จากนี้ในวงเล็บเป็นบทสนทนาโดยใช้ภาษามือของแม่ดรีมกับดรีม
"(กลับมาแล้วเหรอลูก หิวข้าวไหม)" หญิงสาววัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมองลูกสาวของตนเองที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง
"(หิวค่ะแม่ เดี๋ยวหนูไปเทกับข้าวใส่ชามก่อนนะคะ)" แม่ดรีมหยักหน้าแล้วยิ้มให้ดรีมก่อนจะรีบเคลียร์พื้นที่ เดินไปยกโต๊ะพับเล็กๆมาตั้งที่กลางห้อง
ดุจดาว ภิญโญ เธอหูหนวกมานานหลายปี เป็นภาวะการสูญเสียการได้ยินอย่างรุนแรง ถึงจะใช้เครื่องช่วยฟังก็ไม่สามารถช่วยให้ได้ยินเสียงได้ดีขึ้นจึงต้องสื่อสารด้วยการอ่านปาก หรือการใช้ภาษามือและการเขียนใส่สมุดพกที่ดุจดาวมีติดตัวตลอดเพื่อใช้เป็นการสื่อสารกับคนอื่นๆ
"(เมื่อเช้าใส่ชุดสีขาวแล้วทำไมตอนนี้เป็นอีกสีนึงล่ะลูก)" ดุจดาวถามดรีมเมื่อยกชามแกงมาวางที่โต๊ะ
"(ชุดเปื้อนค่ะ เลยต้องซื้อชุดใหม่แต่คนที่ทำชุดหนูเปรอะเป็นคนจ่ายค่าชุดให้ค่ะ)"
"(ดีจัง ที่หนูเจอคนดีมีความรับผิดชอบ)"
"(แต่เขาให้เงินหนูมาตั้งหนึ่งพันแน่ะแม่ มันเยอะเกินไปหนูเลยกะว่าจะโอนเงินที่เหลือเอาไปบริจาคให้กับเด็กๆที่อยู่บนดอยค่ะ)"
"(ดีแล้วลูก กินข้าวกันเถอะจะได้นอนสักงีบตอนเย็นต้องไปทำงานต่ออีก)"
"..." ดรีมยิ้มตอบกลับไปก่อนจะตักข้าวให้แม่แล้วจึงค่อยตักให้ตัวเอง
ดุจดาวและดรีมนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขตามประสาแม่ลูก ถึงแม้จะไม่มีเสียงพูดคุยบนโต๊ะกินข้าวก็ตามแค่แววตาของคนทั้งสองที่สื่อให้แก่กันมันก็ทำให้อีกคนอบอุ่นไปถึงหัวใจ
"(เดี๋ยวแม่ล้างเอง หนูไปนอนเถอะอีกสองชั่วโมงแม่จะไปปลุก)"
"(ไม่ดีกว่าแม่ หนูว่าจะเก็บห้อง และก็ทำความสะอาดค่ะเมื่ออาทิตย์ที่แล้วหนูไม่ได้ช่วยแม่ทำเลย)"
"(แค่หนูทำงานก็เหนื่อยมากแล้ว งานบ้านให้แม่เป็นคนทำน่ะดีแล้วไปนอนไป เชื่อแม่)"
"(ขอบคุณค่ะแม่)"
ดรีมโน้มลำตัวลงเล็กน้อยแล้วเอาใบหน้าสวยที่ยังคงมีเครื่องสำอางอยู่เต็มใบหน้าแนบลงที่หน้าอกของคนเป็นแม่ ดรีมรู้สึกถึงพลังแห่งรักที่แม่มีให้เธอ มันทำให้เธอมีพลังงานบวกไหลเวียนอยู่ในกายและใจพร้อมที่จะเผชิญทุกสิ่งไม่ว่าจะเจอกับอะไร...ร่างเล็กผละตัวออกก่อนจะเดินเข้าไปนอนที่ด้านใน ที่มีเพียงตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กถูกกั้นเป็นห้องก่อนจะทอดกายลงนอนที่นอนขนาดเล็กที่พอได้นอนกันสองคนแม่ลูก
ถึงห้องจะเล็กแต่ทว่าในห้องกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น...
