Episode 01 คนไม่มีสิทธิ์

3308 Words
Hana’s part : “ริโกะ ได้ยินฉันมั้ย” “หะ หา! โทษที เมื่อกี้เธอว่าไงนะฮานะ” ริโกะหันกลับมาถามฉันด้วยสีหน้าตกใจ มิหนำซ้ำยังสะดุ้งสุดตัวพลอยทำให้ฉันตกอกตกใจตามเธอไปด้วยอีกคน แต่นั่นก็หมายความว่าเมื่อครู่เธอไม่ได้สนใจฟังในสิ่งที่พูดกับเธอเลยสักนิดน่ะสิ “ช่างเถอะ ไม่มีอะไรหรอก” ฉันบอกยิ้มๆ แล้วตั้งใจจะหันหน้ากลับมาอีกทาง ท่าทางของริโกะในตอนนี้ดูแปลกๆ เหมือนเธอกำลังมีเรื่องไม่สบายใจบางอย่าง ซึ่งถึงฉันจะอยากรู้ว่าเธอไม่สบายใจเรื่องอะไร แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะเสียมารยาทถามเธอหรอก เพราะบางทีมันอาจเป็นเรื่องส่วนตัวที่เธอไม่อยากเล่าก็ได้ ตอนนี้ฉันกับริโกะกำลังยืนรอคิราวะอยู่ที่หน้าตึกน่ะ วันนี้เป็นวันสอบปลายภาคเรียน พวกเราก็เลยเลิกก่อนเวลา แต่คิดว่าอีกไม่นานคิราวะก็น่าจะถึงแล้ว เพราะไม่ว่าเราจะเลิกช้าหรือเร็ว เขาก็ไม่เคยมาผิดจากเวลาที่บอกเอาไว้หรอก “นี่ เธออย่างอนฉันเลยน่า เมื่อกี้นี้เธอพูดอะไรนะ พูดอีกทีสิ ฉันสัญญาว่าจะตั้งใจฟัง” ริโกะพยายามง้อ เธอเขย่าแขนฉันเบาๆ แล้วตบท้ายด้วยการฉีกยิ้มกว้างๆ จนดวงตาทั้งสองข้างของเธอหยีลง “ฉันไม่ได้งอนเธอสักหน่อย แต่แค่คิดว่าช่วงนี้เธอดูแปลกๆ ท่าทางเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจน่ะ มีอะไรเล่าให้ฉันฟังได้นะ” ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ฉันว่าถ้าฉันไม่ถามมันก็อาจจะดูแล้งน้ำใจเกินไปหน่อย ยังไงซะเราก็เป็นเพื่อนกันนี่นา “ไม่นี่ ไม่มีเรื่องอะไรเลย ฉันสบายใจมาก ช่วงนี้ฉันกินอิ่มนอนหลับทุกวัน” ริโกะรีบบอก “อ้าว ไหนเมื่อเช้าเธอบอกฉันว่าเมื่อคืนเธอฝันร้ายจนสะดุ้งตื่นมาตอนตีสอง แล้วก็นอนไม่หลับอีกเลยล่ะ” “อ๋อยยย~~~” แล้วริโกะก็ทำหน้าเหี่ยวใส่เมื่อถูกฉันจับได้ “เฮ้อ ช่างเถอะ ถ้าเธอไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ฉันก็แค่ถามไปอย่างนั้นเองเผื่อว่าพอจะช่วยอะไรได้ เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรให้ฉันช่วย ก็บอกฉันได้นะ เราเป็นเพื่อนกัน มีอะไรก็ต้องช่วยกัน” ฉันบอกทิ้งท้ายด้วยความหวังดี ไม่รู้ว่าฉันคิดมากไปเองรึเปล่าที่รู้สึกว่าช่วงนี้ริโกะดูเหม่อลอยบ่อยๆ เวลาฉันเรียกก็ต้องเรียกอยู่ตั้งหลายครั้งกว่าที่เธอจะได้ยิน “ขอบใจนะฮานะ เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่ฉันเคยมีเลย” ริโกะบอกอย่างนั้น ซึ่งสำหรับฉันแล้ว เธอเองก็เป็นเพื่อนที่ดีกับฉันมากที่สุดคนหนึ่งเหมือนกัน ถ้าไม่นับรวมริวที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเบอร์หนึ่งของฉัน ฉันก็ยกตำแหน่งเบสต์เฟรนด์ให้ริโกะนี่แหละ “คุณคิราวะมาพอดี” ริโกะรีบบอก อีกไม่กี่วินาทีต่อมารถยนต์สีดำที่คุ้นตาก็แล่นมาจอดตรงหน้า