บางทีดรีมก็คิดว่า ทำไมเธอต้องกลายเป็นคนที่อารมณ์ขึ้นไวขนาดนี้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนเธอทนต่อคำพูดแย่ๆ คำกระแหนะกระแหนที่ออกมาจากลมปากที่ไม่เคยมีความจริงใจกับเธอและแม่ของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
"นั่งรอผมที่โซฟาก่อนนะครับพี่ดรีม" ดิเชร์เปิดประตูห้องแล้วจูงมือดรีมให้เดินตามมา แล้วพาเธอไปนั่งที่โซฟาตัวเล็กที่มีโทรทัศน์หน้าจอใหญ่ตั้งอยู่ตรงหน้า
ดรีมได้แต่มองค้อนใส่แผ่นหลังกว้างด้วยความน้อยใจที่เดินหายเข้าไปด้านในห้อง ดูแล้วก็น่าจะเป็นห้องนอน ดรีมเธอลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเริ่มเดินสำรวจห้องอยากใคร่รู้ว่า ดิเชร์อยู่กับใคร อยู่คนเดียวเหมือนกับที่บอกเธอหรือเปล่า สายตาเบิกกว้างเล็กน้อยกับความเพียบพร้อมของเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงที่มีครบทุกอย่าง แถมห้องยังตกแต่งเสียจนหรูเกินกว่าคำว่าห้องเช่าราคาถูกด้วยซ้ำ
"มีแต่ของแพงๆทั้งนั้นเลย แต่งห้องอย่างกับจ้างสถาปนิกมาแต่ก็น่าอยู่จัง..."
ดรีมพูดขึ้นพลางเดินมาหยุดอยู่ที่ริมหน้าต่างแล้วเปิดผ้าม่านมองผ่านกระจกใสเห็นทิวทัศน์ที่มีแต่ตึก คอนโด แฟลตอยู่รอบๆเต็มไปหมด แล้วเสียงของคนที่เธอรอดังมาจากด้านหลัง แต่ทว่า ไม่ทันที่ดรีมจะหันหลังกลับไปมอง คนตัวสูงกว่าเดินเข้ามาสวมกอดหลวมๆอยู่ที่ด้านหลังของเธอ ปลายคางวางลงที่หัวไหล่บางอย่างไม่ทิ้งน้ำหนัก
"ก็ย้ายมาอยู่สิครับ ผมยินดีนะ" น้ำเสียงทุ้มต่ำดังแผ่วเบาที่ข้างหูเล็ก ดรีมรับรู้ได้ถึงลมหายใจอันร้อนผ่าวที่รดอยู่ซอกคอขาวเธอรู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้า รับรู้ถึงหัวใจของตนเองที่กำลังเต้นเร็วขึ้นพลางเม้มปากแน่นอย่างตอบไม่ถูก
'ทำไมเก่งจังนะทำให้เราหัวใจเต้นแรงได้ตลอดเวลา' ดรีมนึกขึ้นในใจ
"หัวใจของพี่ดรีมเต้นแรงมากๆเลยครับ...แก้มของพี่ก็แดงมากๆ...แล้ว...พี่ดรีมก็หึงผมมากๆใช่ไหมครับ"
"เปล่าเสียหน่อย หึงอะไรกัน" น้ำเสียงอ้อมแอ้มตอบกลับก่อนจะโดนมือใหญ่ทั้งสองจับหัวไหล่เล็กให้หันหน้าเข้าหากัน
"ถ้าโกหกต้องถูกทำโทษนะครับ" น้ำเสียงฟังดูจริงจังแต่แววตากลับดูวิบวับฉายประกายอะไรบางอย่างที่ทำให้ ดวงตาคู่สวยเผลอสบสายตาเจ้าเล่ห์ราวกับลืมหายใจ
ดรีมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แพขนตายาวกะพริบถี่ๆ สายตามองต่ำลงแล้วหยุดมองอยู่ที่ลำคอใหญ่ ไล่ลงมาที่ลูกกระเดือกนูนแหลมที่กำลังขยับขึ้นลงช้าๆ จนเธอรู้สึกว่าลมหายใจอุ่นอยู่ใกล้เธอมากๆ แล้วหยุดอยู่ที่บริเวณหน้าผาก
