ผับโซแอล ยิ่งดึกเพลงก็ยิ่งสนุกเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำหน้าที่ได้ดีตามความแรงของดีกรีและมากพอที่จะทำให้มึนเมา เสียงเพลงยังคงดังกระหึ่มต่อเนื่อง นักท่องราตรีต่างลุกจากเก้าอี้แล้วเต้นไปตามจังหวะของเสียงเพลง
ที่โต๊ะโซฟารูปตัวยู ชายหนุ่มหน้าตาตามสไตล์ลูกครึ่งสามคน อีกหนึ่งคนหล่อเหลาในแบบคนไทยต่างยกแก้วเหล้าเข้าปากหลายต่อหลายแก้ว หญิงสาวที่เข้ามานั่งข้างกายของชายหนุ่มทั้งสี่คนต่างเอามือสัมผัสตามร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
"โน้น!เพื่อนมึง สาระแนอยากเป็นเด็กเสิร์ฟขึ้นมาเชียว" รอยส์พูดด้วยเสียงที่ขบขันแล้วส่ายหน้าไปมาอย่าไม่เชื่อว่าเพื่อนของเขาจะทำได้ถึงขนาดนี้พลางกระดกแก้วเหล้าดื่มจนหมดแก้ว
"มึงมานี่เลยไอ้เพื่อนชั่ว เล่ามาให้หมด" คลาว์ดึงมือดิเชร์ให้มาใกล้ๆ แล้วมองร่างสูงในชุดเด็กเสิร์ฟอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
"ขอโทษครับ ผมไม่รู้จักพวกคุณครับ ถ้าเมาก็ได้โปรดกลับบ้านไปครับสาส...ส" ดิเชร์วางเหล้าที่พวกเพื่อนๆสั่งเพิ่มเพียงเพื่อให้ดิเชร์มาเสริมให้ที่โต๊ะ เขามองไปที่หญิงสาวทั้งสามดีหน่อยที่ไม่ใช่คนที่ร้าน ไม่อย่างนั้นคงจะต้องให้เพื่อนเขาปิดปากก่อนจะพูดมากไปกว่านี้
"เชี่ย! ฮ่าฮ่าฮ่า" เป็นก้อนเมฆที่อุทานปนหัวเราะออกมาเสียงดังจนโต๊ะข้างๆหันมามอง
"กูต้องกลับก่อน พอดีกูมีนัดเดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟัง พอใจยัง? ไอ่เพื่อนเชี้ย! ทีงี้นัดรวมตัวกันแบบไม่ต้องนัดล่วงหน้าเลยนะ"
"เออ! รีบเล่าด้วยเปิดกล้องคุยกันให้รู้เลย ห้ามเกินพรุ่งนี้ อ่ะเดี๋ยวก่อน...กูต่อให้มึงถึงตอนเย็นพรุ่งนี้ ห้ามเกิน ไปได้ล่ะเดี๋ยวหญิงรอนาน"
"เสียทิปไปตั้งห้าร้อย เชร์มันมาพูดแค่ไม่กี่คำ" มาร์โกบ่นอย่างไม่จริงจังเพราะเขายอมจ่ายทิปให้พนักงานเสิร์ฟอีกคนเพื่อให้ไปบอกดิเชร์ให้เป็นคนมาเสิร์ฟเหล้าที่โต๊ะเขา
"กูไปแอบดูดีไหมว่ะ แม่งอย่างเหลือเชื่อ จริงเหรอเนี่ยที่ไอ้เชร์จะมีแฟน"
"เออใช่ คนแรกในชีวิตของมันเลยนะเว้ย"
"ไปๆไปแอบดูมันกัน" รอยส์ มาร์โก ก้อนเมฆต่างพากันลุกขึ้นแต่ต้องเบรกกะทันหันเมื่อคลาวด์พูดดัก
"หยุดเลยพวกมึง ถ้าไอ้เชร์ลงทุนปลอมตัวขนาดนี้ แสดงว่าผู้หญิงไม่รู้ว่าจริงๆแล้วไอ้เชร์เป็นใคร" ทุกคนต่างนั่งลงที่เดิมแล้วพยักหน้าอย่างเห็นพ้องต้องกัน
แล้วทั้งสี่คนอย่างรอยส์ มาร์โก ก้อนเมฆและคลาวด์ก็ให้ผู้หญิงที่นั่งอยู่ก่อนให้ลุกออกไปก่อนจะพากันนั่งนินทาดิเชร์
"ฮัดชิ้ว!! ใครนินทาเนี่ย" ดิเชร์จามเสียงดังระหว่างที่เดินไปตอกบัตรเลิกงาน
บริเวณลานจอดรถด้านหลังของผับ ดิเชร์ที่อยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟเขาปล่อยชายเสื้อเชิ้ตสีขาวออกนอกกางเกง สวมหมวกกันน็อกเปิดชิลด์ไว้ ยืนรอเวลาที่ประตูพนักงานด้านหลัง เป็นจุดที่ดรีมจะต้องเดินออกมา ท่ามกลางพนักงานที่เดินเข้าออกด้านหลัง มีทั้งเดินออกมาทิ้งขยะ และได้เวลาเลิกงานเป็นบางคน
"มาแล้ว...รอนานไหม" ดรีมเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงหวานๆมาแต่ไกล แล้วมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของดิเชร์
"ไม่ครับ ไม่นานเลยผมก็เพิ่งออกมา จริงสิพี่ไม่มีหมวกนี่ งั้นเอาหมวกผมไปใส่นะครับจะได้ปลอดภัย" ใบหน้าสวยยิ้มกว้างกับการเอาใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ
"ขอบใจนะ" ดรีมไม่ปฏิเสธเพราะเกรงว่าดิเชร์อาจจน้อยใจถ้าไม่รับความหวังดีนี้ไว้
เมื่อสวมหมวกกันน็อกให้ดรีมเรียบร้อย ดิเชร์มองหน้าดรีมก่อนจะก้มลงมองที่มือของดรีมแล้วยื่นมือตัวเองกุมมือเล็กเอาไว้แน่นแล้วจึงเอ่ยชวนดรีมไปขึ้นรถ "ไปที่รถกันครับ"
"แวะทานข้าวต้มที่ร้านไหม หรือว่าจะทานที่ห้องครับ" ดิเชร์พูดขึ้นระหว่างที่เดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่
"ห้องใคร"
"แล้วแต่พี่ดรีมสะดวกเลยครับ"
"นายหิวเหรอ"
"ก็นิดหน่อยผมยังไม่ทานข้าวเย็นเลยครับ"
"อืม...ก็ได้พี่กินเป็นเพื่อนนาย กินที่ร้านเลยก็แล้วกัน"
"กินเป็นแฟนแทนได้ไหมครับ"
"บ้า! เดี๋ยวเถอะเอาใหญ่เลยนะ" ดรีมแทบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่กับคำหยอดของดิเชร์
"ถ้างั้นเมื่อไหร่พี่จะรับผมเป็นแฟน อย่าลืมนะว่าเรา...กอดกันแล้ว" ด้วยความเขินอายดรีมรีบยกมือฟาดไปที่ต้นแขนอย่างไม่แรงมากนัก
"เร็วไปไหม นายจะคิดว่าพี่ใจง่ายไปหรือเปล่า" สีหน้าของดรีมเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอกลัวอย่างที่พูดจริงๆ ว่ามันอาจจะเร็วไปถ้าเธอจะยอมรับดิเชร์เป็นแฟนในตอนนี้
"ทั้งๆที่พี่...ใจตรงกันผมน่ะเหรอ ไม่หรอกครับความรักไม่มีใครรู้หรอกครับว่ามันจะเกิดขึ้นตอนไหนหรือเมื่อไหร่เพราะฉะนั้น ไม่มีใครเขาเรียกว่าใจง่ายกันหรอกครับ" ดิเชร์กับดรีมแค่มองหน้ากันแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนจะเป็นดิเชร์ที่พาดรีมเดินต่อไปที่รถ
ดิเชร์ขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์ แล้วตามด้วยดรีมที่ขึ้นซ้อนท้ายรถ ทันทีที่ดิเชร์สตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ ดรีมก็ยื่นมือทั้งสองไปเกาะที่เอวของดิเชร์ ทำให้ใบหน้าหล่ออดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างแล้วยกมือทั้งสองของตัวเอง จับที่มือดรีมให้ยื่นออกมาพอที่จะโอบรอบเอวของตัวเองได้มิด
"กอดผมได้เลยครับ ไม่ต้องกลัวใครเห็น เพราะพี่เป็นคนแรกที่ได้นั่งและได้กอดเอวผมและจะเป็นพี่คนเดียวเท่านั้น" ดิเชร์พูดด้วยความภูมิใจในตัวเอง ดรีมได้แต่ยิ้มอยู่ด้านหลังในขณะที่มือและแขนของตัวเองโอบรัดเอวหนาเอาไว้อยู่
ถนนในยามค่ำคืน แสงไฟจากหลอดไฟของเสาไฟฟ้าข้างทางส่องสว่างเป็นระยะ ลมปะทะกับใบหน้าหล่อไม่แรงมากนักเพราะดิเชร์ไม่ได้ขับเร็วแต่อย่างใด ใบหน้าสวยที่มีหมวกกันน็อกสวมอยู่แนบลงที่แผ่นหลังกว้างด้วยหัวใจที่พองโต แต่ในใจของเธอกำลังคิดว่าถ้าเธอรับดิเชร์เป็นแฟน เธอควรจะต้องเล่าเรื่องครอบครับให้ดิเชร์ได้รับรู้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าดิเชร์จะรังเกียจที่เธอมีแม่หูหนวกหรือไม่
ร้านข้าวต้มข้างทางที่มีต่อๆกันหลายร้านห่างจากผับไม่ไกลมากนัก ดิเชร์ให้ดรีมเป็นคนสั่งก่อนแล้วเขาจึงสั่งต่อ แล้วสั่งเพิ่มอีกสองอย่างแล้วหมายเหตุตรงด้านล่างว่า ใส่ถุงกลับบ้าน
"นายซื้อไปให้ใครเหรอ จริงสินายอยู่กับใคร อยู่คนเดียวหรือว่าอยู่กับเพื่อน"
"ผมอยู่ห้องคนเดียวครับ ที่ผมสั่งใส่ถุงคือผมสั่งไปฝากคุณแม่พี่ พี่ดรีมโอเคใช่ไหมครับ"
"อืม ทำไมจะไม่โอเคล่ะ ขอบใจนายมากนะ..."
"มีอะไรหรือเปล่าครับ เล่าให้ผมฟังได้นะครับไม่ว่าจะเรื่องอะไรต่อจากนี้ ผมจะเป็นคนที่คอยรับฟังพี่เอง"
ดรีมก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วคลี่ยิ้มให้กับตัวเอง "พี่น่าจะเจอกับนายให้เร็วกว่านี้ อย่างน้อยนายจะได้เป็นคนแรกที่พี่มอบหัวใจให้"
"ถ้าเร็วกว่านี้ ผมคงไม่ได้ขอพี่เป็นแฟนหรอกครับ เพราะตอนนั้นผมยัง...ไม่เข้ามหาลัยเลย แต่ผมก็ขอพรพระเจ้าอยู่นะครับ ผมขอให้เจอคนที่ผมจะมอบหัวใจให้ถ้าคนคนนั้นจะเป็นคู่ชีวิตผม" ดิเชร์เกือบหลุดปากบอกไปแล้วว่าตนเองเพิ่งมาประเทศไทย ดีที่ว่าเขารีบเปลี่ยนประโยคได้ทันก่อนที่จะหลุดออกไป
"นั่นสินะ นายอาจจะอยู่มัธยมปลายที่ไหนสักแห่ง โดยที่พี่เองก็ไม่รู้ว่า มีคนรอพี่อยู่หรือเปล่า รอที่จะได้พบกันในวันที่ใช่"
"พี่อาจเป็นคนที่ผมเฝ้าขอพรมาตลอด เพื่อให้ได้เจอกับพี่เพียงแต่ไม่ใช่ในตอนนั้น" เป็นจังหวะที่พนักงานร้านมาเสิร์ฟอาหารพอดี ทำให้ดรีมไม่ทันฟังประโยคที่ดิเชร์พูด
"เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ?" เมื่อพนักงานเสิร์ฟอาหารครบ ดรีมจึงถามดิเชร์ใหม่อีกรอบ
"ผมพูดว่า..." ดิเชร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินตรงไปนั่งเก้าอี้ข้างๆดรีมแล้วกระซิบที่ข้างใบหูเล็ก
"พี่อาจเป็นคนที่ผมเฝ้าขอพรมาตลอด เพื่อให้ได้เจอกับพี่...ชัดหรือยังครับ"
น้ำเสียงที่ฟังดูนุ่มนวล ท่าทางที่ดูอ่อนโยน มันทำให้ดรีมรู้สึกร้อนผ่าวที่ดวงตาคู่สวย ก่อนจะมีน้ำตาค่อยๆไหลลงออกมาจากดวงตาคู่สวยทั้งสองข้าง จนดิเชร์ตกใจรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าที่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง แล้วเช็ดน้ำตาให้ดรีม