คิราวะรีบก้าวลงจากรถแล้วเดินอ้อมตัวรถมาเพื่อทำหน้าที่เปิดประตูรถให้ฉัน ส่วนริโกะก็เดินไปเปิดประตูรถด้านหน้าด้วยตัวเอง เราต่างคนต่างเข้าไปนั่งประจำที่ของตัวเองเหมือนที่ทำอยู่เป็นประจำทุกวัน “วันนี้ฉันอยากไปแบล็กทาวน์ก่อน” ฉันบอกจุดหมายปลายทางเมื่อคิราวะกลับเข้ามานั่งประจำที่คนขับเหมือนเดิม โดยปกติแล้วหลังจากเลิกเรียน คิราวะจะมีหน้าที่ขับรถมารับฉันกลับจากโรงเรียนแล้วพาฉันกลับไปส่งที่แบล็กไลฟ์ ซึ่งถ้าโอยามะไม่ได้ติดงานหรือมีงานด่วนที่ต้องรีบทำให้เสร็จในวันนั้นๆ เขาก็จะมารับฉันด้วยเสมอ แต่ถ้าต้องทำงาน เขาก็จะอยู่สะสางงานก่อนแล้วเราค่อยกลับไปเจอกันที่คอนโด ซึ่งช่วงนี้ฉันรู้สึกว่าเขาน่าจะงานยุ่ง เพราะถึงเขาจะกลับถึงคอนโดในเวลาเดิม เรานั่งกินข้าวเย็นและเข้านอนพร้อมกันเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ฉันรู้สึกและสังเกตมาตลอดในช่วงระยะเวลาเกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมาก็คือเขามักจะลุกออกไปนั่งทำงานต่อในช่วงกลางดึกที่เขาคิดว่าฉันหลับไปแล้ว เฮ้อ~ พอรู้ว่าเขาต้องทำงานหนักขนาดนี้ฉันก็อดจะรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ “ได้ครับคุณฮานะ” คิราวะรับคำสั่งก่อนจะออกรถ เขาไม่กล้าขัดคำสั่งของฉันหรอก ถึงจะไม่ได้เต็มใจทำตามเท่าไหร่นักก็ตามที “ช่วงนี้งานที่แบล็กทาวน์ยุ่งมากมั้ยคิราวะ” “ก็นิดหน่อยครับ” ฉันคิดเอาไว้แล้วเชียวว่าเขาต้องตอบแบบนี้ “มีเรื่องอะไรที่ต้องกังวลรึเปล่า” “ไม่มีครับ” “งั้นเหรอ” ฉันถามอย่างครุ่นคิด ถึงจะรู้ว่าต่อให้มี คิราวะก็ต้องตอบว่าไม่มีอยู่แล้ว เพราะยังไงซะถ้าเขาตอบว่ามี ฉันก็คงช่วยไม่ได้อยู่ดี มันก็เริ่มทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่ายังไงก็ไม่รู้ “คิราวะ” “ครับคุณฮานะ” “นายช่วยสอนงานให้ฉันบ้างได้มั้ย” ฉันถามออกไปตรงๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนหน้านี้ฉันคงไม่กล้า แต่ตอนนี้ฉันชักอยากจะลองทำอะไรที่ไม่เคยทำดูบ้าง อย่างน้อยก็น่าจะมีประโยชน์กว่าการนั่งรถมาเรียนหนังสือแล้วกลับไปนอน การที่ได้ตื่นมาเห็นว่าโอยามะต้องทำงานหนักทุกวันทุกคืน ในขณะที่ฉันใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ซึ่งถึงแม้ว่าเขาเองจะไม่เคยปริปากบ่น ไม่เคยเล่าอะไรให้ฉันฟังถึงเรื่องงานของเขา หรือแม้แต่เรื่องที่ทำให้เขาต้องกังวลและไม่สบายใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งที่ฉันเป็นคนรักของเขา มันก็เริ่มทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับการเป็นผู้หญิงของเขาเอาซะเลย “เรื่องนั้นคงต้องรอให้ผมได้รับคำสั่งจากคุณโอยามะก่อนครับ” คิราวะตอบเสียงเรียบ เขามองฉันผ่านกระจกมองหลังของรถแล้วส่งรอยยิ้มจางๆ มาให้ ซึ่งนั่นก็เป็นคำตอบที่ฉันคิดเอาไว้แล้วเหมือนกันนั่นแหละ สุดท้ายเมื่อไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ฉันก็เลือกที่จะเงียบมาตลอดทาง อีกอย่างก็คือรู้สึกเหม็นความรัก เพราะเหมือนจะเห็นริโกะกับคิราวะส่งสายตาให้กันบ่อยๆ ชิ! ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงยี่สิบนาทีก็พวกเราก็มาถึงแบล็กทาวน์ ตึกแฝดที่สูงที่สุดในย่านมารุที่ฉันเองก็ไม่เคยคิดฝันว่าวันหนึ่งฉันจะได้มีโอกาสเดินเข้าออกที่นี่ราวกับว่ามันเป็นสถานที่ที่ฉันคุ้นชิน มิหนำซ้ำยังสามารถขึ้นไปถึงชั้นบนสุดที่สูงเสียดฟ้านั่นได้โดยไม่ต้องมีบัตรผ่านประตู “แล้วเจอกันข้างบนนะริโกะ” ฉันโบกมือให้ริโกะก่อนจะแยกออกมาใช้ลิฟต์ส่วนตัวที่อยู่อีกด้านหนึ่งของตึก ส่วนริโกะก็ต้องเดินไปเข้าที่ประตูทางด้านหน้าเหมือนกันกับคิราวะ กิจวัตรประจำวันของฉันยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง จะว่าน่าเบื่อมันก็คงใช่ แต่ถ้าจะบอกว่าฉันเต็มใจจะอยู่แบบนี้มันก็ใช่อีก จะทำยังไงได้ล่ะในเมื่อฉันเป็นผู้หญิงของโอยามะ ผู้ชายที่มีให้ฉันทุกอย่างยกเว้นความธรรมดา ติ๊ง! เสียงสัญญาณลิฟต์ดังขึ้นเมื่อพาฉันขึ้นมาถึงชั้นยี่สิบซึ่งเป็นชั้นที่โอยามะนั่งทำงานหลังขดหลังแข็งอยู่เพื่อฉัน ถ้าเดินมาจากลิฟต์ของตัวตึก ห้องทำงานของเขาจะอยู่สุดโถงทางเดิน แต่ถ้ามาจากลิฟต์ส่วนตัวอย่างฉัน ออกจากลิฟต์มาแล้วเลี้ยวขวาไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว “หวังว่านายจะรักษาสัญญาก็แล้วกัน ฉันจะรอ” เสียงนั้นมัน... สองตาของฉันเบิกโพลงขึ้นมาในฉับพลันเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังมาจากหน้าห้องทำงานของโอยามะ คือฉันยังไม่ได้เดินออกจากลิฟต์น่ะ เมื่อครู่นี้ฉันมัวแต่คิดอะไรเพลินไปหน่อย แต่เสียงที่เพิ่งจะแทรกเข้ามาให้ได้ยินก็ทำให้ฉันต้องหยุดทุกความคิดที่กำลังฟุ้งซ่านลงในทันที เพราะรู้สึกเหมือนมีพลังงานอะไรบางอย่างที่แฝงมากับน้ำเสียง เสียงของใครคนนั้นสะกดให้ฉันต้องรีบก้าวเท้าออกมาจากลิฟต์พร้อมกับภาวนาขอให้อย่าเป็นคนที่ฉันคิดเอาไว้เลย กึก! แต่แล้วสองเท้าของฉันก็ต้องชะงักงัน เหมือนกันกับเจ้าของเสียงพูดเมื่อครู่ รวมไปถึงเสียงของส้นรองเท้าสีดำที่กระทบกับพื้นกระเบื้องก็เป็นอันต้องหยุดลงเมื่อเจ้าของฝีเท้าหยุดยืนประจันหน้ากับฉัน ดวงตาโฉบเฉี่ยวคู่คมตวัดมองมาที่ฉันที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ ก่อนที่ริมฝีปากที่แต่งแต้มด้วยสีแดงสดจะเหยียดยิ้มกลายๆ รอยยิ้มร้ายกาจแบบนั้นมันทำให้ภาพในอดีตที่เลวร้ายเมื่อครั้งก่อนย้อนกลับเข้ามาในหัวของฉันอีกครั้ง “ฮิมาวาริ” ชื่อของเธอฉันไม่เคยลืม และนอกจากชื่อของเธอแล้ว