ริมฝีปากร้อนของดิเชร์ค่อยกดลงที่บริเวณหน้าผากขาวหนึ่งครั้ง แล้วผละออกเพื่อดูว่าคนตรงหน้ามีปฏิกิริยาอย่างไร ร่างบางชะงักเล็กน้อยแต่ก็ไม่หลบหลีกอะไร เธอทำเพียงแค่ระบายยิ้มออกมาแล้วเงยหน้าขึ้นสบสายตากับดิเชร์อีกครั้ง
ท่าทางอดกลั้นของดิเชร์ ทำให้ดรีมตัดสินใจเป็นคนเริ่มก่อน เธอยกแขนขึ้นคล้องคอแกร่งแล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นก่อนจะกดริมฝีปากนิ่มลงไปที่ริมฝีปากร้อนหนึ่งที แล้วผละออกอย่างรวดเร็วด้วยความอาย
"ผมจูบพี่ได้ไหมครับ" ดิเชร์ก้มลงถามที่ใบหูเล็กอย่างนุ่มนวล แล้วเลื่อนใบหน้ามาใกล้ๆ เพื่อประสานสายตากับดรีมราวกับว่ารอคำตอบ
ดรีมพยักหน้าเล็กน้อยแล้วยิ้มอย่างเขินอายจนแก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อ ดิเชร์ยิ้มกริ่มเลื่อนใบหน้าลงให้ริมฝีปากตนเองประกบกับริมฝีปากนุ่มที่เขาได้สัมผัสเมื่อกี้ เขาค่อยๆขบเล็มริมปากบนและล่าง ทำเอาคนร่างบางต้องหลับตาพริ้ม เธอหายใจถี่กระชั้นเสียงครางในลำคอ ยิ่งกระตุ้นแรงปราถนาในกายเขา
ริมฝีปากร้อนดูดเม้มกับริมฝีปากนิ่มจนดิเชร์พอใจ ก่อนจะใช้ปลายลิ้นดันริมฝีปากบนล่างให้เปิดออกตวัดลิ้นร้อนเชยชิมความหวานละมุนจากโพรงปากทำให้ดิเชร์รู้สึกซาบซ่านในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก เธอคือคนแรกสำหรับเขาที่เขาจูบด้วยความรักที่มีให้เธออย่างหมดหัวใจ
ดิเชร์มอบจูบที่อ่อนโยนเนิ่นนาน มือหนาอ้อมไปที่ด้านหลังแล้วโอบประคองแผ่นหลังเล็กให้ร่างนุ่มนิ่มแนบชิดกับร่างแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามกำยำ อุณหภูมิร้อนผ่าวของดิเชร์แทบจะทำให้ดรีมหลอมละลายเข้าไปในร่างนั้น ร่างที่อัดแน่นด้วยความปราถนาที่เก็บเอาไว้เป็นเวลานานแล้วมันก็พร้อมจะระเบิดในไม่ช้า
ร่างสูงบดเบียดให้ร่างบางเดินไปตามที่เขาต้องการก่อนที่เธอจะค่อยๆล้มตัวลงนอนที่โซฟากลางห้องโดยที่มีแขนแกร่งคอยรับร่างบางเอาไว้อยู่ ฝ่ามือใหญ่วางทาบทับที่หน้าอกอวบแล้วกอบกุม ออกแรงเคล้นคลึงสลับไปมาทั้งสองข้างแล้วจึงผละจูบออก เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าปนออดอ้อน
"พี่ชอบไหม"
"ชอบ? ชอบอะไร" เธอถามกลับด้วยน้ำเสียงขาดห้วงและตะกุกตะกัก
"ชอบให้ผมทำแบบนี้ไหม" ใบหน้าสวยยิ้มตอบอย่างเขินอาย ทำให้มือใหญ่ดึงชายเสื้อเนื้อผ้าบางเบาให้ขึ้นไปอยู่บนเนินอกพร้อมกับเสื้อชั้นในลายลูกไม้
ใบหน้าคมก้มซุกไซ้อกอวบเด้ง ดูดดุนที่ยอดถันที่กำลังชูชันช่อตาล่อใจอยู่ในตอนนี้ สลับหนักเบาไปมาทั้งสองข้างอย่างไม่มีข้างไหนน้อยหน้าไปกว่ากัน ในขณะที่มือร้อนอีกข้างลูบไล้ใต้กระโปรง จนกระโปรงล่นขึ้นอยู่ที่บริเวณหน้าขา มือใหญ่กอบกุมสะโพกบีบคลึงไปมาแล้วเลื่อนมาตรงที่เนินสวาทที่มีกางเกงตัวจิ๋วบังเอาไว้อยู่ ปลายนิ้วแตะเบาๆที่มีความชุ่มเล็กน้อย จนเสียงหวานหลุดครางออกมาอย่างอดกลั้น
