“แล้วเขาเอาชื่อนุ่มไปค้ำได้ยังไง นุ่มเคยเซ็นเอกสารให้เขาหรือไง” ปกรณ์ขมวดคิ้วถามอย่างหนักใจและเป็นห่วง
“นุ่มก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ถ้าให้เดาเขาคงปลอมลายเซ็นมากกว่าส่วนเรื่องที่อยู่เขาก็ต้องรู้อยู่แล้ว”
“แล้วยัยแรมเป็นหนี้เท่าไรล่ะ” ปนัดดาถามขึ้นมา
ทัดดาวมองหน้าเพื่อนและรุ่นพี่แล้วถอนหายใจก่อนจะพูดออกมา
“ห้าแสนบาท”
“ห้าแสน!!” ปกรณ์และปนัดดาพูดขึ้นมาพร้อมกันด้วยความตกใจ
“เขาเอาเงินไปทำอะไรถึงได้มีหนี้ขนาดนั้น” ปกรณ์ถาม
“นุ่มก็ไม่แน่ใจค่ะ แต่เท่าที่ถามจากคนแถวคอนโดเขาบอกว่าเหมือนแฟนแรมจะติดการพนันแล้วแรมเองก็ใช้เงินเก่งชอบซื้อของแบรนด์เนมด้วย” ไม่ว่าเจอกันกี่ครั้งจันทร์แรมก็มักจะมีของใช้ชิ้นใหม่ ๆ ทุกที บางครั้งยังถือมาอวดเธอที่ห้องเลย
“ฉันว่าแล้วว่าสักวันต้องเป็นแบบนี้ แต่ไม่คิดว่าจะหน้าด้านไปปลอมลายเซ็นเธอแบบนี้ แล้วทีนี้จะเอายังไงล่ะ” ปนัดดาพูดอย่างโมโหและอดเป็นห่วงทัดดาวไม่ได้
“ฉันพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่ไม่พอหรอกขาดอีกนิดหน่อยเลยว่าจะเข้าไปคุยกับเจ้าหนี้ของแรมเผื่อว่าเขาจะเข้าใจและยอมให้ผ่อนจ่ายบ้าง” ที่จริงเธอมีเงินเก็บมากกว่านี้ แต่เมื่อปีที่แล้วเธอไปซื้อห้องที่คอนโดโครงการใหม่เพื่อให้คนเช่า เพราะไม่อยากเก็บเงินสดเอาไว้เลยเลือกลงทุนแบบนี้ และย่านที่ซื้อก็เป็นทำเลทองด้วยรายล้อมไปด้วยความเจริญหลายอย่าง ตอนนี้เธอก็ปล่อยให้คนเช่าอยู่ด้วย
“แต่เงินเก็บก้อนนั้นเป็นเงินเก็บไว้ใช้ในอนาคตไม่ใช่เหรอ” ที่ผ่านมาทัดดาวก็รู้จักกินรู้จักใช้ไม่ฟุ่มเฟือยเลย แถมยังวางแผนระยะยาวอีกต่างหาก
“ทำไงได้ล่ะ ก็ในเมื่อในสัญญาฉบับนั้นมีชื่อฉันหราอยู่ และเจ้าหนี้ของแรมดูจะไม่ธรรมดาด้วย” ไม่ใช่ไม่เสียดายเงินที่ต้องเสียให้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่น
“อย่าบอกนะว่าที่นุ่มบอกเหมือนมีสายตาคอยจ้องจะหมายถึงเจ้าหนี้ของยัยนั่น”
“ไม่รู้สิอาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้”
“เกิดเรื่องขนาดนี้ทำไมไม่บอกอะไรพี่ นี่ถ้าไม่หนักหนาจริงนุ่มคงไม่บอกพี่ใช่ไหม” ปกรณ์ถามเสียงเข้ม
“นุ่มเกรงใจค่ะ” เธอพูดเสียงอ่อย ๆ เพราะรู้ว่ารุ่นพี่ไม่พอใจ
ปกรณ์เป็นพี่รหัสของเธอด้วยความที่นิสัยเหมือนกันเลยคบกันได้ยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้ เธอไม่มีญาติที่ไหนปกรณ์เลยเป็นทั้งพี่ชาย เพื่อนและที่ปรึกษาที่ดีให้เธอเสมอมา
ปกรณ์ถอนหายใจออกมานึกอยากจะตีทัดดาวสักทีคบกันมานานขนาดนี้ยังมานั่งเกรงใจเขาอีก แต่ก็รู้ว่าไม่ใช่เวลาจะมาต่อว่าต่อขานกันเวลานี้เรื่องตรงหน้าสำคัญกว่า
“แล้วนุ่มนัดเขาเมื่อไร”
“เขายังไม่ได้โทรมาบอกเลยค่ะว่าให้ไปเจอที่ไหน” ทัดดาวพูดและตอนนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น พอหยิบมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์ที่โทรมาเมื่อวาน
“เขาโทรมาพอดีเลยค่ะ”
“เปิดลำโพงเลย” ปนัดดารีบบอก
ทัดดาวพยักหน้าแล้วกดรับสายก่อนจะเปิดลำโพงเพื่อให้อีกสองคนได้ยินด้วย
“สวัสดีค่ะตกลงเจ้านายคุณยอมให้ฉันไปเจอไหมคะ”
“เจ้านายผมยินดีที่จะให้คุณเข้าพบครับ” อาวุธพูดออกมา
“เมื่อไรและที่ไหนคะ” เธอรีบถามทันที
