บทที่ 1 สร้างปัญหา 3

1187 Words
ผับหรูกลางใจเมืองมีเจ้าของเป็นชายหนุ่มรูปร่างดี แววตาดุดันนามว่า วายุ เขาเป็นผู้ชายอายุสี่สิบที่ยังหน้าตาดีดูเหมือนคนอายุสามสิบกลาง ๆ อยู่เลย ท่าทางบุคลิกดูเหมือนผู้ชายอันตรายแต่นั้นไม่ได้ทำให้เสน่ห์ในตัวเขาลดน้อยลงเลย ตรงข้ามกลับมีผู้หญิงต่างอยากเข้ามาลองดีทั้งนั้น ทุกคนหมายมั่นปั้นมืออยากเป็นเจ้าของหัวใจวายุแต่ยังไม่เคยมีใครทำสำเร็จสักคน นอกจากผับหรูแห่งนี้แล้วชายหนุ่มยังมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกหลายอย่างที่ดูแลอยู่ทั้งเป็นเจ้าของเองและเป็นหุ้นส่วน “ห้องด้านล่างมีคนหนี้หนีครับ” คุณธรรมเอารายงานที่ลูกน้องที่ทำหน้าควบคุมบ่อนด้านล่างผับมาให้เจ้านายได้ดู “เอาไปเยอะไหม” วายุถามไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไร เพราะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเขา “ห้าแสนบาทครับ เขาเอารถยนต์มาค้ำประกันด้วยพวกนั้นเลยให้เงินไปหกสิบเปอร์เซ็นต์ของราคาสินทรัพย์ที่วางเอาไว้ และมีคนเซ็นค้ำประกันให้ด้วย” คุณธรรมพูดตามที่ได้รับรายงานมา “สองคนเลยเหรอ” เขาถามขึ้นเมื่อเปิดแฟ้มแล้วเห็นมีรายชื่อที่เซ็นชื่อไว้สามคน “ใช่ครับ เราสอบถามจากชาวบ้านก็ได้เบาะแสว่าทั้งคู่อยู่ที่คอนโดนั้นจริง ๆ แต่ไม่ได้กลับมาหลายวัน ได้ข่าวว่ามีเจ้าหนี้หลายคนกำลังตามตัวให้ขวักเหมือนกัน “งั้นก็ตามต่อไป ถ้าถึงวันครบกำหนดแล้วสองคนนั้นยังไม่ติดต่อมาก็บุกไปถามหากับที่คนค้ำประกันได้เลย” คุณธรรมค้อมตัวลงเล็กน้อยแล้วเดินออกไปจัดการตามที่เจ้านายสั่ง สองคนสนิทมีหน้าที่แบ่งกันอย่างชัดเจน นพคุณมีหน้าคอยดูแลส่วนอสังหาริมทรัพย์และงานต่าง ๆ ส่วนคุณธรรมจะดูแลเรื่องผับและบ่อนชั้นใต้ดินรวมไปถึงความปลอดภัยของเจ้านายด้วย ... ทัดดาวขับรถเข้ามาจอดที่หน้าคอนโดหลังจากที่ออกไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้ามา แต่ตอนที่เธอกำลังจะลงจากรถสายตาก็หันไปเห็นจันทร์แรมที่รีบเดินออกจากคอนโดพร้อมกับหันซ้ายหันขวาเหมือนกลัวว่าใครจะมาเจอ เห็นแบบนั้นเธอรีบเปิดประตูรถแล้วรีบเดินตามไป แต่ก็ไม่ทันเพราะจันทร์แรมกระโดดขึ้นรถแท็กซี่ไปแล้ว “ไม่ทันจนได้” เธอพูดพร้อมกับมองตามรถแท็กซี่ที่แล่นห่างไปเรื่อย ๆ ตอนนี้แน่ใจแล้วว่าเงินที่ถูกยืมไปคงไม่ได้คืน เพราะดูจากกระเป๋าใบใหญ่ที่จันทร์แรมถือติดมือไปด้วย เธอถอนหายใจออกมาแล้วเดินกลับมาที่รถแล้วหยิบของใช้รวมไปถึงอาหารแห้งและอาหารสดที่ซื้อมาตุนไว้เป็นประจำ ทุกอาทิตย์เธอจะไปซื้อของพวกนี้มาใส่ตู้เย็นเก็บไว้เพราะไม่มีเวลาที่จะไปซื้อของที่ห้างได้บ่อย ๆ ระหว่างที่กำลังหาคีย์การ์ดเพื่อจะเปิดห้องก็รู้สึกว่าถูกมองเลยหันไปดูก็ไม่เห็นมีใครสักคนเธอเลยรีบเปิดประตูแล้วล็อคอย่างรวดเร็ว เธอไม่ได้คิดและรู้สึกไปเองเพราะช่วงที่ผ่านมาเธอเหมือนถูกใครบางคนมองอยู่ “หรือจะแจ้งตำรวจดีนะ” ตอนที่กำลังจะตัดสินใจว่าจะโทรหาตำรวจอยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน พอดูเบอร์ก็เห็นว่าเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นแต่ก็เลือกที่จะรับสาย “สวัสดีค่ะ” “ใช่คุณทัดดาวหรือเปล่าครับ” เสียงปลายสายที่ไม่คุ้นหูเรียกชื่อเธอออกมา “ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะแล้วเอาเบอร์โทรของฉันมาจากไหน” เธอรีบถามด้วยความอยากรู้ “ผมชื่ออาวุธ แล้วเบอร์นี้คุณก็เป็นคนให้ผมไว้เองนะ” ทัดดาวพยายามคิดว่าเธอรู้จักกับคนชื่อนี้ตั้งแต่เมื่อไร แต่คิดอยู่นานก็นึกไม่ออกเลยต้องถามต่อด้วยความอยากรู้ “ขอโทษนะคะเท่าที่จำได้ฉันว่าตัวเองไม่เคยรู้จักคุณมาก่อนเลย คุณโทรมาหาผิดคนหรือเปล่าคะ” “ถ้าคุณชื่อทัดดาว ทำงานที่บริษัท...อยู่คอนโคแถว...ก็ผิดหรอกครับ นี่คุณจำผมไม่ได้จริง ๆ น่ะเหรอ” ชายหนุ่มคนดังกล่าวถามย้ำอีกครั้ง “ฉันมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน แล้วการที่คุณรู้เรื่องของฉันดีขนาดนี้ต้องการอะไรไม่ทราบ” เสียงที่ราบเรียบกลับแข็งขึ้นเมื่อรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากล แต่ที่ไม่วางสายเพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากเธอกันแน่ “โอเค ถ้าคุณมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักผม ผมก็จะเตือนความจำให้ตอนนี้เพื่อนของคุณที่จันทร์แรมกับคนรักที่ชื่อนาย พีรพลติดหนี้ผมอยู่ห้าแสนบาทนี่เลยกำหนดวันชำระเงินมาแล้ว และในสัญญาการกู้เงินคุณก็เป็นค้ำประกันเงินก้อนนี้ให้พวกเขาเอง” ข้อมูลที่ได้รู้ทำให้เธอทั้งตกใจและงงไปพร้อม ๆ กัน “ฉันยอมรับว่ารู้จักกับจันทร์แรมจริง ๆ แต่ฉันไม่เคยเซ็นเอกสารค้ำประกันให้ใครทั้งนั้น” “ถึงคุณจะบอกไม่รู้เรื่อง แต่การที่ชื่อคุณปรากฏอยู่ในสัญญาหมายความว่าคุณต้องรับผิดชอบ ผมขอเตือนด้วยความหวังดีว่าเจ้านายผมเอาจริงไม่ได้ล้อเล่น ถ้าไม่อยากเดือดร้อนไปมากกว่านี้ก็ตามตัวสองคนนั้นให้เจอ หรือไม่คุณก็จ่ายเงินคืนผมมาซะ” ชายหนุ่มพูดข่มขู่ ทัดดาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อตั้งสติและพยายามรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าแล้วพูดกับชายแปลกหน้าออกมา “ฉันต้องการเจอเจ้านายคุณ” “ทำไมต้องไปเจอเจ้านายผมด้วย หรือคุณคิดจะเบี้ยวไม่ยอมจ่ายเงินคืน” “เรื่องเงินฉันไม่มีปัญหาหรอกนะ แต่ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเจ้านาย แต่ถ้าคุณไม่ยอมให้ฉันเจอก็อย่าหวังว่าจะได้เงินคืน” แม้จะกลัวแต่เธอก็ไม่ยอมเป็นถูกข่มขู่ฝ่ายเดียวแน่ พอได้ยินที่หญิงสาวร่างบางพูดกลายเป็นเขาเองที่พูดไม่ออก ตั้งแต่ทวงหนี้มาไม่เคยเจอใครที่ขู่กลับแบบนี้ทั้งที่ตัวเองกำลังเดือดร้อน “เรื่องนี้ผมคงต้องไปคุยกับเจ้านายก่อนแล้วจะส่งข่าวมาอีกที ระหว่างนี้อย่าคิดหนีเด็ดขาดเพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ตรงไหนผมก็หาคุณเจอแน่นอน” พูดจบก็วางสายทันที “ถ้าหาคนเจอง่ายขนาดนั้นแล้วทำไมไม่ไปตามตัวสองคนนั้นเองล่ะมายุ่งกับฉันทำไม” ทัดดาวพูดอย่างหัวเสีย และตลอดทั้งวันเธอก็พยายามโทรหาจันทร์แรม แต่โทรเท่าไรก็ไม่ติดทุกอย่างเงียบสนิท ++++++
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD