หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ปาริชาติใช้ชีวิตในคฤหาสน์ของไกรสรอย่างเงียบสงบ เธอพยายามไม่สนใจสายตาที่มองมาอย่างอิจฉาของลูกตาลและคนรับใช้อื่น ๆ ที่ไม่เป็นมิตร
มีเพียงป้าหน่อยเท่านั้นที่คอยดูแลเธอด้วยความเมตตา และเตือนให้เธอระวังตัวจากคำพูดนินทาที่เจ็บแสบ
“หนูอย่าไปถือสาเลยนะคุณหนู” ป้าหน่อยปลอบใจขณะที่จัดห้องให้เธอ “คนพวกนี้มันอิจฉาที่ท่านเศรษฐีให้ความเมตตาหนูมากขนาดนี้”
“ป้าหน่อยคะ… ทำไมท่านถึงดีกับหนูนัก” ปาริชาติเอ่ยถามด้วยความสงสัยในใจ “หนูไม่ได้เป็นอะไรกับท่านเลย”
ป้าหน่อยยิ้มอย่างอ่อนโยน “ความเมตตาของท่านเศรษฐีมันเหมือนกับสายน้ำที่ไหลอยู่ใต้ภูเขานั่นแหละจ้ะ ดูเหมือนเงียบสงบ แต่ลึก ๆ แล้วมันเชี่ยวมาก ท่านเป็นคนดีและมีน้ำใจยิ่งกว่าที่ใคร ๆ จะคิดได้"
คำพูดของป้าหน่อยทำให้ปาริชาติรู้สึกอุ่นใจ แต่ก็ยังคงมีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ซ่อนอยู่ในใจของเธอ ความรู้สึกที่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับไกรสรนั้น ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อบุญธรรมกับลูกสาวเท่านั้น
ค่ำคืนนี้เป็นคืนที่สอง ที่ปาริชาติได้ใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์และห้องของเธอก็ติดกับห้องของเศรษฐีไกรสร เขาสั่งให้คนมาทำประตูเชื่อมพิเศษระหว่างห้องเขาและห้องเธอ ในขณะที่ปาริชาติกำลังหลับสนิทอยู่นั้นอยู่ดีๆเธอก็รู้สึกถึงการสัมผัส
ฮืม..เสียงงัวเงียไม่ได้ลืมตาขึ้นมาดูถึงการรบกวนที่อยู่เบื้องหน้า
เธอรู้สึกตัวอีกครั้งจึงได้สะดุ้งตัวตื่นเห็นว่าเป็นเศรษฐีไกรสรที่ปีนขึ้นมาบนเตียงเล็กๆของเธอแล้วโอบกอดเธอจากทางด้านหลัง
"ทะ ท่านเศรษฐี !" เสียงแผ่วเบาเล็กของปาริชาติกระทบเข้าโสตประสาทของเศรษฐีไกรสรเข้าอย่างจังเขาไม่ได้มีปฏิกิริยาที่ตกใจเพียงแต่บอกกระซิบข้างหูปลายชาร์จเบาๆ
"นอนเถอะฉันง่วงแล้ว" เศรษฐีไกรสรดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดรั้งเอาไว้แล้วหลับไปพร้อมกับปาริชาตินั่นเป็นคืนแรกและครั้งแรกที่เศรษฐีไกรสรมอบอ้อมกอดที่อบอุ่นให้กับเธอ
ความใกล้ชิดที่เกินกว่าปกติ การสัมผัสที่อ่อนโยนของเขาในบางครั้ง สายตาที่มองมาด้วยความห่วงใยและปรารถนาดีที่แสนลึกล้ำ และยิ่งเมื่อเธอได้รู้ว่าเขาไม่เคยมีลูกมาก่อน นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกสับสนกับความรู้สึกที่เขามีให้เธอ
“ท่านคงเหงามาก” ปาริชาติคิดในใจ “ท่านคงอยากมีใครสักคนให้รักและดูแล”ปาริชาติที่เธอได้รับความรักความอบอุ่นผ่านมาหนึ่งอาทิตย์เศรษฐีไกรสรทำเช่นนี้กับปาริชาติจนเธอรู้สึกชินและไม่ตื่นตระหนกตกใจกับเศรษฐีไกรสรอีก
ในทุกค่ำคืนเศรษฐีไกรสรจะขึ้นมาและนอนในห้องบนเตียงของปาริชาติเขามอบอ้อมกอดที่อบอุ่นให้ปาริชาติเสมอ เหล่าบรรดาคนรับใช้ที่รับใช้ภายในตึกใหญ่ก็ต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าบุญวาสนาของปาริชาติทั้งนั้น
เศรษฐีไกรสรไม่เคยพาผู้หญิงที่ไหนเข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้เลยส่วนใหญ่เขาจะเรียกผู้หญิงไปใช้บริการตามโรงแรมหรือไม่ก็แค่ที่บ้านสวน ที่บ้านหลังนี้มีเพียงปาริชาติเท่านั้นที่ได้เหยียบเข้ามาเป็นบ้านที่พ่อแม่ของท่านเศรษฐีทิ้งเอาไว้ให้และมีความหมายกับเศรษฐีไกรสรเป็นอย่างมาก
หลายวันผ่านไป ปาริชาติใช้ชีวิตในบ้านของไกรสรอย่างมีความสุข เธอเริ่มชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้มากขึ้น และความรู้สึกหวาดกลัวก็ค่อย ๆ จางหายไป
แต่ในวันหนึ่งขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสืออยู่บนระเบียง ก็มีรถสปอร์ตคันหรูคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน หญิงสาวที่ก้าวลงมาจากรถแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแพงระยับ ใบหน้าสวยแต่กลับเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
เธอคือ มณี หญิงสาวคนรักของไกรสรที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ เธอเป็นลูกสาวของนักธุรกิจใหญ่ และมักจะมาหาไกรสรอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อเห็นปาริชาติ พวงพยอมก็จ้องมองด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
“เด็กคนนี้ใครกันไกรสร” เธอกล่าวถามไกรสรด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เธอรับเลี้ยงเด็กนอกคอกมาจากไหน”คำพูดที่ดูร้ายกาจนั้นถูกพ่นมาจากปากของผู้หญิงที่ชื่อพวงพยอม
ปาริชาติได้ยินคำพูดของมณีอย่างชัดเจน เธอรู้สึกเจ็บแปลบในใจกับคำว่า “เด็กนอกคอก” ก่อนจะหลบสายตาไปทางอื่นเพราะเธอก็ไม่รู้ว่าเธอนั้นอยู่ในสถานะลูกสาวบุญธรรมหรืออะไรก็ตามแต่เพียงแค่เศรษฐีดูแลเธอดีขนาดนี้เขาใช้คำว่า
"นับจากนี้เธอคือคนของฉัน!" นั่นหมายถึงปาริชาติเป็นคนของเศรษฐีไกรสรทั้งตัวและหัวใจ
“พวงพยอม! เธอพูดอะไร” ไกรสรเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ผิดไปจากปกติ เขาดูไม่พอใจนักที่เห็นปาริชาติถูกดูถูก
“เด็กคนนี้ชื่อปาริชาติ เธอเป็นคนของฉัน!”
น้ำเสียงที่ดูไม่พอใจปนหงุดหงิดถูกพ่นออกมาจากปากหนาปกติไกรสรเป็นคนไม่ชอบพูดอะไรหรืออธิบายอะไรให้ใครฟังแต่กับเรื่องของปาริชาติเขายอมไม่ได้ที่จะให้ใครมาดูถูกเธอ
“คนของฉันหรอ!” พวงพยอมหัวเราะเยาะ “เธอไปดูให้ดีเถอะไกรสร เด็กนี่หน้าแบบนี้สภาพนี้ที่คุณรับมาเลี้ยงหรอคะ?"