"พี่ร้องไห้ทำไมครับ ผมทำอะไรผิดไปอย่างงั้นเหรอครับ"
"เปล่า เปล่านะ พี่แค่...พี่ดีใจที่พี่ได้เจอกับนาย ขอบคุณนะที่ไม่รังเกียจพี่ที่พี่ทำงานแบบนี้ พี่ยังมีเรื่องที่ต้องบอกนาย"
"กินข้าวกันก่อนเถอะครับ แล้วเราค่อยคุยกัน" ดิเชร์คลี่ยิ้มบางๆอย่างอ่อนโยน
"อืม"
เกือบสองชั่วโมงในร้านข้าวต้ม จนตอนนี้เวลาเกือบตีหนึ่ง ระหว่างที่นั่งฟังดิเชร์แทบจะสั่งคนให้ไปจัดการพ่อเลี้ยงที่กล้าลงมือกับผู้หญิงแถมยังหลอกแม่พี่ดรีมว่าไม่มีภรรยาจนแม่ของดรีมยอมตกลงที่จะย้ายไปอยู่ด้วยกัน สุดท้ายก็โดนหลอกเป็นเมียน้อย มิหนำซ้ำทุกครั้งที่แพ้การพนันยังจะทุบตีจนแม่ของพี่ดรีมหูหนวกเพราะหมอบอกว่าหูชั้นในเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง ถ้าอยากให้แม่ได้ยินเหมือนเดิมต้องผ่าตัดประสาทหูเทียมชนิดฝังก้านสมองให้กับแม่ ดีหน่อยตรงที่พี่ดรีมบอกว่าย้ายหนีจากห้องเดิมมาแล้ว
"นี่เลยเป็นสาเหตุที่พี่ต้องทำงานพิเศษหลายๆอย่างเพื่อหาเงินใช่ไหมครับ"
"อืม...นายรังเกียจพี่กับแม่พี่ไหม"
"ไม่ครับ แม่พี่กับพี่ดรีมไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ตรงกันข้ามเสียอีก ผมกลับยิ่งรักพี่มากขึ้นที่พี่ทำเพื่อแม่ขนาดนี้"
"ขอบคุณนะเชร์ ขอบคุณจริงๆ เอาไว้จะพานายไปหาแม่ นายอยากไปไหม"
"อยากสิครับ...พี่ดรีมครับถ้าผม..." ริมปากของดิเชร์เม้มเข้าหากันแน่น เพียงแค่เขานึกว่าจะบอกดรีมว่าเขาเป็นใครมันก็ปิดสนิทโดยอัตโนมัติทันทีด้วยหัวใจที่หวาดหวั่น กังวลและหวาดกลัวพลันถาโถมเข้ามาในพริบตา
"มีอะไรเหรอ" ดรีมถามขึ้นเมื่อเห็นว่าดิเชร์เงียบไป ไม่ทันได้พูดจบประโยค
"เอ่อ...ถ้าผมจะไปหาแม่พี่พรุ่งนี้ตอนเลิกงานได้ไหมครับ" ดิเชร์พูดแก้ตัวเมื่อคิดว่าตอนนี้ยังไม่พร้อมที่เล่าให้ดรีมฟัง
"ทำไมรีบจัง มีอะไรหรือเปล่า"
"ไม่ครับไม่มีอะไร เอาเป็นว่าถ้าพี่ดรีมพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผมได้ทันทีนะครับ ผมพร้อมเสมอ"
"ได้สิ กลับกันเถอะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง"
"ให้ผมเลี้ยงเองครับมื้อนี้ วันหลังพี่ค่อยเลี้ยงผมคืน...ตกลงไหมครับ"
"ก็ได้ ตามนั้น"
แฟลตXX ระหว่างทางที่เข้าซอยมาดรีมสังเกตว่าไฟที่เคยดับตอนนี้กลับมาสว่างทุกดวง และนั่นทำให้ดรีมรู้สึกขอบคุณการไฟฟ้านครหลวงที่มาเปลี่ยนให้ มอเตอร์ไซค์คันเก่าดับเครื่องก่อนจะถึงหน้าแฟลตแล้วให้แรงขับเคลื่อนที่เหลือให้มาหยุดอยู่ที่หน้าแฟลตแทน
"อ่ะหมวก ขี่รถกลับดีๆนะ"
"ครับ พรุ่งนี้เช้าผมมารับนะครับ แล้วก็อย่าลืมหมวกกันน็อกนะครับพี่ดรีม"
"โอเค พรุ่งนี้เจอกัน"
เมื่อมอเตอร์ไซค์คันเก่าพ้นสายตาไปแล้วดรีมจึงได้เดินเข้าแฟลตแล้วไขกุญแจเข้าห้องพร้อมกับ กับข้าวสองถุงที่ยังคงอุ่นๆอยู่