บทที่ 4 สนุกแล้วสิ 3

1177 Words
ทัดดาวถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ เพราะเธอเองก็คิดเหมือนเพื่อนถ้าขนาดแค่เลขาฯ ผู้จัดการแผนกบุคคลเธอยังโดนพูดจากระทบกระเทียบทุกครั้งที่เจอหน้า แล้วนี้ไปไกลถึงเลขาฯ ผู้บริหารใหม่จะไปเหลืออะไร ... นพคุณและคุณธรรมนั่งมองหน้ากันพร้อมกับทำหน้าตางงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ตอนนี้พวกเขามาจอดรถอยู่แถวหน้าบริษัทที่เจ้านายกำลังเข้ามาเป็นผู้บริหารคนใหม่ เพราะบริษัทนี้ขาดสภาพคล่องวายุเลยเข้ามาอุ้มและช่วยเหลือเอาไว้ แต่วันนี้พวกเขาไม่ได้มาเรื่องงานที่มาเพราะหญิงสาวคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในนี้ ไม่นานรถคันเล็กก็ค่อย ๆ แล่นออกจากอาคารสูงนี้ช้า ๆ “ขับตามไปอย่าให้ทัดดาวรู้ตัว” เสียงเข้มดูดังมาจากข้างหลัง วายุมองรถคันเล็กที่กำลังแล่นอยู่ด้านหน้ารถของเขาเว้นระยะห่างอยู่สองคัน วันนี้เขาเสร็จงานเร็วเลยมาดูที่ทำงานใหม่สักหน่อย และตอนนี้รถคันเล็กก็เลี้ยวเข้าไปในร้านอาหารร้านหนึ่งที่เปิดให้บริการลูกค้าทุกคนอยู่ “เอายังไงดีครับนาย จะเข้าไปหรือกลับดีครับ” คุณธรรมถามขึ้นเมื่อเข้ามาจอดบริเวณร้านอาหารแล้ว “ฉันหิวข้าวพอดี พวกนายจะเข้าไปกินด้วยกันหรือจะรออยู่ในนี้ล่ะ” วายุถามลูกน้องทั้งสอง “พวกผมรออยู่ในรถดีกว่าครับ” สองคนสนิทพูดออกมาพร้อมกัน วายุพยักหน้ารับแล้วเดินลงจากรถก่อนจะเข้าไปในร้านอาหารนั้นทันที ทิ้งให้ลูกน้องทั้งสองคนพูดถึงเจ้านายด้วยความแปลกใจ “เจ้านายพวกเราเป็นอะไรหรือเปล่าวะ” คุณธรรมพูดกับคู่หู “ลักษณะเหมือนจะเจอของเล่นถูกใจเข้าแล้ว” นพคุณตอบพร้อมกับมองไปรอบ ๆ อย่างสังเกต ไม่ว่าเมื่อไรการรักษาความปลอดภัยให้เจ้านายก็เป็นงานหลักของเขาอยู่แล้ว “งานนี้จะสงสารคุณทัดดาวหรือเจ้านายดี” คุณธรรมพูดเพราะรู้ว่าหญิงสาวคนนี้ฉลาดทันคนไม่ง่ายเลยที่จะยอมเป็นของเล่นให้เจ้านายเขาได้ วายุเดินเข้ามาในร้านอาหารพร้อมกับมองหาหญิงสาวที่เขาขับรถตามมา และต้องยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างบางของคนที่มองหาอยู่ ไม่รอช้าเขาเดินเข้าไปหาทันที “เจอกันอีกแล้วนะครับคุณทัดดาว” “คุณมาทำอะไรที่นี่!” ทัดดาวหันไปตามเสียงเรียกเรียกแล้วต้องตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าดุยืนอยู่ข้างโต๊ะของเธอ “มาร้านอาหารก็มาทานอาหารสิครับ ขอนั่งด้วยคนได้ไหมผมมาคนเดียวไม่มีเพื่อนทานข้าวเลย” วายุพูดแล้วไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรเขาดึงเก้าอี้แล้วนั่งลงทันที “นี่คุณฉันยังไม่ได้อนุญาตให้คุณนั่งเลยนะ” เธอพูดขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งลงที่เก้าอี้แล้ว “เอาน่าคนเรารู้จักกันต้องมีน้ำใจให้กันสิ แล้วคุณจะมานั่งทานข้าวคนเดียวไม่เหงาหรือไงผมอุตส่าห์มาเป็นเพื่อนทานข้าวแก้เหงาให้นะ” วายุพูดแล้วอมยิ้มน้อย ๆ “ใครบอกว่าฉันทานคนเดียว