"อ๊ะ เชร์" ดรีมเผลอส่งน้ำเสียงหวานออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
"อย่าเรียกผมด้วยเสียงแบบนี้ ไม่อย่างงั้นพี่จะไม่ได้ออกไหนอีก" เขาออกคำสั่งเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม
จบประโยคของเขาทำให้ดรีมยกมือขึ้นมาปิดปากทันที แต่ต้องสะดุ้งจนมือหลุดจากปากเมื่อรู้สึกที่ส่วนอ่อนไหวกำลังโดนนิ้วบดคลึงเบาๆ และเริ่มหนักขึ้นเมื่อเธอโดนขยี้ที่ติ่งเสียว เธอจึงได้หลุดครางเสียงเครือในลำคอ
"อื้อ"
นิ้วร้ายยังคงไม่หยุด เมื่อปลายนิ้วร้ายกรีดไล้ไปมาตามรอยแยกของกลีบเนื้อสีแดงสดผ่านเนื้อผ้าแล้วจงใจบดขยี้ที่จุดอ่อนไหว ทำให้ร่างบางได้แต่นอนสั่นสะท้านอย่างทรมาน จนสัมผัสได้ถึงความฉ่ำของน้ำหวานเขา ใบหน้าหล่อจึงเลื่อนใบหน้าไปที่ใบหน้าสวยแล้วก้มลงจูบอย่างดูดดื่มอีกครั้งในขณะที่มือของเขายังทำหน้าที่บดคลึงได้เป็นอย่างดี จนร่างบางดิ้นเร่าไปมาปานจะขาดใจ
ดิเชร์ผละจูบออกอย่างเสียดาย แล้วตัดสินใจช้อนร่างของดรีมขึ้นแล้วเดินตรงไปที่ห้องนอนเล็กของตัวเองอย่างเร่งรีบ ในขณะที่ใบหน้าแดงระเรื่อของดรีมกำลังซุกลงที่อกแกร่ง
"ถ้าพี่ยังไม่พร้อม ก็แค่หยุดผม" ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อที่กำลังฉายแววเฉียบขาด
"จะเร็วไปไหม นายจะหาว่าพี่ง่ายหรือเปล่า" ทั้งสองคนยังคงสบตากันไม่มีใครยอมใคร ในขณะที่มือของดิเชร์ไม่ได้อยู่นิ่ง
"จะไม่มีคำว่าง่ายสำหรับผมครับ แต่ถ้าพี่ยังไม่มั่นใจในตัวผม ผมจะพอแค่นี้ก่อนครับ" ดิเชร์พูดพลางค่อยๆวางร่างบางลงบนเตียบนอนนุ่มอย่างเบามือ
"แล้วนายจะไม่ค้างเหรอ" ดิเชร์ยิ้มตอบ มือใหญ่เริ่มถอดกระดุมเสื้อออกแล้วสอดมือเข้าไปด้านหลังเพื่อปลดตะขอเสื้อในอย่างง่ายดาย จนดรีมเริ่มรู้สึกตัวว่าตอนนี้หน้าอกของเธอถูกปล่อยให้เป็นอิสระ
"ถอดเสื้อผ้าผู้หญิงเก่งเกินไปแล้ว" ดวงตาสวยส่งค้อนให้คนบนร่างไปหนึ่งที ก่อนจะสัมผัสได้รางๆว่ามือใหญ่เลื่อนลงไปถึงเรียวขาแล้วมาตรงสะโพกก่อนจะใช้เรียวนิ้วก้อยเกี่ยวกางเกงชิ้นเล็กออกเป็นชิ้นสุดท้าย
"ผมไม่มีถุงยางนะครับ" ดิเชร์ไม่ตอบโต้ประโยคของดรีม แต่เขากลับบอกในสิ่งที่ เมื่อเธอได้ยินทำเอาเธอพูดไม่ถูกเหมือนกัน จึงได้พูดออกไปอย่างไม่ได้คิดอะไรมากนัก
"พี่ก็...ไม่สิ นายเป็นคนแรกของพี่" เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป มือเล็กก็ถูกยกขึ้นมาเขกหัวตัวเองเบาๆไปหนึ่งที ใบหน้าของดรีมแดงก่ำเพราะความอายไม่รู้ว่าคนบนร่างจะคิดยังไง