“คืนนี้สามทุ่มที่ผับ...ครับ ไม่ทราบว่าคุณจะมาเองหรือให้ทางผมไปรับครับ” อาวุธถามแบบนั้นทั้งที่ไม่จำเป็น แต่เพราะเจ้านายสั่งมาเขาเลยต้องทำตาม
“คงไม่รบกวนคุณหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเองเอาไว้ถ้าถึงหน้าผับแล้วฉันจะโทรไปบอกแล้วกันนะคะ”
“ได้ครับ” พูดแค่นั้นก็วางสายแล้วรีบไปรายงานคุณธรรมทันที
หลังจากวางสายแล้วทัดดาวก็นั่งเงียบพร้อมกับมองหน้าเป็นการปรึกษาอีกสองคน
“ทำไมต้องนัดที่ผับด้วยล่ะ” ปกรณ์ถามด้วยความไม่เข้าใจ
“นั่นสิ ดูไม่ปลอดภัยยังไงก็ไม่รู้” ปนัดดาเองก็คิดเป็นห่วงเพื่อนไม่น้อย
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าจำไม่ผิดผับนี้เป็นผับที่แรมเขาเที่ยวประจำ” เธอจำได้เพราะจันทร์แรมเคยมาอวดว่าผับนี้คนจะไปเที่ยวได้ต้องกระเป๋าหนักจริง ๆ
“งั้นคืนนี้พี่จะไปเป็นเพื่อน และห้ามปฏิเสธเด็ดขาด ส่วนเรื่องเงินพี่จะออกให้ก่อนก็ได้แล้วนุ่มค่อยทยอยคืนพี่ทีหลัง ส่วนเงินของนุ่มเก็บเอาไว้เป็นทุนดีกว่าพี่เองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร”
“ฉันก็จะไปด้วย” ปนัดดาพูดสมทบออกมาอีกคน
ทัดดาวมองทั้งสองคนอย่างซึ้งใจไม่ว่าเมื่อไรทั้งปกรณ์และปนัดดาก็ไม่เคยทิ้งเธอเลยสักครั้ง
“ก็ได้ค่ะ แต่ว่าเรื่องเงินถ้าเขาให้ผ่อนจ่ายได้นุ่มขอไม่รับเงินจากพี่กรนะคะ”
“ดื้อจริง ๆ ถ้าเป็นเด็กเล็ก ๆ จะตีสักที” ปกรณ์พูดแล้วยกมือไปขยี้ผมยาวของรุ่นน้องแรง ๆ ซึ่งเป็นปกติที่เขาแบบนี้กับทัดดาวอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ชายหนุ่มไม่รู้คือมีใครบางคนมองด้วยความอิจฉาและอยากได้อะไรแบบนี้บ้าง
++++++
เมื่อคืนหลังออกจากผับพร้อมกับหญิงสาวที่ชื่อแพรวเขาก็แวะไปที่โรงแรมในเครือของตัวเองเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ พอเสร็จกิจก็บอกลาหญิงสาวคนนั้นแล้วกลับมานอนที่เพนท์เฮ้าส์ของตัวเองเหมือนทุกครั้ง แม้จะสนุกกับผู้หญิงมาหลายคนแต่เขาก็ไม่เคยร่วมเตียงนอนกับใคร เพราะตั้งใจเอาไว้ว่าเขาจะนอนร่วมเตียงกับคนที่เป็นคู่ชีวิตเท่านั้น
“นายจะรับอาหารเลยไหมครับเดี๋ยวผมให้แม่บ้านยกมาให้” นพคุณเดินเข้ามาถามเจ้านาย
“อืมยกเข้ามาเลย แล้วพวกนายสองคนก็ไปพักได้แล้วไม่ต้องมาคอยดูแลฉันหรอก เดี๋ยวคืนนี้ค่อยมารับฉันไปผับ” วายุไล่ให้ลูกน้องให้ไปพัก
นพคุณและคุณธรรมมองหน้ากันอย่างปรึกษา แต่ต้องยอมออกไปเมื่อได้ยินเสียงเข้ม ๆ ของเจ้านายพูดขึ้นมาเสียก่อน
“ยังไม่ไปกันอีก”
“ครับ / ครับ”
หลังจากที่ลูกน้องสองคนออกไปแล้วไม่นานแม่บ้านก็ยกอาหารมาเสิร์ฟ จะเรียกอาหารเช้าคงไม่ได้แล้วเพราะตอนนี้พระอาทิตย์ตรงหัวแล้ว
“มีอะไรก็ไปทำเถอะ ถ้าฉันอยากได้อะไรแล้วจะเรียกเอง”
เขานั่งทานอาหารที่รสชาติดีเยี่ยม แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขามีความสุขที่สุดบรรยากาศในห้องใหญ่นี้มีแต่เขาคนเดียวที่อยู่ ที่จริงเขามีบ้านหลังใหญ่ซึ่งเคยเป็นที่อยู่ของครอบครัวแต่พอไม่เหลือใครบ้านมันก็ใหญ่เกินกว่าที่จะอยู่คนเดียว เขาเลยให้คนเก่าแก่อยู่ดูแลไปนาน ๆ ที่เขาถึงกลับไปสักครั้ง ไม่ใช่ว่าไม่หาคนที่มาอยู่ข้าง ๆ แต่เพราะผู้หญิงที่ผ่านเข้ามามักจะหวังแต่ชื่อเสียง อำนาจและเงินทองของเขาเท่านั้น สุดท้ายเลยอยู่เป็นโสดมาถึงทุกวันนี้
+++++