ฉันก็ไม่เคยลืมสิ่งที่เธอทำไว้กับฉันด้วย! ฉันจ้องมองผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นด้วยความรู้สึกเดือดพล่านในอก สองมือของฉันกำหมัดแน่นจนสั่น ระหว่างฉันกับเธอคนนั้นไม่มีคำพูดใดๆ มีเพียงสายตาที่เรามองกันเท่านั้นที่ยังคงบ่งบอกว่าเรามองอีกฝ่ายในฐานะศัตรู และมีเพียงคำตอบเดียวที่ฉันต้องการอยากจะรู้ที่สุดในตอนนี้ก็คือเธอมาทำอะไรที่นี่ “ฮานะ” ริโกะที่เดินผ่านมาเห็นเข้าพอดีร้องเรียก เธอรีบเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับจับมือของฉันเอาไว้ นั่นทำให้ฉันต้องหันไปยิ้มให้เธอแล้วทำเป็นไม่สนใจใครอีกคนที่กำลังแค่นหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่มีแม้แต่คำทักทายใดๆ ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้อยากจะทักทายเธอหรอก แม้แต่ใบหน้าของเธอ ฉันก็ไม่ได้อยากจะมองด้วยซ้ำ “ไปเถอะ” “อืม” ฉันพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินตามริโกะออกมา พ้นมุมทางเดินมาได้ก็เห็นว่าคิราวะเองก็กำลังเดินมาทางนี้เหมือนกัน ริโกะเดินมาส่งฉันที่หน้าห้องทำงานของโอยามะก่อนจะเดินแยกออกไปเพราะเธอคงมีงานต้องทำต่อ ส่วนคิราวะก็เหมือนแยกออกไปอีกทางตั้งแต่ทางด้านหน้าห้องประชุม ภาพการเดินสวนกันไปกันมาที่นี่คงเป็นเรื่องปกติของทั้งคู่ เพราะมันคงเกิดขึ้นก่อนที่ฉันจะมีโอกาสได้ก้าวเท้าเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ ริโกะเดินไปแล้ว ที่หน้าห้องตรงนี้เหลือเพียงฉันที่ยังคงลังเลอยู่นานกว่าจะกล้าตัดสินใจยกมือขึ้นเคาะประตูห้องทำงานของผู้ชายที่ฉันรัก ทั้งที่มันควรจะเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าในอกมันถึงได้ว้าวุ่นไปหมด ก๊อกๆๆ การเคาะประตูห้องทำงานของเขากลายเป็นเรื่องที่ฉันต้องใช้เวลาในการไตร่ตรองอยู่นานเลยทีเดียว “เข้ามา” เมื่อได้รับคำอนุญาต ฉันก็เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาเงียบๆ ส่งยิ้มให้เจ้าของห้องตอนที่เราบังเอิญสบตากันแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งที่โซฟา ตอนนี้ฉันไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจเรื่องอื่นหรอก เพราะฉันสนใจแค่เรื่องของฮิมาวาริเท่านั้น ฉันไม่ได้กลัวที่จะถามเขาถึงเรื่องของเธอ เพราะฉันคิดว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้ แต่แค่กำลังทบทวนให้แน่ใจว่าควรจะถามเขาด้วยคำถามหรือคำพูดแบบไหน ฉันถึงจะได้คำตอบที่เป็นความจริงต่างหาก ฟุ่บ! ฉันวางกระเป๋าเป้เอาไว้ข้างตัว ในหัวยังมีเพียงคำถามเดียวที่วนเวียนไปมาซ้ำๆ นั่นคือฮิมาวาริมาทำอะไรที่นี่ เธอมาทำไม มาทำอะไรในห้องทำงานของเขา! “ทำข้อสอบไม่ได้รึไง ทำไมทำหน้าเครียดแบบนั้น” โอยามะที่เพิ่งจะลุกขึ้นจากเก้าอี้โต๊ะทำงานถามเสียงเรียบ เขากำลังเดินเข้ามาหาฉันซึ่งถ้าให้ฉันเดา ฉันว่าเขาน่าจะกำลังเดินเข้ามาจับผิดฉันมากกว่า แต่จะให้ฉันซ่อนความสับสนทั้งหมดนี้ได้ยังไงล่ะ ในเมื่อฉันเก็บความรู้สึกไม่เก่งเหมือนเขา “ฮานะ” “ไม่แน่ใจน่ะ เดี๋ยวฉันมานะ” หมับ! ยังไม่ทันที่ฉันจะก้าวเท้าออกมา โอยามะก็เข้ามาขวางฉันเอาไว้เต็มตัวพร้อมกับรั้งข้อมือฉันเอาไว้แล้วดึงฉันเข้าไปกอด ไม่รู้สิ แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามันแปลก ถึงปกติเราจะกอดกันทุกวัน แต่ลางสังหรณ์ของฉันมันบอกว่าการกอดของเขาในวันนี้มันไม่เหมือนเดิม “ฉันรู้นะว่าเธอคิดอะไร” เขายังคงรู้เท่าทันความคิดของฉันเสมอ ไม่มีเลยแม้แต่ครั้งเดียวที่ฉันจะโกหกเขาได้สำเร็จ “ฮิมาวาริเอารายงานผลกำไรของกระเรียนทองกรุ๊ปมาส่งน่ะ จริงๆ รายงานฉบับนี้คนของกระเรียนทองกรุ๊ปเอามาส่งให้แล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่ฉันตรวจสอบแล้วมันมีปัญหา ฉันก็เลยเรียกตัวเธอมาถาม” โอยามะอธิบายตั้งแต่ที่ฉันยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามอะไรออกไปเลยสักคำ เขากอดฉันเอาไว้หลวมๆ ยกมือขึ้นลูบหัวฉันเบาๆ คล้ายกับกำลังปลอบประโลมเด็กที่เสียขวัญ “เมื่อกี้ตอนที่ฮิมาวาริเข้ามา ฉันให้โยชิเข้ามาอยู่ด้วยน่ะ ถ้าเธอไม่สบายใจ ฉันจะเรียกเขามาเป็นพยาน อนุญาตให้เธอถามรายละเอียดเขาได้ทุกคำถามที่เธอสงสัย” ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำตัวงี่เง่ากับเขาแบบนี้กันนะ “ฉันขอโทษ” ฉันรีบบอกพร้อมกับยกสองมือขึ้นกอดตอบโอยามะในทันที อยู่ๆ น้ำตาก็รื้นขึ้นมาซะอย่างนั้นทั้งที่มันไม่น่าจะเป็นเรื่องอะไรใหญ่โต “ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ ถ้ามันไม่จำเป็น ฉันจะไม่ให้ฮิมาวาริมาที่นี่อีก ฉันสัญญา” คำสัญญาจากปากของโอยามะทำให้ฉันกอดเขาเอาไว้แน่นกว่าเดิม ซึ่งเขาก็ยังคอยลูบหัวฉันพร้อมกับโยกตัวไปมาตลอดเวลาจนกระทั่งฉันค่อยๆ สงบลงในอ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่น “จะนั่งเล่นก่อนหรืออยากกลับแล้ว หิวมั้ย อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า” “ฉันยังไม่หิวหรอก แล้วนายล่ะ หิวรึเปล่า อยากกินอะไร เดี๋ยววันนี้ฉันทำให้กินนะ” ฉันเงยหน้าขึ้นไปอ้อนพลางส่งยิ้มให้โอยามะทั้งที่ยังคงต้องกะพริบตาปริบๆ เพื่อไล่หยดน้ำตาที่มันทำให้ฉันมองเห็นรอยยิ้มของเขาไม่ชัดเท่าไหร่นัก “ฉันอยากกินเธอ” ทุกทีสิน่า! “งั้นเรากลับกันเถอะ” “ง่ายงั้นเชียว” โอยามะถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ทำไม หรือว่านายยังมีงานต้องทำต่องั้นเหรอ” “ไม่มีนี่ กลับเถอะ วันนี้อยากไปหาริวรึเปล่า ฉันจะพาไป” โอยามะบอกอย่างใจดี ซึ่งฉันก็รีบพยักหน้าโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด “งั้นเดี๋ยวนายรอฉันแป๊บนึงนะ ฉันขอเอาสมุดไปคืนริโกะก่อน ไม่คิดว่านายกลับเร็วแถมยังจะพาไปหาริวด้วย ฉันก็เลยตั้งใจว่าจะคืนให้ริโกะขากลับ แต่เดี๋ยวนายจะให้โยชิไปส่งเราใช่มั้ย” “อืม” “งั้นเดี๋ยวฉันมานะ” ฉันส่งยิ้มให้โอยามะก่อนจะผละตัวออกมาจากเขา หันกลับไปเปิดกระเป๋าแล้วหยิบสมุดจดเลกเชอร์ออกมา ฉันตั้งใจจดมาให้ริโกะน่ะ ช่วงนี้ฉันเห็นว่าเธอเองก็ทำงานหนักจนไม่ค่อยมีเวลาได้อ่านหนังสือ ซึ่งถึงแม้ว่าเธอจะฉลาดและหัวไว แต่ฉันก็อดจะห่วงไม่ได้ ฉันเดินออกมาจากห้องทำงานของโอยามะแล้วเดินย้อนกลับทางเดิม ผ่านทางแยกที่จะไปที่ลิฟต์ส่วนตัวเพราะโต๊ะทำงานของริโกะอยู่หน้าแผนกโน้น “เมื่อกี้ฮานะเจอรองประธานของกระเรียนทองกรุ๊ปเดินออกมาจากห้องทำงานของคุณโอยามะค่ะคุณคิราวะ” ท่าทางริโกะคงจะกำลังรายงานเรื่องของฉันให้คิราวะรับรู้อยู่พอดี “แล้วเธอได้ยินอะไรบ้างรึเปล่า” “ริโกะคิดว่าไม่ค่ะ เหมือนฮานะกับรองประธานจะไม่ได้พูดกันเลยด้วยซ้ำค่ะ” ใช่ ฉันไม่ได้พูดอะไรกับฮิมาวาริเลย และเธอเองก็ไม่ได้พูดกับฉันเหมือนกัน ซึ่งมันอาจเป็นเพราะว่าริโกะเดินเข้ามาซะก่อน แต่ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ฉันจำได้ นั่นก็คือตอนก่อนที่ริโกะจะมา ฉันได้ยินรองประธานของกระเรียนทองกรุ๊ปพูดบางอย่างกับโอยามะ ‘หวังว่านายจะรักษาสัญญาก็แล้วกัน ฉันจะรอ’ สัญญาอะไร แล้วเธอรออะไร “ถ้าอย่างนั้นคงไม่มีอะไร เอาเป็นว่าเธอคอยดูแลคุณฮานะดีๆ ก็แล้วกัน รองประธานไม่มีทางมาดีแน่” “ค่ะคุณคิราวะ” “แล้วก็ดูแลตัวเองด้วย มีอะไรให้รีบบอกฉันทันที ห้ามตัดสินใจหรือทำอะไรโดยไม่บอกฉันเด็ดขาด” น้ำเสียงของคิราวะเด็ดขาดเหมือนเวลาที่โอยามะออกคำสั่งไม่มีผิด “ริโกะทราบค่ะ ว่าแต่แล้วเรื่องงานเลี้ยงที่กระเรียนทองกรุ๊ปล่ะคะ จะทำยังไง” งานเลี้ยงที่กระเรียนทองกรุ๊ปเหรอ งานเลี้ยงอะไรกัน แล้วมันจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ฉันได้ยินฮิมาวาริพูดกับโอยามะรึเปล่า ‘หวังว่าจะรักษาสัญญาก็แล้วกัน ฉันจะรอ’ ฉันว่าต้องใช่แน่ๆ แบบนี้ก็แปลว่าทั้งคู่จะต้องเจอกันอีกในงานเลี้ยงที่จะจัดขึ้นที่กระเรียนทองกรุ๊ปสินะ เมื่อไหร่กัน “เรื่องนั้นคงต้องรอให้คุณโอยามะเป็นคนตัดสินใจ” “ค่ะ ถ้างั้นริโกะขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะคะ” “อืม อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันข้างล่าง” คิราวะกำชับก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเดินแยกออกไป ซึ่งฉันก็ทำได้เพียงแค่เก็บทุกคำถามเอาไว้ในใจแล้วรีบเดินต่อไปให้เป็นปกติที่สุด ฉันแค่จะเอาสมุดเลกเชอร์มาให้ริโกะเท่านั้นเอง ท่องเอาไว้ว่าฉันแค่จะเดินเอาสมุดเลกเชอร์มาให้ริโกะ จากนั้นก็จะกลับไปหาโอยามะ เราจะไปหาริวด้วยกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD