เด็กเลี้ยงตอนที่ 3
“น้องอันอันเหรอคะ คนนี้ไม่ได้จริงๆ ค่ะคุณเชนน์พอดีลูกค้าวีไอพีโต๊ะหนึ่งเขาขอมา เปลี่ยนเป็นน้องอีกคนดีมั้ยคะ”
จีจี้พยายามต่อรองและหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าคนสนิทที่อยู่ๆ ก็เดินมาขอดีลอันอันเด็กนั่งดริ้งค์ในความดูแลของเธอซึ่งตอนนี้อันอันติดลูกค้าอยู่
“อ่า พอดีเพื่อนผมมันอยากได้คนนี้น่ะสิครับ”
“จี้ก็อยากให้นะคะแต่ว่าจี้ก็ไม่อยากมีปัญหากับลูกค้าโต๊ะนั้น”
“เข้าใจครับ แต่เพื่อนผมมันบอกว่าถ้าดีลได้จะจ่ายให้มากกว่าลูกค้าโต๊ะนั้นสองเท่าเลยนะ”
คำว่าจ่ายให้มากกว่า ‘สองเท่า’ ทำให้จีจี้คิดหนัก จำนวนเงินมันน่าสนใจแต่เธอก็ไม่อยากเสี่ยงมีปัญหากับลูกค้าคนอื่น
“แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ”
เชนน์พูดยิ้มๆ พร้อมกับทำท่าจะเดินกลับเข้าไปข้างในแต่ผู้จัดการร้านคนเก่งก็รีบรั้งไว้ทันที
“ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะคุณเชนน์”
“ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับคุณจี้ ผมขอโทษที่ทำให้ลำบากใจนะ” เชนน์พูดอย่างรู้สึกผิดทั้งที่ในใจกำลังยิ้มย่องอย่างคนเหนือกว่า
อำนาจเงินมันเป็นยังไงเดี๋ยวเขาจะทำให้ดู
“ที่บอกว่าจะจ่ายให้มากกว่าสองเท่าจริงหรือเปล่าคะ?”
“ผมเคยหลอกคุณจี้ด้วยเหรอครับ”
“อ่า โต๊ะนั้นเขาจ่ายค่าตัวน้องอันอันสามหมื่นเลยนะคะถ้าให้สองเท่าก็หกหมื่นเลยน้า” จีจี้พูดลองเชิงไปเพื่อดูว่าเชนน์จะจ่ายไหวหรือเปล่าซึ่งคำตอบที่ได้กลับมาก็ทำเอาเธอถึงกับอึ้งไปเลย
“ผมให้แสนหนึ่งเลยครับ”
“แสนหนึ่งเฉพาะค่านั่งดื่มนะคะ!”
จีจี้รีบบอกเพราะกลัวเชนน์คาดหวัง อันอันเป็นเด็กใหม่ที่ยังไม่รับงานขึ้นเตียงกับลูกค้าหากจะทำมากกว่านั้นเธอต้องไปตกลงกับน้องก่อน ซึ่งราคาที่เชนน์เสนอมาน่ะจ่ายเพื่อพาเด็กไปขึ้นเตียงได้ตั้งหลายคนเลยนะ เขาจะยอมจ่ายหนึ่งแสนเพื่อพาอันดาไปนั่งดื่มด้วยเฉยๆ จริงๆ เหรอ?
“ครับ หนึ่งแสนแค่นั่งดื่มมากกว่านั้นแล้วแต่เด็กตกลงกับเพื่อนผมโอเคมั้ยครับ”
“ตกลงค่ะ!”
จีจี้ตอบตกลงโดยที่ไม่คิดอะไรแล้ว เงินหนึ่งแสนมันก็มากพอให้จีจี้ยอมหักกับลูกค้าอีกคนได้เลยแหละ
.
.
Anda’s Part
‘เจสันต์ อีแวนสัน’ เป็นชื่อของนักธุรกิจชื่อดังที่ฉันมักจะได้ยินเด็กนั่งดริ้งค์พูดถึงอยู่บ่อยๆ ชื่อเสียงของเขาเป็นที่เลื่องลือในกลุ่มพวกเราเพราะเขาเป็นผู้ชายที่ขึ้นชื่อเรื่องความป๋าและเงินหนาสุดๆ การที่ได้เป็นคนที่เจสันต์เลือกไปขึ้นเตียงด้วยเป็นจุดมุ่งหมายของใครหลายคนเลยก็ว่าได้เพราะนอนกับเขาแค่คืนเดียวได้เงินเกือบเท่ากับการมาทำงานเป็นเด็กนั่งดริ้งค์ทั้งเดือนอีก เผลอๆ ได้มากกว่าด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่าเรื่องความป๋าของเขาแล้วเจสันต์ยังเป็นที่พูดถึงในเรื่องรูปร่างหน้าตาที่หล่อแบบตะโกนว่าหล่อ! จนเพื่อนๆ ในกลุ่มเด็กนั่งดริ้งค์ชอบพูดกันว่าถ้าได้นอนกับคุณเจสันต์น่ะคงจะเป็น ‘บุญกีบารมีแTด’ ที่สุดในชีวิตเลยล่ะ
ได้ยินชื่อเขามานานแต่ฉันเพิ่งมีโอกาสได้เจอคุณเจสันต์อะไรนั่นครั้งแรกก็คืนนี้แหละ เนื่องจากโต๊ะที่เขานั่งอยู่ไม่ไกลจากตรงที่ฉันนั่งมากนัก แม้ว่าจะไม่ได้นั่งโต๊ะวีไอพีแต่การมาของเจสันต์ก็เป็นที่พูดถึงในแชตกลุ่มของเด็กนั่งดริ้งค์จนทุกคนรู้กันหมดว่าเขามาที่ร้านเรา
สาวๆ ต่างก็เสียดายไปตามๆ กันเพราะคืนนี้ทุกคนติดลูกค้ากันหมดคงหมดโอกาสไปต่อกับเขาแล้ว
ขนาดฉันที่ไม่เคยรับงานขึ้นเตียงกับใครยังแอบเสียดายไปด้วยเลยเพราะคุณเจสันต์อะไรนั่นก็หล่อจริงๆ นั่นแหละ ฉันเผลอมองและแอบยิ้มให้เขาไปตั้งหลายที
จากที่ได้ยินมานิสัยของเจสันต์อะไรนั่นดูทรงเสี่ยมากแต่รูปร่างหน้าตาของเขากลับไม่เหมือนพวกเสี่ยแก่ๆ ที่แอบเมียมาเที่ยวเลยสักนิด อ้อ ได้ยินมาว่าเขายังไม่แต่งงานด้วยนะ
นอกจากจะอยากขึ้นเตียงกับเขาแล้วบางคนยังฝันสูงถึงขนาดอยากเป็น ‘ภรรยา’ ของเจสันต์ก็มีนะ แต่ก็คงยากหน่อยเพราะฉันได้ยินมาว่าเขาไม่เลี้ยงเด็ก
ในขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆ พร้อมกับชงเครื่องดื่มให้ลูกค้าไปด้วยพี่จีจี้ก็เดินมากระซิบกระซาบอะไรกับลูกค้าไม่รู้แล้วอยู่ๆ ก็เรียกฉันให้เดินตามไปที่หลังร้านท่ามกลางความงุนงงของทุกคน
“มีอะไรหรือเปล่าคะพี่จี้”
“อันเปลี่ยนโต๊ะนะ ไปดูแลลูกค้าโต๊ะสี่แทน”
“อ้าว ทำไมคะ?”
“ไปเติมหน้าเติมปากแล้วไปทำตามที่พี่บอกก็พอเร็วๆ”
“แต่อันติดลูกค้า…”
“ถ้าแกอยากได้เงินเยอะๆ ก็เชื่อพี่”
คำว่า ‘เงิน’ ทำให้ฉันพับเก็บทุกความสงสัยลงไปแล้วรีบไปเติมหน้าเติมปากตามที่พี่จี้บอกก่อนจะเดินออกไปบริการลูกค้าโต๊ะสี่ตามที่พี่จี้บอก
แต่เดี๋ยวก่อนนะโต๊ะสี่งั้นเหรอ...
.
.
“ส สวัสดีค่ะ”
อันดายกมือไหว้ทักทายลูกค้าโต๊ะใหม่ที่เธอต้องดูแลเสียงสั่น ไม่ใช่เพราะกลัวแต่เป็นเพราะเธอกำลังตื่นเต้น
ตั้งแต่ทำงานเป็นเด็กนั่งดริ้งค์มาอันดาพูดได้เต็มปากเลยว่าลูกค้าสี่คนที่นั่งมองอยู่ตรงหน้าเธอคือกลุ่มลูกค้าที่หล่อที่สุดตั้งแต่เธอเคยเจอมาเลยก็ว่าได้ เห็นไกลๆ เมื่อกี้ก็รู้สึกว่าหล่อนะแล้วพอมาเจอหน้าใกล้ๆ แล้วยิ่งหล่อจนอันดาทำตัวไม่ถูกโดยเฉพาะผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอที่มีรูปร่างหน้าตาตรงสเปกของอันดาที่สุด
คุณเจสันต์...
เชนน์ถึงกับยิ้มกว้างก่อนจะหันไปทำหน้าเหนือใส่เจสันต์เมื่อเห็นคนที่เจสันต์สั่งให้เขาไปดีลแย่งลูกค้าคนอื่นมายืนอยู่ที่โต๊ะในเวลาไม่ถึงสิบนาทีในขณะที่เจสันต์ทำเพียงแค่ยิ้มมุมปากเท่านั้น
“เอ่อ พี่จีจี้บอกให้อันอันมาดูแลโต๊ะนี้ค่ะ ให้อันนั่งตรงไหนดีคะ”
เสียงหวานพูดขึ้นเรียกสติของหนุ่มๆ ที่ยังอึ้งกับความสวยของเด็กนั่งดริ้งค์อยู่
รูปร่างหน้าตาแบบนี้เข้าวงการได้สบายเลยนะ เธอสวยยิ่งกว่าดาราอีก
“ตรงนั้นเลยครับคนสวย”
เชนน์ชี้ที่ว่างข้างคนที่บอกให้เขาไปดีลเด็กคนนี้มาแต่พอน้องเขามาถึงก็ไม่ยอมพูดจานั่งเก๊กหน้าทำทรงอยู่ได้
“สวัสดีค่ะ อันอันนะคะคุณ…”
“เจสันต์” เสียงทุ้มตอบอันดานิ่งๆ แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้คนฟังใจกระตุกได้ หน้าตาหล่อเหลาไม่พอเสียงยังหล่ออีกต่างหาก
“คุณเจสันต์”
อันดาแสร้งทำเป็นทวนชื่อของเขาแม้ว่าจะรู้จักอยู่แล้วพร้อมกับยิ้มหวานให้เขาอีกทีก่อนจะเริ่มชวนคุยเพื่อละลายพฤติกรรมเพื่อที่จะได้ไม่เกร็งกันมาก หมายถึงเธอน่ะจะได้ไม่เกร็งเพราะพอได้มานั่งมองหน้าเจสันต์ใกล้ๆ แบบนี้แล้วอันดารู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกเลย
หล่อจนอันดาเกือบลืมหายใจ
จมูกนั่นจะโด่งไปไหน ทั้งคมทั้งโด่งถ้าเธอจับมันจะบาดมือเธอหรือเปล่านะ
“คุณเจสันต์พูดไทยได้ใช่มั้ยคะ”
“ได้ครับ มันเป็นลูกครึ่งน่ะ” เป็นเชนน์ที่ตอบแทนเพื่อนในขณะที่คนถูกถามยังคงนิ่งเป็นหิน
“กูอุตส่าห์ไปดีลมาให้ได้มึงก็สนใจน้องเขาหน่อยสิวะ” เชนน์ขยับเข้าไปกระซิบเพื่อนเมื่อเห็นอันอันเริ่มหน้าเสียเพราะเพื่อนเขาไม่ยอมคุยด้วยจนเจสันต์ยอมเปิดปากพูด
“อายุเท่าไหร่?”
“ยี่สิบสองแล้วค่ะ”
“เด็ก”
“อ่า ก็ค่ะ” อันดารู้สึกเหมือนกำลังโดนดุยังไงไม่รู้ ถ้าเทียบกับเขาเธอก็คงยังเด็กจริงๆ นั่นแหละแต่เธอบรรลุนิติภาวะแล้วนะ
หลังจากประโยคนั้นเจสันต์ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเป็นอันดาที่ชวนคุยซะส่วนใหญ่ แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพูดและตอบกลับมาแค่ ‘อืม' ‘อือ’ ‘อ่าฮะ’ ก็เถอะ
อันดาเริ่มไม่มั่นใจในการบริการของตัวเองว่าทำให้เจสันต์พอใจหรือเปล่าเพราะเขาไม่แสดงท่าทีอะไรเลยแถมยังเว้นระยะห่างกับเธอไม่เหมือนลูกค้าคนอื่นที่พอมาถึงก็โอบหรือหาเรื่องแตะตัวตลอด
มันก็ดีแหละแต่เธอแค่ไม่เคยเจอลูกค้าแบบนี้มาก่อนเฉยๆ
ถึงจะไม่มั่นใจแต่อันดาก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปทั้งชงเครื่องดื่มทั้งชวนคุยจนเวลาผ่านไปสักพักพวกเพื่อนๆ ของเจสันต์ก็ขอตัวกลับเพราะเริ่มดีลสาวกันได้แล้วทำให้ตอนนี้ที่โต๊ะเหลือแค่เจสันต์กับอันดาแค่สองคน
“ใกล้จะหมดเวลาของอันแล้วนะคะ”
อันดาพูดขึ้นหลังจากที่เงียบมาสักพัก เธอมองดูนาฬิกาตรงข้อมืออีกสิบนาทีจะเที่ยงคืนซึ่งเป็นเวลาเลิกงานของเธอแล้ว เธอตั้งใจแจ้งให้เขาทราบและบอกกลายๆ ว่าจะทำอะไรก็รีบทำสักที
“อืม ชงอีกแก้วแล้วไปได้เลย”
“ได้เลยค่ะ” อันดายิ้มหวานตอบรับพร้อมกับลงมือชงเหล้าแก้วสุดท้ายให้กับเขา
“เสร็จแล้วค่ะ” คนตัวสูงขยับปากพูดว่า ‘thank you’ พร้อมกับรับแก้วจากมืออันดาไปดื่มแต่คนตัวเล็กกลับยื้อไว้
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างตั้งคำถามถึงสาเหตุของการกระทำนั้น
“อะ เอ่อ ให้อันป้อนมั้ยคะ?”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวหก”
อันดาทำใจกล้าถามออกไปแบบนั้นเพราะเธอรู้สึกว่าเธอยังทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่เลย และที่สำคัญมันเป็นอ้อนสุดท้ายก่อนไปเผื่อว่าเขาจะใจดีให้ทิปมาสักพันสองพันซึ่งโดยปกติแล้วเวลาที่อันดาทำแบบนี้กับลูกค้าคนอื่นมันได้ผลแต่คงจะไม่ใช่กับเจสันต์เพราะเขาปฏิเสธเธอกลับมาอย่างไร้เยื่อใย
อันดาแอบย่นจมูกด้วยความขัดใจ เธอพยายามเอาใจแล้วนะเจสันต์ไม่รับเองแล้วจะมาคอมเพลนหาว่าเธอไม่ดูแลทีหลังไม่ได้นะ ถ้าเธอโดนผู้จัดการร้านดุเธอจะโกรธเขาจริงๆ ด้วย! (ทำได้แค่โกรธเพราะทำอย่างอื่นไม่ได้)
“อันต้องไปแล้วค่ะ ถ้าคุณเจสันต์อยากได้อะไรเพิ่มเติมเรียกพนักงานได้เลยนะคะ” อันดาพูดขึ้นหลังจากที่หนุ่มลูกครึ่งกระดกจนหมดแก้ว ร่างบางเม้มปากแน่นเหมือนชั่งใจก่อนที่จะตัดสินใจขยับเข้าไปใกล้คนตัวสูงแล้วโน้มตัวลงไปไหว้ลงตรงหน้าอกแกร่งจนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากตัวเขา
“สวัสดีค่ะ”
อันดาตัดสินใจทำแบบนั้นเพราะถือว่าเป็นการขอบคุณที่เจสันต์ไม่ล่วงเกินเธอแม้ว่าเธอจะแอบขัดใจที่อดได้ทิปจากเขาก็เถอะ
อันดาไหว้ค้างไว้สามวิและตั้งใจจะผละออกแต่ในขณะที่เธอกำลังจะผละออกเจ้าของอกแกร่งก็โน้มตัวลงมาใกล้จนปลายจมูกโด่งๆ ของเขาเฉียดแก้มเธอแล้วกระซิบถามอะไรบางอย่างที่ทำเอาอันดาชะงักค้างไปทันที
“ไปต่อกับผมมั้ย?”
.
.
Tip~
Group chat (3) (no Jayson)
Bryce: เพื่อนพวกมึงเป็นอะไรของมันวะ ก่อนหน้านี้ดูอยากได้เด็กคนนี้มากแต่พอน้องเขามาแทบไม่คุยกับน้องเขาเลย
Shane: มันเขิน
Perce: What?
Shane: เออ พวกมึงจำไม่ได้เหรอเวลาเขินไอ้เจสันต์มันชอบนิ่ง
Perce: มันเขินเด็กนั่งดริ้งค์?
Shane: หูมันแดงตอนน้องเขาไปนั่งข้างๆ พวกมึงไม่เห็นเหรอ