"ไปรับเด็กกำพร้าที่บ้านเด็กกำพร้ามาเลี้ยงยังจะดีซะกว่า ได้ข่าวว่าเป็นเด็กที่อยู่ในโรงเลื่อยของคุณด้วยนี่”พวงพยอมไม่ถูกชะตากับปาริชาติตั้งแต่แรกเห็นเธอรู้สึกว่าเด็กคนนี้หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเกินกว่าเด็กธรรมดาทั่วไป
"คุณเลิกพูดเกี่ยวกับปาริชาติเถอะ มีอะไรถึงมาหาผมถึงที่นี่" ไกรสรเปลี่ยนเรื่องพูดทันทีเขารู้สึกหงุดหงิดที่พวงพยอมไม่ยอมเลิกยุ่งวุ่นวายกับเขาสักทีทั้งที่เป็นเพียงแค่คู่นอนเขารู้สึกรำคาญ พวงพยอมมาก ๆ ถ้าไม่ติดว่ายังเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกับพ่อของเธอมณีคงกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาเขี่ยทิ้ง
"ก็พยอมคิดถึงคุณนี่คะ คุณไม่มาหาพยอมเลย พยอมก็ต้องมาหาคุณที่คฤหาสน์หลังนี้"พวงพยอมถือวิสาสะเข้ามาในคฤหาสน์ของไกรสรโดยไม่ได้รับอนุญาต ลูกสมุนที่อยู่ด้านนอกพยายามห้ามแล้วแต่ก็ห้ามคนอย่างพวงพยอมไม่ได้
"วันหลังถ้าผมไม่ได้อนุญาต หวังว่าคุณจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก เพราะที่นี่เป็นที่ส่วนตัวผมไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย..!" ไกรสรพูดออกมาอย่างชัดเจนและไม่ได้แคร์ความรู้สึกของคู่นอนอย่างพวงพยอม
"ทำไมพูดอย่างนี้กับพยอมล่ะคะไกร!"พวงพยอมทำท่าทีหงุดหงิดและเหมือนจะน้อยใจที่ไกรสรพูดตัดพ้อต่อว่าใส่เธอ
ทางด้านน้ำตาลที่เดินยกน้ำมาเสิร์ฟให้กับ พวงพยอมก็จ้องมองหน้ากันด้วยความไม่พอใจใครก็ตามที่เข้าใกล้เศรษฐีไกรสรนางตาลจะกลายเป็นนางยักษ์ทันทีเพราะเธอไม่ชอบที่ใครมาอยู่ใกล้คนที่เธอหมายปอง
"ขออนุญาตค่ะท่าน เศรษฐีลูกตาลเอาน้ำมาเสิร์ฟค่ะ" ลูกตาลวางน้ำลงแล้วเงยหน้าจ้องมองพวงพยอมด้วยท่าทีไม่เป็นมิตร
"มองอะไรยะ! ไม่เคยเห็นคนหรอ" กวงพยอมหันไปพูดกับลูกตาลด้วยความไม่พอใจที่เห็นว่าที่จ้องมองเธอก่อนด้วยท่าทีและสายตาที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย
"คุณอย่าไปหาเรื่องเด็กมันเลย คุณมีอะไรก็พูดมาเถอะผมต้องไปทำงาน" เศรษฐีไกรสรหันมาต่อว่าพวงพยอมที่กำลังลุกลามไปต่อลูกแม่บ้าน
"ก็พยอมบอกแล้วไงคะว่าคิดถึงคุณ คุณจะให้ พยอมบอกคุณว่ายังไงล่ะคะ" พวงพยอมที่ไม่ยอมก็เดินก้าวย่างอย่างช้าๆเข้ามาหาไกรสรแล้วใช้นิ้วเกลี่ยไปตามใบหน้าหล่อเหลาที่เธอหลงใหลอยากได้มาเป็นสามี
"ผมไม่ว่าง!" ไกร
ตอบห้วน ๆ แล้วโบกมือให้ลูกตาลเดินออกจากห้องไปส่วนปาริชาติเธอก็เดินหายลับเข้าไปในครัวเพื่อไปช่วยงานป้าหน่อยเธอไม่ได้สนใจว่าจะมีใครมาหาเศรษฐีไกรสรแต่เธออยากจะช่วยงานคนในบ้านให้ได้มากที่สุดเธอไม่อยากนั่งงอมืองอเท้าให้เป็นที่ครระหานินทา..