ดิเชร์เลิกคิ้วแล้วระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย ในขณะที่ตนเองกำลังถอดเสื้อผ้าจนเหลือแค่กางเกงตัวเดียวที่แนบเนื้อจนเห็นความนูนเด่นชัดขนาดใหญ่ตามไซซ์ของลูกครึ่งกำลังพองโตอยู่ใต้เนื้อผ้า ดิเชร์มองใบหน้าสวย ที่กำลังมีท่าทางเขินอายแล้วเบนใบหน้ามองไปทางอื่นแทนที่มองคนตรงหน้า เขาไล่สายตามองเรือนร่างขาวเปลือยเปล่า โดยมีมือปิดไม่มิดทั้งบนและล่าง
"ผมอยากกลืนกินพี่ทั้งตัว...พี่กำลังทำผมคลั่ง" ดิเชร์พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้นเมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของคนที่เขารัก สายตาคมกวาดตามองเรือนร่างอรชรด้วยความต้องการอันเปี่ยมล้นพลางใช้มือของตัวเองลูบที่แก่นกายอย่างไปมาอย่างผิวเผิน
"จะมองอีกนานไหม พี่อายนะ" ดรีมเธอรู้สึกเกรงๆขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเห็นนัยน์ตาเข้มคู่นั้น ราวกับว่าเธอได้ปลุกสัตว์ร้ายที่มีสัญชาตญาณดิบเถื่อนที่หลับสนิทตัวหนึ่งให้ตื่นขึ้นมา
ดิเชร์ยิ้มบางๆที่มุมปาก ก่อนจะเคลื่อนตัวขึ้นบนเตียงเล็กแล้วทาบทับ กักตัวร่างบางไว้ภายใต้ร่างของตนที่อัดแน่นไปด้วยมวลกล้ามเป็นมัดๆ ความกลมกลึงอวบเด้งทำให้เขาอ้าปากงับ ดุนดันยอดถันที่แข็งเป็นไต ทำให้ร่างบางถึงกับสะดุ้งเฮือกเชิดใบหน้าครงเสียงหวาน
"อื้อ"
มือใหญ่เคล้นคลึงผิวกายเนียนละเอียดตรงทรวงอกอวบสลับซ้ายขวา ในขณะที่ปากดูดดุนไม่หยุดทำให้คนใต้ร่างต้องแอ่นอกสู้กับความวาบหวามนั้น ดั่งกับกระแสพลังหินแม่เหล็กที่ดึงดูดเธอไว้แนบกายเปลือยเปล่าของคนบนร่าง
"อืม...หวาน" น้ำเสียงงึมงำฟังแทบไม่ได้ศัพท์หลุดออกจากปากของดิเชร์ระหว่างที่เขาถอดปากจากยอดถันข้างหนึ่งไปยังอีกข้างที่กำลังร้องเรียกเขาอยู่
ถึงแม้เขาจะไม่รู้ประสีประสานัก แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติในสิ่งที่ควรจะเป็น เขาขบเม้มหนักเบาตามแรงอารมณ์ปราถนา อุณหภูมิร้อนผ่าวของเขาแทบจะทำให้เธอหลอมละลายไปกับเตียงนอนนุ่ม ปลายเล็บแหลมยาวจิกที่บนที่นอนอย่างแรงเมื่อโดนจู่โจมที่บริเวณต้นขาด้านใน
"โอ๊ย!อย่ากัด เจ็บนะเป็นหมาหรือไง"
"หึๆ" เขาหัวเราะเบาๆอย่างชอบใจที่โดนคนใต้ร่างว่าเขาเป็นหมา ก่อนจะพูดออกไปเพื่อให้คนใต้ร่างได้คิดอีกครั้ง เพราะถ้าเขาทำมากกว่านี้เกรงว่าจะหยุดไม่ได้แล้ว
"อยากให้ผมหยุดไหม"
"ถ้านายถามอีกครั้ง จะได้เห็นดี"
บนโซฟาขนาดเล็กที่กลางห้อง เสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์มือถือของดรีมก็ดังขึ้นในกระเป๋าสะพายทำงานของดรีม เป็นข้อความเข้าจากใบบัว ออแกไนเซอร์ที่คอยรับงานให้กับดรีม