่มีเธอเลยตัดสินใจว่าจะไม่อยู่กับ พีรพลแล้ว ขืนอยู่ต่อไปไม่อดตายก็ต้องถูกเอาไปเป็นดอกเบี้ยในบ่อนแน่ ๆ
“แล้วถ้าฉันให้เงินไปเธอก็เอาไปให้แฟนเข้าบ่อนอีกน่ะสิ ถ้ารักตัวเองก็เดินออกมาจากตรงนั้นซะ ฉันรู้ว่ามันทำยากแต่ถ้าเธอไม่รักตัวเองทุกอย่างก็วนอยู่ที่เดิมนั่นแหละ” ทัดดาวพูดและอดเห็นใจอดีตเพื่อนร่วมคอนโดคนนี้ไม่ได้ แต่ถ้าจะให้เธอช่วยเหลือทุกครั้งก็ไม่ได้อีกเหมือนกัน
“ฉันจะเลิกกับมัน ที่โทรมาเพราะอยากได้เงินเอาไว้เป็นค่ารถหนีไปอยู่ที่อื่นนี่แหละ นุ่มช่วยฉันนะ” จันทร์แรมยังคงอ้อนวอนหวังให้ทัดดาวเห็นใจยอมช่วย
ทัดดาวถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่จันทร์แรมพูดมามันคือเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก ใจหนึ่งก็ไม่อยากช่วย แต่อีกใจหนึ่งถ้าอีกฝ่ายคิดได้ก็ถือว่าเธอให้โอกาสคนทำผิดได้กลับใจก็แล้วกัน
“ฉันมีให้แค่สองพันเท่านั้นนะ”
“สองพันก็พอแล้ว ขอบคุณนุ่มมากนะที่ยอมช่วยฉัน” จันทร์แรมพูดอย่างดีใจ
“ครั้งนี้ฉันจะช่วยเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเธอรักตัวเองก็ทำอย่างที่พูดแต่ถ้ารักคนอื่นมากกว่าตัวเองก็เตรียมอดตายได้เลย” ทัดดาวพูดพร้อมกับหวังว่าจันทร์แรมจะคิดได้ว่าสิ่งที่สมควรทำคืออะไร
หลังจากวางสายแล้วเธอก็จัดการโอนเงินให้สองพันให้จันทร์แรมไป ชื่อบัญชีที่ขึ้นก็เป็นของอีกฝ่ายนั่นแหละ
“นี่ฉันโง่หรือบ้ากันแน่เนี่ย จะนอนอยู่แล้วยังต้องมาเสียเงินตั้งสองพัน” เธอพูดบ่นตัวเองแล้วปิดไฟเข้านอนทันที
...
อีกด้านหลังจากที่ทัดดาวโอนเงินมาแล้วจันทร์แรมก็รีบเดินออกไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มทันที พอเงินออกจากช่องก็ถูกมือหนาคว้าเอาไปก่อนอย่างรวดเร็ว
“นี่อย่าเอาไปหมดนะ บอกแล้วไงว่าแบ่งกันคนละครึ่ง” จันทร์แรมพูดเสียงดังพร้อมกับดึงแบงค์สีเทาหนึ่งใบมาเก็นไว้ที่ตัว
“พันเดียวจะไปพออะไรเล่นได้ไม่กี่ตาเอง” พีรพลพูดอย่างหัวเสีย
“ก็เลิกเล่นซะสิแล้วไปหางานทำ ฉันไม่มีที่จะหาเงินให้แล้วนะ”
“เงินหมดก็โทรไปยืมนังนั่นมาอีกสิอ้างอะไรก็ได้เดี๋ยวก็ใจอ่อนให้อีกนั่นแหละ” พีรพลพูดอะไรเป็นเรื่องง่ายและเห็นแก่ตัวที่สุด
“พียังไม่รู้จักนุ่มดีพอ ถ้าเขาบอกว่าครั้งสุดท้ายก็คือครั้งสุดท้าย” จันทร์แรมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย สงสัยเธอต้องเก็บคำพูดของทัดดาวไปคิดซะแล้วสิ ขืนอยู่ต่อไปเธอต้องอดตายแน่ ๆ
...
เช้าวันทำงานขณะที่ทัดดาวกำลังนั่งทำงานอยู่นั้นเธอก็ได้ยินเสียงคนเดินมาทางนี้ พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเพราะเจ้านายที่เธอไม่ได้เห็นหน้าเขามาหลายอาทิตย์แม้จะดีใจ แต่เธอก็บังคับตัวเองไม่ให้แสดงอาการออกมา
“สวัสดีค่ะคุณวายุ” เธอลุกขึ้นยกมือไหว้ชายหนุ่มตามมารยาท อีกฝ่ายพยักหน้ารับแล้วพูดออกมาว่า
“เดี๋ยวเชิญคุณทัดดาวเข้าไปพบผมในห้องด้วย” พูดจบเขาก็เดินเข้าไปในห้องทำงานใหญ่ทันที
ทัดดาวให้มาส่งยิ้มทักทายให้บอดีการ์ดหนุ่มที่วันนี้มาทั้งสองคนเลย และรีบคว้าตารางนัดต่าง ๆ เข้าไปในห้องทำงานพร้อมกับกาแฟร้อนหนึ่งถ้วย
“ผมมีนัดประชุมที่นี่อีกทีเมื่อไร แล้วนัดอื่น ๆ มีอะไรอีกบ้าง” วายุถามเสียงเรียบ ๆ
“วันมะรืนมีประชุมสรุปนโยบายค่ะ ส่วนวันเสาร์นี้มีงานเลี้ยงครบรอบบริษัทค่ะ ไม่ทราบว่าคุณวายุจะมาร่วมงานไหมคะฉันจะได้แจ้งทางฝ่ายจัดงานได้ถูก”
วายุมองหน้าหญิงสาวที่จริงจังกับงานโดยที่ใบหน้าเนียนและดวงตากลมโตไม่ได้แสดงอาการดีใจที่ได้เจอหน้าเขาออกมาเลย มันทำให้เขายิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิม
“ยังไม่แน่ใจ แต่ก็ลงชื่อไว้ก่อนแล้วกัน”
“ได้ค่ะ”
“ทำงานสบายใจไหมที่ไม่ได้เจอหน้าผม” วายุถามด้วยความอยากรู้ แต่บอกตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากรู้
ทัดดาวเลิกคิ้วเล็กน้อยกับคำถามของเจ้านาย “ก็ไม่มีอะไรนี่ค่ะ ฉันก็ทำงานตามปกติ”
“งั้นเหรอ” แม้คำตอบที่หญิงสาวตอบจะไม่ใช่คำตอบตรง ๆ แต่มันก็แปลได้ว่าเธอสบายใจที่ไม่ได้เห็นหน้าเขา
+++++