ผับโซแอล
ทันทีที่ดิเชร์จอดรถมอเตอร์ไซค์ที่หน้าผับ ชายร่างสูงใหญ่กำยำก็รับหน้าที่เอารถมอเตอร์ไซค์คันเก่าที่วันนี้นายน้อยของเขาขี่มาไปจอดที่ด้านหลังผับอย่างรู้งาน
"เปลี่ยนชุดก่อนนะครับนายน้อย ผมเตรียมเอาไว้ให้แล้วครับ" คานโลมือขวาคนสนิทที่อยู่ใกล้ชิดดิเชร์มาตั้งแต่ที่เขาอายุสิบเอ็ดปี
"ครับ" ดิเชร์ตอบสั้นๆแล้วหันไปมองเจมส์มือซ้ายคนสนิทอีกคนที่ตอนนี้เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับมองหน้าของเขา ดิเชร์จึงถามออกไปด้วยความสงสัย
"พี่เจมส์ยิ้มอะไรครับ หรือว่ากำลังมีความรัก" น้ำเสียงทุ้มละมุนปนกับเสียงขำเล็กน้อยที่ลำคอ
"ไม่มีหรอกครับนายน้อยความรงความรักอะไรนั่นเพราะหัวใจของผมได้มอบให้นายน้อยไปหมดแล้วยังไงล่ะครับ นายน้อยก็ทำเป็นจำไม่ได้" คำตอบของเจมส์ทำให้ดิเชร์ถึงกลับขำพรืดออกมา แต่ด้วยความอยากรู้ทำให้ดิเชร์ไม่ย่อท้อที่จะถามออกไปอีกครั้ง
"แล้วพี่เจมส์หัวเราะอะไรล่ะครับเล่ามาเลยผมอยากรู้"
ทั้งสามคนเดินมาถึงหน้าลิฟต์มือใหญ่ของคานโลกดเปิดปิดลิฟต์แล้วตามด้วยกดเลขสี่ในลิฟต์ ซึ่งเป็นส่วนของออฟฟิค
"ก็จะอะไรล่ะครับนายน้อย ก็นายน้อยเล่นแต่งตัวชิลขนาดนี้แถมยังขี่ไอ้แก่ไปร่วมพิธีเปิดสนามอีกต่างหาก ผมก็เลยอดขำกับการกระทำของนายน้อยไม่ได้ยังไงล่ะครับ...แค่นี้เลย"
เจมส์ตอบพร้อมกับยิ้มหวานส่งให้กับนายน้อยของเขา การสนทนาของทั้งสองทำให้คานโลขำออกมาเล็กน้อย และเมื่อมาถึงชั้นสี่ทั้งสามก็พากันเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องทำงาน
เจมส์มีหน้าที่เดินเข้าไปตรวจตราความเรียบร้อยและความปลอดภัยของด้านในห้องก่อนที่จะออกมารายงานว่าด้านในปลอดภัยดีและเมื่อดิเชร์เข้าไปด้านในคานโลก็ปิดห้องให้นายน้อยของเขาได้เปลี่ยนชุด
ดิเชร์ได้รับมอบหมายให้มาดูแลผับเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพราะพ่อของเขากำลังจะขยายกิจการและเปิดโรงแรมเพิ่มเลยทำให้ไม่มีเวลามาดูแลผับ อีกอย่างอายุของดิเชร์ก็สมควรกับเวลาแล้วที่จะต้องมารับช่วงต่อจากพ่อ และยังให้เลขาของเขาช่วยหาคนที่ไว้ใจได้มาเป็นเลขาส่วนตัวให้กับดิเชร์ที่ผับอีกด้วย
แกร๊ก! เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับขายาวก้าวออกมาจากห้องเพื่อไปจัดการธุระที่ห้องใต้ดินให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ตามคำสั่งของพ่อที่ได้มอบหมายเอาไว้
ดิเชร์เริ่มเดินดูตามโต๊ะพนันไปเรื่อยๆ จนทะลุไปที่ด้านหลังของกาสิโน ร่างสูงหุ่นสมาร์ทในเสื้อยืดสีขาวสวมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ยาวถึงช่วงเอวของกางเกงยีนส์สีเข้มคู่กับรองเท้าผ้าใบแบรนด์เนม เดินไปที่ลิฟต์แล้วกดลงไปที่ชั้นใต้ดินที่มีลูกหนี้เอาลูกสาวมาขัดดอก หรือเรียกง่ายๆว่าเอาลูกสาวมาขายนั่นแหละ แล้วมันคือสิ่งที่ดิเชร์คิดและเขาก็เกลียดผู้ชายประเภทนี้ที่สุด
เวลา19.20 นาฬิกา
บริเวณชั้นสามเป็นห้องแต่งตัวของพนักงานต้อนรับ รวมไปถึงเด็กนั่งดริ้งที่ถูกแบ่งสัดส่วนในเนื้อที่ที่ไม่กว้างมากนัก เพราะชั้นนี้ทางผับได้ออกแบบเป็นห้องวีไอพีสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ซึ่งมีแค่สองห้องเท่านั้น
"อ้าวดรีม...มาเร็วจังนะวันนี้" แพรวาเอ่ยทักดรีมเมื่อเห็นว่าดรีมเข้างานก่อนเวลาที่กำหนดแถมยังมาเร็วกว่าทุกๆวันเพราะปกติดรีมจะมาสายอยู่เป็นประจำ แต่แพรวากลับเข้าใจดรีมดีและอนุโลมให้เสมอมา เพราะเธอรู้ดีว่าดรีมทำงานหลายที่ก็เพื่อหาเงินไปรักษาแม่ของเธอ
"ค่ะพี่แพรวา วันนี้ดรีมเสร็จงานช่วงเช้าเร็วเลยได้นอนพักเต็มอิ่ม ตื่นมาก็รีบอาบน้ำแต่งตัวมาทำงานเลยค่ะ"
"นี่ดรีม!"
"คะพี่แพรวา"
"วันนี้ลูกชายของคุณน้ำป่าเข้ามาทำงานแล้วนะ เมื่อกี้พี่ไปแอบมองมาที่ชั้นล่างน่ะ หล่อ ขาว สูง พูดก็เพราะละมุนไปหมด ถึงแม้จะใส่แว่นดำก็เถอะ" เป็นเสียงอ่อนเสียงหวานที่สุดเท่าที่ดรีมเคยได้ยิน แพรวาราวกับว่าเธอกำลังหลุดเข้าไปในจินตนาการความเพ้อฝันที่มีเธอกำลังนั่งเกาะแขนลูกชายของน้ำป่าในห้องๆหนึ่ง
"ดูพี่แพรวาคงจะชอบลูกชายคุณน้ำป่าแน่ๆ...อืม...เขาชื่ออะไรนะคะพี่แพรวา"
"ชอบอะไรกันไม่ได้ไม่ได้...คุณดิเชร์เด็กไปสำหรับพี่ แล้วอีกอย่างคุณดิเชร์สุดแสนจะเพอร์เฟกต์ พี่ไม่เหมาะกับคุณดิเชร์หรอก เสียใจด้วยนะคะคุณดิเชร์ที่เราไม่สามารถเป็นแฟนกันได้" แพรวาเติมประโยคพร้อมกับกำลังแหงนขึ้นเล็กน้อยราวกับกำลังเพ้อฝันถึงเทพบุตร
แพรวาคือผู้จัดการสถานบันเทิง ผู้ที่ดูแลและรับผิดชอบโดยตรงในเรื่องของ เด็กนั่งดริ๊งก์ รวมไปถึงคอยคัดเลือกและจัดการเกี่ยวกับพนักงานในส่วนบริการของผับโซแอลและเธอก็เป็นคนรับดรีมเข้าทำงาน
"ดิเชร์...ชื่อคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินที่ไหน" ดรีมทำหน้าครุ่นคิดแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
"ที่ไหนเหรอดรีม เล่ามาให้หมดเลยนะน้องดรีมของพี่" น้ำเสียงของแพรวาแฝงไปด้วยความจริงจังถ้าทว่าใบหน้ากลับยิ้มกว้างรอคำตอบ
"ดรีมคงคิดไปเองมากกว่าที่บอกว่าคุ้น แล้วอีกอย่างดรีมคงไม่มีวันได้รู้จักกับคนรวยๆแบบคุณดิเชร์หรือครอบครัวคุณน้ำป่าหรอกค่ะ คนที่ดรีมคุ้นชื่อน่าจะเป็นเชน เอ๊ะหรือว่า...นึกไม่ออกเหมือนกันค่ะว่าเคยรู้จักไหมหรือว่าแค่เคยได้ยินชื่อ...ว้าแย่จัง" ดรีมร่ายประโยคยาวพร้อมกับยิ้มแหยๆออกมาแล้วทำตาปริบๆให้แพรวา
"เอ่อสิจริงวันนี้มีจองห้องวีไอพีหนึ่งห้องนะ แถมยังจองเด็กนั่งดริ๊งก์ทั้งหมดด้วย คงทิปแน่ๆ บริการดีๆล่ะจะได้ทิปหนักๆกันทั่วหน้า" เมื่อได้ยินคำตอบของดรีม แพรวาก็หันหน้าเข้าหากระจกเหมือนเดิมราวกลับว่าผิดหวังที่ไม่ได้คำตอบที่เธอคาดหวังเอาไว้ แพรวาเลยเปลี่ยนเป็นคุยเรื่องงานแทน
"ค่ะพี่แพรวา"
หลังจากที่ดรีมเปลี่ยนเป็นชุดวาบหวิวที่วันนี้เป็นคอนเซ็ปต์ชุดสีขาวผ้ากำมะหยี่เนื้อดีถูกทับทาบด้วยลายลูกไม้มีความยาวถึงแค่หน้าขา ผ้าซาตินสีแดงคาดทับที่เอวคอดถูกผูกเป็นโบว์อันใหญ่ที่ด้านหลัง ที่ศีรษะมีหูกระต่ายสีขาวอันใหญ่ติดกับผมดำเงาทั้งสองข้าง เสริมด้วยถุงน่องสีขาวที่มีความยาวเลยขึ้นเหนือเข่าจึงทำให้ชุดนี้ดูไม่โป๊จนเกินไป
"โอ้โฮชุดนี้เหมาะกับดรีมจัง" น้ำเสียงหวานใสจากไอวี่ที่อยู่ตำแหน่งงานเดียวกันกับดรีม
"สวยเนอะ เราก็ชอบ" ดรีมพูดเสริม
"จะสายแล้วนะทำไมนัทตี้ยังไม่มาอีก" เป็นพลอยใสพูดขึ้นทันทีที่ออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด ก่อนจะหันไปมองดรีมที่ใส่ชุดเดียวกันกับเธอ
"จริง! ชุดนี้ดรีมเหมาะกับดรีมมากๆ น่าจะเป็นที่ผิวของดรีมขาวไหนจะหน้าสวยๆนั่นอีก ใช่ไหมคะพี่แพรวา" ก็จริงอย่างที่พลอยใสพูด ดรีมเป็นเด็กนั่งดริ๊งก์ที่สวยที่สุด ทั้งๆที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่กี่เดือนก็ทำเอาแขกหลายๆคนเรียกหา
"ก็สวยกันหมดนี่แหละ" ดรีมพูดพลางแต่งหน้าให้เข้มขึ้น แล้วไม่ลืมที่จะติดขนตาปลอมเพื่อเพิ่มความหวานให้กับดวงตาสวย
"เอาล่ะทุกคน อีกครึ่งชั่วโมงแขกจะมาแล้วนะ เร่งมือกันหน่อย แล้วไอวี่ทำไหมไม่ทาลิปสติกสีแดง ทาทับไปเลยจ๊ะคนสวย" เมื่อได้เวลาแพรวาก็จะเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกลูกน้องแต่ละคน
"เดี๋ยวพี่มานะ จะไปดูที่ห้องวีไอพีก่อนว่าขาดเหลืออะไรอีกไหม"
"ค่าาา" เป็นเสียงตอบรับที่ทั้งสามคนพร้อมใจกันประสานเสียงอย่างพร้อมเพรียง
ภายในห้องใต้ดินกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง หลังจากที่คนนั่งอยู่กับพื้นตรงหน้าโดนสั่งสอนไปเล็กน้อยแต่ก็พอทำให้ชายวัยกลางคนมีสีแดงอยู่ที่มุมปากทั้งสองข้างกลิ่นคาวคลุ้งอยู่ในปากพอให้ได้ลิ้มรสชาติเล็กน้อย
"พาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาได้แล้ว" ดิเชร์สั่งลูกน้องแล้วพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
"ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป คุณต้องมาทำงานเป็นพนักงานดูแลความสะอาดห้องน้ำที่ผับทุกวันหลังจากที่เลิกงานประจำ เข้าใจไหม"
"ค ครับ เข้าใจครับ" ชายวัยกลางคนละล่ำละลักเริ่มตอบทันที หายากนักที่จะเจอเจ้าของผับที่มีจิตใจดีขนาดนี้
"ส่วนลูกสาวกับภรรยาของคุณ ลูกน้องผมจะเป็นคนจัดหางานเสริมให้ทำเอง เงินแค่แสนเดียวไม่ต้องถึงกลับเอาลูกสาวมาขัดดอก หรือให้ไปขายตัวหรอกนะ อย่าเป็นพ่อแค่เพียงคำเรียก แต่ให้เป็นพ่อคนที่สมควรจะเป็นดีกว่า" ดิเชร์พูดจบก็เดินออกไปจากห้อง
"ขอบคุณครับ ผมขอบคุณคุณมากๆเลยครับ" ชายวัยกลางคนยกมือไหว้ไม่หยุดในขณะที่ดิเชร์เดินออกจากห้องไปแล้ว