นู้นฉันนัดคนนั้นไว้แล้ว” เธอพูดแล้วชี้ไปที่ชายหนุ่มที่กำลังเดินตรงเข้ามาหา “มาแล้วเหรอคะพี่กร” เธอดัดเสียงให้อ่อนหวานกว่าปกติ ซึ่งปกรณ์เองก็รับมุกเพราะรู้ดีว่าถ้าเมื่อไรที่รุ่นน้องสาวพูดแบบนี้ทีไรหมายความว่าเขาต้องสวมบทเป็นไม้กันหมาให้ และดูท่าหมาวันนี้จะทั้งดุและตัวใหญ่น่าดู “พอดีพี่เข้าไปสั่งอาหารจานโปรดของนุ่มให้ไงครับ แล้วคนนี้ใครเหรอครับทำไมมานั่งโต๊ะเดียวกับนุ่มได้ล่ะ” ปกรณ์พูดและเดินไปนั่งข้าง ๆ ทัดดาวแล้วทำเป็นมองไม่เห็นสายตาคมดุของผู้ชายร่างสูงใหญ่ “คุณวายุเป็นเจ้าหนี้ของจันทร์แรมค่ะ พอดีเขามาทานอาหารคนเดียวเลยมาขอนั่งด้วย” “งั้นเหรอ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับวันที่เอาเงินไปคืนผมไม่มีโอกาสได้เจอ ผมได้ยินชื่อคุณมานานแล้ว” ปกรณ์พูดขึ้นแล้วยิ้มให้อีกฝ่าย “ยินดีเช่นกันครับ จะรังเกียจไหมถ้าผมขอร่วมโต๊ะด้วย” วายุพูดขอขึ้นมาตรง ๆ ทำให้คนทั้งสองคนลำบากใจ “ไม่รังเกียจหรอกครับ แต่กลัวคุณจะไม่สะดวกเท่านั้นเอง” ปกรณ์พูดในฐานะเจ้าของร้าน “ผมเป็นคนง่าย ๆ อะไรก็ได้ครับ มื้อนี้ผมขอเป็นเจ้ามือเองแล้วกัน” วายุพูดแล้วเรียกพนักงานมารับออร์เดอร์ทันที ปกรณ์และทัดดาวมองหน้ากันอย่างขอความคิดเห็น และเป็นปกรณ์ที่พยักหน้ารับพร้อมกับตบไปที่มือบางเบา ๆ เป็นคำตอบและคำปลอบใจว่าให้ใจเย็น ๆ ด้านทัดดาวก็หมั่นไว้คนอวดรวยที่ออกปากว่าจะเลี้ยงอาหาร “ได้อยากอวดรวยนักใช่ไหมเดี๋ยวจัดให้” “พี่กรวันนี้มีล็อบเตอร์ไหมคะ” เธอหันไปถามรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของร้านนี้ด้วย “มีสิเพิ่งมาส่งวันนั้นเลย” ปกรณ์ตอบ “ตกลงคุณวายุจะเลี้ยงอาหารฉันใช่ไหมคะ” เธอแกล้งถามเพื่อความแน่ใจ “ใช่สิ คุณอยากทานอะไรก็สั่งได้เลย” เจ้ามือเอ่ยอย่างใจป้ำ ทัดดาวยิ้มกว้างแล้วสั่งอาหารเกรดพรีเมี่ยมที่ราคาสูงทั้งนั้น และทำเป็นไม่เห็นสายตาคมดุที่มองมาที่เธออย่างตำหนิกึ่งขบขัน “เด็กน้อยจริง ๆ คิดเหรอว่าค่าอาหารแค่นี้จะทำอะไรผมได้ เดี๋ยวเถอะถึงเวลาจะถอนทุนคืนให้คุ้มเลย” วายุคิดในใจ จบอาหารมื้อนี้ค่าอาหารก็ทำให้วายุต้องหันไปมองหน้าคนสั่งทันที เพราะอาหารทุกจานราคาสูงทั้งนั้นเบ็ดเสร็จมื้อนี้เขาจ่ายอาหารไปร่วมหนึ่งหมื่นบาทเลยทีเดียว “คุณจะสั่งแบบนี้อีกสักชุดไปทานต่อที่บ้านไหมล่ะ” เขาแกล้งถามหญิงสาวตรงหน้าที่นั่งทานอาหารไม่สนใจเลยว่ากำลังนั่งทานอยู่ต่อหน้าเขา “ใจดีจังนะคะ แต่ไม่เป็นไรหรอกแค่มื้อเดียวก็เกินพอแล้ว” ทัดดาวพูดแล้วยกยิ้มเยาะ ๆ ให้ชายหนุ่ม และต้องหุบยิ้มเมื่อได้ยินประโยคหนึ่งที่ออกจากปากหนา ด้านปกรณ์ได้แต่นั่งกลั้นขำอยู่คนเดียว “ใครบอกว่านี้จะเป็นมื้อสุดท้าย” พูดจบเขาก็รับบัตรจากพนักงานแล้วเอ่ยปากลาทั้งสองคนทันที ก่อนไปยังไม่วายหันมาพูดทิ้งท้ายให้หญิงสาวอยากรู้เล่นอีก “เร็ว ๆ นี้เราคงได้เจอกันใหม่นะครับคุณทัดดาว” ++++++
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD