หลังจากนั้นผมก็ไม่เจอรุ่นพี่คนนั้นอีกเลย มารู้ตอนหลังว่าความจริงเธอเรียนจบไปแล้วแต่วันนั้นรุ่นน้องที่สนิทกันชวนรุ่นพี่คนนี้ไปด้วย และนั่นก็ทำให้ผมเข้าใจได้ว่า ต่อจากนี้เราคงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแน่นอนจนกระทั่งวันนี้...
ตอนนี้ทุกคนในห้องต่างให้ความสนใจในหน้าจอของแท็บเล็ตไม่ได้น้อยไปกว่าดิเชร์จนเป็นตะวันเลขาคนใหม่ได้ถามขึ้นมาก่อน
"มีอะไรให้ผมจัดการไหมครับ" ดิเชร์หันไปมองหน้าตะวัน เขานั่งนิ่งอยู่สักพักก่อนจะตอบออกไป
"ไม่มีครับ ช่างเถอะเรามากินข้าวกันต่อดีกว่า" แต่มีเหรอที่คานโลกับเจมส์จะเดาไม่ออกว่านายน้อยของเขาต้องการอะไร ด้วยความที่อยู่ด้วยกันมานานสิบกว่าปี ทั้งสองคนคิดว่านายน้อยของเขาคงเริ่มสนใจหญิงสาวที่เคยเจอกันเมื่อหลายปีที่แล้วแน่ๆ
ภายในห้องวีไอพี ดรีม ไอวี่และพลอยใสต่างเอนเตอร์เทนให้กับแขกที่อยู่ในวัยเกษียณอย่างเต็มที่ ดรีมเลือกที่ร้องเพลงคาระโอเกะ ผ่านไปได้หนึ่งเพลง นัทตี้ที่มาทำงานสายก็ผลักประตูเข้ามาด้านใน ด้วยรูปร่างหน้าตาที่สวยพอๆกับดรีมทำให้แขกเรียกให้เธอไปนั่งแทนที่ดรีม
"หนูชื่อะไร"
"นัทตี้ค่ะเสี่ย"
"เสี่ยอะไรกันเรียกพี่ดีกว่า ไหนลองเรียกสิ"
"หนูชื่อนัทตี้ค่ะพี่"
"ดีมาก ถ้างั้นพี่ขอถามหน่อย น้องดรีมเขารับงานนอกไหม"
"อ๋อไม่รับค่ะ แต่นัทตี้รับนะคะถ้าพี่สนใจ"
"สนสิ สนใจมากๆ คืนนี้ไปกับพี่นะ"
"ค่ะพี่" นัทตี้ตอบกลับพลางส่งรอยยิ้มหวานๆให้กับคนที่นั่งข้างๆ ในขณะที่มือก็ชงเหล้าไปด้วย
เวลาผ่านไปสามชั่วโมงก็หมดเวลาของเด็กนั่งดริ๊งก์ที่ห้องวีไอพีจองเอาไว้ ใครรับงานต่อก็แค่ไปบอกผู้จัดการที่ดูแลนั่นก็คือแพรวา เธอจะลงบุ๊คเอาไว้แค่นั้นไม่มีการขอแบ่งเปอร์เซ็นต์แต่อย่างใด สาวๆที่ทำงานที่นี้จะรู้ดีว่าผับโซแอลแห่งนี้เป็นกลางไม่เคยขูดเลือดขูดเนื้อกับพนักงาน อะไรที่ช่วยได้ก็ช่วย ผับแห่งนี้เลยไม่มีใครลาออกมีแต่มาขออยู่เพิ่มและแน่นอนเจ้าของผับก็พร้อมจะรับเข้าทำงานถ้ามีตำแหน่งว่าง
"ไงวันนี้ได้ทิปคนละเท่าไหร่" แพรวาหันไปถามดรีมเพราะเธอรู้ว่าดรีมต้องการเงินไปรักษาแม่
"ได้คนละพันค่ะพี่แพรวา" เป็นการทำงานที่น้อยชั่วโมงแต่ก็ได้รับเงินตอบแทนค่อนข้างเยอะ เพราะแบบนี้ดรีมจึงรับงานนี้ ต่อให้โดนลวนลามบ้าง แต่เธอก็ยังเอาตัวรอดได้
ชีวิตที่ต้องดิ้นรนปากกันตีนถีบ ดรีมพร้อมที่จะยอมรับมันหากว่าวันใดวันหนึ่งเธออาจจะพลาดพลั้งโดนล้วง โดนหอม โดนยุ่มย่ามจนเกินไป ต่อให้เธอเรียกให้การ์ดมาจัดการก็คงไม่ดี มันจะทำให้เสียแขกมากกว่า
"ดีแล้ว จะกลับกันเลยไหมหรือว่าอยู่ต่อเผื่อมีลูกค้าเรียก" แพรวาถามเมื่อเห็นว่ายังไม่มีใครเข้าไปเปลี่ยนชุดในขณะที่นิ้วมือกำลังกดเครื่องคิดเลขคิดค่าดริ๊งก์ให้กับแต่ละคนแล้วลงบัญชีเอาไว้
"ดรีมขอกลับก่อนนะคะเพราะพรุ่งนี้วันจันทร์ค่ะพี่แพรวา"
"ได้สิ เปลี่ยนชุดก็กลับได้เลย"
"ค่ะ กลับก่อนนะไอวี่ พลอยใส"
"จ๊ะ เจอกันพรุ่งนี้"
"กลับดีๆล่ะ"
ดรีมเข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดได้ไม่นานก็ออกมาในชุดเสื้อยืดธรรมดากับกางเกงยีนส์ขายาว สะพายกระเป๋าแล้วเดินออกด้านหลังผับ สองเท้าก้าวยาวๆเพื่อเดินไปให้ถึงจุดที่มีแสงสว่างในถนนใหญ่แล้วเดินตรงไปที่ป้ายรถเมล์
แต่เมื่อเดินมาใกล้จะถึงป้ายรถเมล์เธอก็เห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ที่ทางเท้า พร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่ใส่หมวกกันน็อกกำลังก้มๆเงยๆอยู่กับรถมอเตอร์ไซค์ เธอเลยลงไปเดินที่ริมถนนด้านล่างเพราะเธอกลัวว่าจะเป็นอันตราย ปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด เพราะในเวลานี้แสงสว่างที่น้อยมันอันตรายสำหรับผู้หญิงทุกคนไม่ว่าจะทำอาชีพไหนก็ตาม
"ว้า...วินไปไหนหมดเนี่ยวันนี้" เมื่อเดินออกมาถึงวินมอเตอร์ไซค์ ดรีมพูดขึ้นพร้อมกับมองซ้ายมองขวาเผื่อว่าจะมีวินหลงเหลืออยู่บ้าง
"นี่คุณ ได้เรียกรถหรือเปล่าครับ" ดิเชร์เปิดชิลด์หมวกกันน็อกเพียงแค่ช่วงปากแล้วส่งเสียงเรียกที่ดังพอ ที่จะทำให้ดรีมหันไปมองตามเสียงทันที เพียงแค่เขาได้ยินคำว่าวินก็รู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวต้องการอะไรเขาจึงได้พูดออกไปแบบนั้น
"ห๊ะ! ฉันเหรอ" ดรีมเอานิ้วมือจิ้มที่ตัวเองแล้วหันไปมองรอบๆ
"ใช่ คุณนั่นแหละ" ความจริงเขาแค่...มาจอดรถอยู่ตรงนี้เพื่อดูว่าหญิงสาวกลับยังไงหรือว่ามีใครมาคอยรับ
"เปล่าฉันไม่ได้เรียก" ดรีมตอบ แล้วกำลังจะเดินเลยไปที่ป้ายรถเมล์
"นี่คุณเดี๋ยวก่อนสิ" สองเท้าใหญ่เดินขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับเรียกเอาไว้อีกครั้ง
"นายจะทำอะไร อย่าเข้าใกล้นะไม่อย่างนั้นฉันจะตะโกนให้คนช่วย" ดรีมเอากระเป๋าสะพายมากันไว้ที่ด้านหน้าแล้วกอดเอาไว้แน่นอย่างน้อยมันก็สามารถป้องกันตัวและป้องกันการโดยกระชากกระเป๋าได้
"ผมเป็นคนดีนะ ฟังผมก่อน...ไหนๆผมก็เสียเที่ยวแล้วคุณให้ผมไปส่งคุณได้ไหม ผมเรียกไม่แพงหรอก"
"นายจะเรียกเท่าไหร่ แต่บอกเอาไว้ก่อนเลยนะปกติฉันนั่งวินแค่สิบบาท ส่วนรถเมล์ฉันไม่ถึงสิบบาท ถ้านายเรียกเกินกว่านี้ไปหาลูกค้าคนอื่นเถอะ"
"เดี๋ยวสิคุณ เอาอย่างนี้ไหม ผมคิดแค่สิบบาทก็ได้.."
"นายอยู่วินไหน จะมารับลูกค้าข้ามเขตกันไม่ได้หรอกนะ"
"คือ...บ้านผมอยู่แถวนี้พอดี อย่างน้อยก่อนเข้าบ้านได้สักสิบบาทก็ยังดี นะครับให้ผมไปส่งเถอะ" ดิเชร์ไม่ได้ตอบให้ตรงกับคำถามในเมื่อตอนนี้เขากำลังโกหกคนตรงหน้าอยู่
"นายไม่ได้ขับวินนี้เหรอ แล้วจะมีปัญหาตามมาไหมเนี่ย"
"ไม่ครับ ไม่มีปัญหาแน่นอน ผมเคยขับวินนี้ ผมรู้"
"นี่นายไม่คิดจะเปิดหมวกให้ฉันได้เห็นหน้า แล้วอีกอย่างก็นายจะได้คุยกับฉันได้ถนัด...แล้วก็ ฉันไม่เคยเห็นรถนายจอดที่วินเลยนะ ทั้งๆที่ฉันทำงานที่ผับนี้มาตั้งนาน" ดรีมร่ายประโยคยาวเหยียดและยังคงทำหน้าสงสัย
แต่เมื่อคิดว่าคนตรงหน้าคงไม่มีพิษภัยอะไรแล้วอีกอย่างถ้าเกิดอะไรขึ้นเธอยังสามารถกระโดดจากเบาะรถมอเตอร์ไซค์ได้เธอจึงไม่ได้กังวลจนเกินไป เธอน่ะเอาตัวรอดเก่งจะตายไป
"แต่..ก็ได้...สิบบาทแน่นะถ้าเกินนี้จะฟ้องสคบ." ดรีมเธอพูดอย่างหมายมั่นคาดโทษ ท่าทางที่ดูเอาจริงทำให้ใบหน้าคมที่อยู่ภายใต้หมวกกันน็อกถึงกับยิ้มกว้างกับท่าทางที่เขาเห็น
"แล้วไม่มีหมวกกันน็อกให้ผู้โดยสารเหรอ ไม่ได้นะถ้ามีตำรวจตั้งด่านจะทำยังไง แล้วตอนนี้นายขับวิน...หรือว่าขับแกร็บ" ดรีมร่ายประโยคยาวพร้อมกับทำหน้าตั้งคำถามอย่างสงสัยจนกระทั่งผู้ชายคนนี้สตาร์รถมอเตอร์ไซค์
ดรีมยืนนิ่งหยุดคิดภายในใจว่าเธอเอง ก็ไม่อยากจะคิดหรอกนะว่าเสียงมอเตอร์ไซค์บางคันมันมีเสียงท่อที่เป็นเอกลักษณ์ของมันจริงๆ และดรีมก็คิดว่าเหมือนเคยได้ยินเสียงท่อแบบนี้จากที่ไหนสักแห่งเมื่อเร็วๆนี้
"ไม่มีด่านหรอกครับเพราะตอนผมขี่มาก็ไม่เห็น ขึ้นมาเถอะ" เขาเลือกที่จะไม่ตอบคำถาม น้ำเสียงที่เหมือนจะเนือยๆ แต่ที่จริงกลับเป็นประโยคที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มภายใต้ของหมวกกันน็อก 'พูดเก่งจริงๆ'
พอได้พูดคุยกันอยู่สักพักดรีมกลับรู้สึกว่า เธอคุ้นกับเสียงพูดของผู้ชายคนนี้ มันเหมือนกับเสียงที่ผู้ชายคนที่ให้เงินเธอเมื่อเช้า แถมรถก็คล้ายๆกันแต่ถึงอย่างงั้น เธอก็ยังไม่แน่ใจ อาจจะเป็นเพราะตรงนี้มันมืดมากเลยทำเห็นมอเตอร์ไซค์ไม่ค่อยชัดเสียเท่าไหร่
"ขึ้นก็ได้ สิบบาทแน่นะถ้าสิบบาทไม่จริงโดนแน่" ดรีมเธอพูดอย่างคาดโทษพลางวาดขาหนึ่งข้างข้ามเบาะ แล้วนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ด้วยรอยยิ้มที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าสวย 'ไม่ต้องรอรถเมล์รอบดึก กว่านายท่าจะปล่อยรถก็เกือบครึ่งชั่วโมง'
"คุณบอกทางผมด้วยนะ จับตรงที่จับด้านหลังได้นะครับ"
"อื้ม...ตรงไปข้างหน้านั่นแหละ ใกล้ถึงซอยแล้วจะบอก" ดรีมเอากระเป๋ามากั้นกลางแล้วใช้มือข้างหนึ่งเกาะที่จับเอาไว้แน่นเพราะกลัวว่าจะขี่รถเร็ว
แต่ทว่าคนด้านหน้ากลับขี่เรื่อยๆ ไม่ได้มีความเร่งรีบอยากกลับห้องเสียเท่าไหร่ ทำอย่างกับว่ากำลังขี่รถชมวิวยามค่ำคืนแต่มันก็ดีอย่างที่ว่าปลอดภัยไว้ก่อน
"นี่คราวหน้านายควรมีหมวกกันน็อกให้ลูกค้านะ" เธอพูดขึ้นมาอีกครั้งแล้วพยายามมองที่กระจกรถมอเตอร์ไซค์เผื่อว่าจะได้เห็นหน้าคนขี่บ้าง
"ครับ คราวหน้าผมจะเตรียมเอาไว้ให้คุณ"
"พูดอย่างกับเราจะเจอกันอีกแต่ก็โอเคนะ ถ้าเจอนายตอนที่ไม่มีรถวินจะได้ไม่ต้องนั่งรอรถเมล์นานๆ...เลี้ยวซอยซ้ายมือเลยค่ะ" เธอพูดพลางยื่นมือแล้วใช้นิ้วชี้เพื่อบอกทางหลังจากที่เธอพูดจบ
"ครับ..." เป็นคำตอบสั้นๆที่ทำให้เขารู้สึกยินดีที่ทุกอย่างเป็นในแบบที่เขาต้องการ
"นี่ถามหน่อยสิ เราเคยเจอกันมาก่อนไหม" ความคิดของดรีมยังวนอยู่กับรถมอเตอร์ไซค์และเสียงของท่อที่มันฟังดูคุ้นหูไหนจะลักษณะของรถมอเตอร์ไซค์อีก และก็หมวกกันน็อกที่ดูเหมือนกับ...คนเมื่อเช้า
"เออ ไม่แน่ใจครับผมก็รับลูกค้าไปเรื่อยๆ เราอาจจะเคยเจอกันก็ได้นะครับแต่ผมก็จำไม่ได้หรอกนะครับ ผู้โดยสารผมเยอะ"
"งั้น...นายพักแถวนี้ อยู่ซอยไหนล่ะ"
"...เอ่อซอยถัดไปครับ"
"อ๋อ แฟลตใหม่ตึกส้มเหรอ"
"เอ่อ...ใช่แล้วครับ" ถึงแม้จะไม่รู้ว่าแฟลตที่หญิงสาวพูดใหม่แค่ไหน สีอะไร แต่เขาก็ยังตอบออกไปทั้งๆที่ไม่รู้
"ดีนะแฟลตนั่นอ่ะ เนื้อที่แต่ละห้องกว้างกว่าที่ฉันอยู่อีก น่าเสียดายที่จองไม่ทัน...ถึงแล้ว จอดหน้าแฟลตนี่เลย"
มอเตอร์ไซค์คันเก่าชะลอตัวแล้วจอดที่ด้านหน้าแฟลตที่ค่อนข้างทรุดโทรม สายตาคมภายใต้หมวกกันน็อกมองไปรอบๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเสาไฟฟ้าหน้าแฟลตที่ดับ เหมือนๆกับเสาต้นอื่นๆตลอดทางที่เขาขี่เข้ามาในซอยนี้
"อ่ะนี่สิบบาท ขอบใจมากนะที่มาส่ง" ดรีมหยิบเหรียญสิบออกมาให้กับคนตรงหน้าพร้อมกับยิ้มกว้างก่อนหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพายใบใหญ่แล้วยื่นให้กับคนตรงหน้า