ภายในห้องทำงานใหญ่ที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาวทั้งห้องหวังให้ลดความน่ากลัวน่าเกรงขามของเจ้าห้องลงได้บ้าง ถ้าเป็นตอนอื่นคงช่วยได้แต่ไม่ใช่ตอนนี้ที่เจ้าของกำลังโมโหด้วยยิ่งทำให้บรรยากาศในห้องดูน่ากลัวกว่าห้องดับจิตหรือห้องเย็นอีก และเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ต้องโมโหคือ ความผิดพลาดในการทำงานของลูกน้อง
“ฉันบอกว่ายังไงเรื่องคนที่เข้ามาในนี้ หรือว่าเห็นฉันไม่ได้เข้ามาตรวจเลยทำอะไรมักง่ายกัน” เสียงที่ถามแม้จะไม่ดังมาก แต่มันเต็มไปด้วยความกดดันและดุดันทำให้คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบต้องลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ตอนนี้ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าให้พวกเขาไปวิ่งหนีกระสุนยังน่ากลัวน้อยกว่าที่ต้องยืนอยู่ในห้องนี้เลย
“ไม่ใช่นะครับ ที่คนพวกนั้นเข้ามาได้เพราะลูกค้าข้างในพาเข้ามาแล้วทุกคนก็มีบัตรด้วย...แต่ผมไม่รู้ว่าจะเป็นบัตรปลอม” ผู้จัดการที่ดูในส่วนนี้พูดไม่เต็มเสียงดี เพราะยังไงเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นความผิด
“พวกนายทำงานที่นี่มานานแค่ไหนแล้วถึงแยกแยะไม่ออกว่าอันไหนบัตรจริงบัตรปลอม” สายตาคมดุกวาดมองไล่ไปทีละคน
“พวกผมขอโทษครับ ต่อไปจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” ผู้จัดการพูดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าลูกน้องจะทำผิด แต่เขาในฐานะหัวหน้าก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้มองและใช้ความคิดอยู่สักพักก็พูดขึ้นมา เพราะความเงียบภายในห้องทำให้คนที่มีความผิดติดตัวถึงกับสะดุ้งพร้อมกัน
“ครั้งนี้ฉันจะให้โอกาสแก้ตัวอีกครั้ง แต่ให้จำไว้นะว่าฉันไม่ให้โอกาสใครพร่ำเพรื่อถ้ามีครั้งต่อไปคงรู้นะว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
“พวกผมจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกแน่นอนครับ” หัวเรือพูดอย่างมั่นใจ ส่วนลูกน้องก็รีบพยักหน้ารับอย่างพร้อมเพรียง
หลังจากที่ลูกน้องออกไปจากห้องแล้วเขาก็เรียกลูกน้องหรือเลขาฯ คนสนิทให้เข้ามาหา
“นายมีอะไรจะให้ผมทำหรือเปล่าครับ” คุณธรรมถามอย่างรู้ใจ เพราะทำงานด้วยมานานถ้าเมื่อไรที่เจ้านายของตัวเองยกมือลูบคางตัวเองแปลว่ามีเรื่องอยากให้เขาทำแน่นอน
“นายไปสืบเรื่องที่เกิดขึ้นให้เรียบร้อย ฉันไม่เชื่อเรื่องเกิดขึ้นจะไม่มีคนในรู้เห็น”
คุณธรรมค้อมตัวเล็กน้อยก่อนจะเดินไปที่ประตูห้อง และตอนที่กำลังเปิดประตูออกไปเสียงเข้มก็ดังขึ้น
“ข้อมูลนี้ขอด่วนและเป็นความลับที่สุดนะ”
ถึงเขาจะใจดีไม่เอาเรื่องและดูเหมือนไม่ใส่ใจกับเรื่องเกิดขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่อยากรู้ความจริงทั้งหมด เพราะงานที่ทำอยู่มันต้องทำอะไรให้รัดกุมและปลอดภัยที่สุดไม่อย่างนั้นภัยอาจจะมาถึงตัวได้
...
และคุณธรรมก็ไม่ทำให้คนเป็นเจ้านายผิดหวัง เพราะแค่สามวันเขาก็ได้รู้ทุกอย่างและสามารถเอาคนผิดมานั่งอยู่ต่อหน้าเจ้านายได้
“ตกลงจะบอกความจริงฉันได้หรือยังว่านายทำงานให้ใครกันแน่” คนที่นั่งไขว้ห้างบนโซฟาหนังสีขาวถามคนตรงหน้าขึ้น
“ผะ ผมไม่ได้ทำงานให้ใครครับ ผมทำงานให้นายคนเดียว” ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบปลาย ๆ พูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าเจ้านายที่นั่งกอดอกอยู่ ท่าทีนิ่ง ๆ นี้ทำให้เขาอดกลัวไม่ได้
“แล้วเจ้านายของนายชื่ออะไรล่ะฉันจะได้พาไปส่งให้ถูกที่ ฉันจะไม่ถามหรอกนะว่าทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้ เพราะมันเสียเวลาทำมาหากินของฉัน” เขาถามทั้งที่รู้ทุกอย่างแล้ว แต่ก็อยากได้ยินจากปากคนทรยศมากกว่า
เพราะรู้ว่าไม่มีทางปิดเรื่องนี้ได้อีก การที่เขาถูกเรียกตัวเข้ามาในห้องนี้ตามลำพังแสดงคนตรงหน้ารู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว เขาประมาทฝีมือคู่หูสายโหดนี้มากเกินไป
“ผมทำไปเพราะความจำเป็นครับ เขาเอาความปลอดภัยของครอบครัวผมมาต่อรองว่าถ้าผมไม่ทำแบบนี้เขาจะทำร้ายภรรยากับลูกผม”
“ก่อนเข้ามาทำงานที่นี่ฉันเคยบอกว่ายังไง ถ้ามีอะไรให้บอกหรือนายคิดว่าฉันเป็นไก่อ่อนไม่สามารถสู้กับนายพิพิธได้หรือไงนายถึงเลือกที่จะหักหลังฉันแบบนี้”
“ไม่ใช่นะครับนาย แต่...ผมไม่กล้าบอกเพราะเขาบอกว่าถ้านายรู้เรื่องนี้เขาจะไม่ปล่อยผมไว้” เสียงอ่อย ๆ ที่สารภาพออกมาไม่ได้ทำให้ผู้มีอำนาจที่สุดของที่นี่มีสีหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมเลย
“พูดไปพูดมาก็คำตอบเดิมนั่นแหละ” พูดจบคนตัวสูงก็ลุกขึ้นแล้วพูดบางอย่างออกมาที่ทำให้คนผิดถึงกับเหงื่อแตกมีสีหน้าหวาดกลัวทันที
“คุณธรรมจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย...ตามที่ฉันสั่ง” พูดจบคนพูดก็เดินออกจากห้องทำงานไปพร้อมกับลูกน้องคนสนิทอีกคน โดยไม่สนใจเสียงเรียกของคนทำผิดเลย
“นายจะให้ผมไปสั่งสอนนายพิพิธเลยไหมครับ” นพคุณถามอย่างรู้ใจไม่ต่างจากคู่หูที่รู้ใจเจ้านายเลย
“ให้คุณธรรมจัดการเรื่องนี้ก่อน แล้วฉันจะไปทักทายนายพิพิธด้วยตัวเองซะหน่อย”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะจัดเตรียมคนให้พร้อม” นพคุณพูดแล้วยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุก พวกเขาไม่ได้ออกกำลังมานานแล้วเลยอดตื่นเต้นไม่ได้
...
หลังจากที่จัดการเรื่องลูกน้องที่เข้ามาเป็นไส้ศึกให้นายพิพิธเรียบร้อยแล้ว วันนี้เขากับลูกน้องก็ยกขบวนมาเยือนถิ่นศัตรูที่ส่งคนไปเหยียบจมูกเขาถึงที่ รถตู้สีดำคันใหญ่ถูกรถหรูปิดหน้าหลังเอาไว้แล้วมาจอดที่หน้าร้านแห่งหนึ่งที่เป็นผับชื่อดังและด้านล่างมีบริการพิเศษ ซึ่งไม่ได้ต่างจากธุรกิจของเขาเลย การมาของวายุทำให้เจ้าถิ่นและลูกน้องต่างวิ่งมาตั้งป้อมอยู่ด้านหน้าไม่ให้แขกไม่ได้รับเชิญเข้าไปด้านในร้าน ทำให้ลูกค้าที่กำลังมาใช้บริการต่างก็แตกตื่นไม่น้อย
“ไม่นึกว่าระดับคุณพิพิธจะต้อนรับแขกแบบนี้” คุณธรรมพูดพร้อมกับยิ้มอย่างสมเพช
“คุณมีธุระอะไรถึงได้มาที่นี่” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ถามเสียงห้วน ๆ
“พูดเหมือนไม่รู้ว่าเจ้านายฉันมาทำอะไรที่นี่”
“ใจเย็นไว้คุณธรรม ไม่แปลกหรอกที่คุณพิพิธจะต้อนรับฉันแบบนี้ เขาคงกลัวไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริงถึงได้หลบอยู่หลังลูกน้องตัวเอง” เพราะรู้นิสัยอีกฝ่ายดีว่าไม่ชอบให้ใครดูถูก และคิดว่าอีกไม่นานพิพิธต้องออกมาหาเขาแน่นอน และก็เป็นอย่างที่คิดเพราะตอนนี้เจ้าของที่นี่ได้เดินหน้าบึ้งออกมาจากในร้านแล้ว