"พี่ปลายฝัน ชื่อเล่นพี่ดรีมครับ...แล้วอีกอย่างผมกับพี่ดรีมเราตกลงเป็นแฟนกันแล้วครับพ่อ" ดิเชร์บอกชื่อพร้อมกับสบตาของพ่อเขา ใบหน้าของน้ำป่าที่เรียบนิ่งแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ยินดีเพราะน้ำป่ารู้ดีว่าตอนนี้ลูกชายของเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่ติดเรื่องที่เธอจะอายุมากกว่า ทำงานอะไร เคยผ่านอะไรมาบ้างถ้าลูกเขารักคนไหน เขาก็พร้อมจะรักคนคนนั้นด้วยเหมือนกัน
"ถ้างั้นก็เริ่มจาก หาทางเล่าให้เธอ...เล่าให้ดรีมฟังว่า ลูกเป็นใคร ครอบครัวเราเป็นยังไงถ้าเล่าแล้ว เธอรับได้ที่ครอบครัวของเราทำธุรกิจแบบนี้ พ่อก็ยินดีต้อนรับลูกสะใภ้คนนี้เหมือนกัน"
ดิเชร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาอยู่คุยกับพ่ออีกสักพักใหญ่ก่อนจะลงไปฝึกงานที่แผนก แล้วไม่ลืมที่จะส่งข้อความหาดรีมเพื่อบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีไม่มีอะไรต้องให้เป็นห่วง
ดรีมเปิดอ่านข้อความในทันทีพร้อมกับส่งสติกเกอร์กลับเป็นรูปหัวใจ แล้วนั่งทำงานของตนเองต่ออยู่หน้าคอมพิวเตอร์
ร้านอาหารตามสั่งข้างทาง อุดมกับดุจดาวนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ที่ร้านและไม่ลืมที่จะยื่นซองสีน้ำตาลให้กับดุจดาวเมื่อกินข้าวเสร็จ สองมือเล็กแห้งกร้านพนมมือไหว้แล้วโน้มศีรษะลงแทบจะติดโต๊ะอาหารพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม จนทำให้อุดมรีบลุกขึ้นจับที่มือทั้งสองที่กำลังพนมมือให้เอาลงแล้วยกมือปัดไปมาพร้อมกับพูดว่าอย่าทำ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าดุจดาวไม่ได้ยินอุดมเลยเปลี่ยนเป็นเอาแขนยกขึ้นเป็นกากบาทแทน
บทสนทนาระหว่างดุจดาวกับอุดม คุยผ่านโทรศัพท์ด้วยการพิมพ์ข้อความ
[ดุจดาว : ขอบคุณพี่ดมมากๆนะคะ ดาวจะทำงานพิเศษให้เยอะขึ้นจะได้มีเงินมาใช้พี่ดมเร็วเผื่อพี่มีเรื่องต้องใช้เงิน]
[อุดม : ไม่ต้องรีบ พี่ไม่ได้จำเป็นต้องใช้เงินแต่ดาวต่างหากที่จำเป็น แล้วนี่มันตีดาวอีกแล้วใช่ไหม...เน้นที่หัวกับกกหูเหมือนเดิมสินะ พี่บอกให้ย้ายเข้าบ้านนายพี่ก็ไม่ยอมย้าย ท่านออกจะใจดีต่อให้ดาวพาคนมาอยู่ด้วยอีกหลายๆคนท่านก็ไม่ว่าหรอก]
[ดุจดาว: ดาวไม่รู้จะบอกดรีมยังไง จะเริ่มยังไง อีกใจดาวกลัวว่าคนนั้นจะมาแอบดักทำร้ายลูกสาวฉันจ๊ะพี่ดม]
[อุดม: เอาอย่างนี้นะ ดาวต้องแอบอัดเสียงคือดาวจะทำยังไงก็ได้ให้ไอ้ชนินทร์มันพูดเรื่องข่มขู่จะทำร้ายร่างกายดรีม พอทำได้ไหม]
[ดุจดาว: ได้ค่ะ ดาวจะทำ]
[อุดม: ดี...พี่ต้องกลับแล้วออกมานานเกินไปพี่เกรงใจนายท่าน]
[ดุจดาว: พี่ดมโชคดีมากๆเลยที่ได้เจ้านายดี]
[อุดม: ท่านไม่แค่ใจดีนะ แต่ท่านพร้อมที่ช่วยเหลือทุกคนในบ้านไม่เว้นแม้แต่ตอนที่พี่เข้าไปอยู่ใหม่ๆ ท่านช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับงานศพของแม่พี่ และก็ดูแลคู่กรณีที่แม่พี่ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปชนเขาจนเสียชีวิต...ท่านมีพระคุณกับพี่เหลือเกิน ชาตินี้ไม่รุ้ว่าจะทดแทนบุญคุณยังไงหมด คงต้องตามไปถึงชาติหน้าแล้วล่ะ]
อุดมพิมพ์ถึงตรงนี้ก็หัวเราะเบาๆด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เปี่ยมล้นไปด้วยความปลาบปลื้มและยินดี ทั้งคู่อยู่ด้วยกันต่อไม่กี่นาที อุดมก็ขอตัวกลับไปทำงานของตนเอง ส่วนดุจดาวเธอต้องเอาเงินห้าหมื่นนี้ไปเข้าธนาคารเผื่อว่าวันดีคืนดีลูกสาวของเธออยากจะดูสมุดบัญชี
บริเวณที่ลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ของบริษัท ดิเชร์ที่สวมกันน็อกรอเวลาดรีมเลิกงาน ที่วันนี้ก็คงเลิกช้าเหมือนกับเมื่อวานแน่ๆ ดิเชร์ไม่ได้ส่งข้อความเร่งแต่อย่างใด เพราะเขาเองก็ไม่ได้เร่งรีบไปไหนอยู่แล้ว
ในขณะที่นั่งรอดรีมอยู่ที่เบาะมอเตอร์ไซค์ เขาเห็นนักศึกษาผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเดินมาบริเวณที่เขาอยู่ เธอเดินตรงเข้ามาเรื่อยๆ เข้ามาใกล้เรื่อยๆ เรื่อยๆจนกระทั่ง ภาพตรงหน้าทำให้ดิเชร์รู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขาสวมหมวกกันน็อกอยู่เด็กคนนี้คงไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร
'นิ่งไว้ นิ่งไว้ไอ้เชร์' ดิเชร์ยืนนิ่งด้วยหัวใจที่เต้นระทึก
"สวัสดีค่ะพี่ลีออง" เธอเอ่ยทักแล้วยิ้มสดใสอย่างมีความสุขจนตาหยีเป็นขีด
"..." บรรยากาศตอนนี้ ดิเชร์รู้สึกตึงเครียดกะทันหันทำให้เขาที่กำลังนั่งรออยู่ที่เบาะมอเตอร์ไซค์ถึงกลับลุกขึ้นยืนทันที
"เอ๋...หรือว่าต้องเรียกพี่ดิเชร์กันนะ" ประโยคนี้ทำให้ดิเชร์ถึงกับถอดหมวกกันน็อกออก แล้วจ้องมองใบหน้าสดใสตรงหน้าด้วยความสงสัยแต่ทว่าเขาก็ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป หญิงสาวตรงหน้าก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
"หนูไม่ได้ตามพี่หรอกนะคะ หนูเป็นแฟนคลับที่ให้ความเป็นส่วนตัวแต่ที่หนูเดินมาทักพี่เพราะว่า...ตรงนี้ไม่มีใครรู้จักพี่ดิเชร์ในฐานะนักแข่งลีออง หนูแวะมาหาพี่สาวของหนูต่างหาก ขอตัวก่อนนะคะพี่ดิเชร์"
"เดี๋ยวก่อนสิ...ขอถามได้ไหม ว่าทำไมเธอถึงรู้ว่าลีอองคือพี่"
"ก็เพราะหนูเริ่มตามพี่ตั้งแต่พี่..."
"พิ้งค์พลอย! มาได้ยังไง"
"พลอยมาหาพี่ดรีมค่ะ พอดีผ่านมาแถวนี้ ก็เลยซื้อขนมมาฝาก ถุงนี้เป็นของคุณน้านะคะ ส่วนถุงนี้เป็นของพี่ดรีมค่ะ"
"น้องคนนี้คือน้องสาวพี่ดรีมหรือครับ"
"น้องต่างพ่อต่างแม่น่ะ พลอยนี่เชร์ เชร์นี่พลอย...ฉันจะรับของฝากเอาไว้ ส่วนเธอก็กลับไปได้แล้ว"
" !! " คิ้วหนาเลิกคิ้วเล็กน้อย แววตาดูตกใจกับสิ่งที่ดรีมพูด เขาพลาด เขามัวแต่สนใจข้อมูลอย่างอื่นโดยไม่ได้สนใจรูปผู้หญิงสองคนที่อยู่ในแฟ้มรายงาน
"ว้า...ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะคะพี่ดรีม พี่เชร์คิดเหมือนหนูไหมคะ นานๆจะเจอกัน เราไปหาอะไรทานกันดีไหมคะ"
"ฉันต้องไปทำงาน ไม่ได้มีเวลาเที่ยวเล่นใช้เงินไปวันๆ" แววตาประกายไปด้วยความเดือดดาลทำให้ดิเชร์รีบพูดคั่น ก่อนที่บรรยากาศจะตึงเครียดมากไปกว่านี้ แต่ทว่าประโยคของดิเชร์กลับทำให้ดรีมรู้สึกน้อยใจอยู่ไม่น้อย ว่าทำไมต้องตามใจพิ้งค์พลอย
"พี่ดรีมครับ แวะทานก๋วยเตี๋ยวข้างๆบริษัทก็ได้นะครับ คนละชามคงไม่นานเกินไป...รีบกินแล้วก็รีบกลับตกลงไหมครับน้องพลอย"
"ตกลงค่ะ แล้วไปกันเลยไหมคะ พี่เชร์จอดรถไว้นี่ก่อนก็ได้ค่ะเราสามคนจะได้เดินไปพร้อมๆกัน" พิ้งค์พลอยยิ้มอย่างมีชัยชนะให้กับดรีม ก่อนจะเดินแทรกตัวไปยืนตรงกลางระหว่างดิเชร์กับดรีม
ดิเชร์ดูออกว่าพี่ดรีม กับน้องพลอยไม่ถูกกัน และที่สำคัญเขาคงต้องหาวิธีคุยกับพิ้งค์พลอย ว่าอย่าเพิ่งให้พี่ดรีมรู้เรื่องของเขาในตอนนี้เป็นอันขาด เพราะถ้าพี่ดรีมรู้จากปากคนอื่นที่ไม่ใช่เขา พี่ดรีมก็คงจะโกรธมากๆและมันก็ไม่ใช่เรื่องดีเสียด้วย
"พี่เชร์ หนูถามได้ไหมคะว่าพี่มีแฟนหรือยัง" พิ้งค์พลอยไม่ถามเปล่า เธอหลิ่วตาให้อย่างยั่วยวนพร้อมยื่นมือไปเกาะแขนแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
"เอ่อคือ..." ดิเชร์คิดว่าพิ้งค์พลอยถือวิสาสะมากๆ ที่เอามือมาเกาะแขนเขาเอาไว้ แล้วยังถามเรื่องส่วนตัวอีก แต่เพราะ พิ้งค์พลอยนับว่าเป็นคนรู้จักคนหนึ่งของดรีม ดิเชร์จึงหันไปมองหน้าดรีมอย่างเกรงใจและส่งสายตาให้เธอช่วยไปในตัว
"มีแล้ว" น้ำเสียงห้วนๆดังขึ้น ดรีมตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก สายตาที่แข็งขึงมองลงไปที่ใบหน้าของพิ้งค์พลอยที่กำลังเงยหน้ามองเธอด้วยแววตาที่เย้ยหยันราวกับว่าเธอเป็นต่ออยู่ในขณะนี้
"อย่าบอกนะคะว่าเป็นพี่ดรีม...ตลกจัง" พิ้งค์พลอยทำตาโตลุกวาว แสร้งทำเป็นไม่รู้
"ตลกงั้นเหรอ หมายความว่ายังไง"
"พี่ดรีมยังจะกล้ามีแฟนอีกเหรอคะ หรือว่าพี่ดรีมลืมไปแล้วว่าพี่ดรีมเลิกกับคนเก่าเพราะอะไร..." น้ำเสียงใสปนขบขันและยั่วเย้าอย่างปลุกปั่นและตั้งใจ
ดรีมใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ถ้าตรงนี้มีแค่เธอกับน้องสาวที่น่ารังเกียจ ป่านนี้เธอคงต้องได้สั่งสอนคนปากดีสักทีสองทีเป็นแน่
"ถึงแล้ว เข้าไปหาที่นั่งกันก่อนเถอะ พี่จะได้ไปทำงานต่อ" หนุ่มหล่อหน้าตาดี สุภาพบุรุษถึงกับทำตัวไม่ถูกกับสถาณการณ์แบบนี้ เขาทำได้เพียงแค่เอ่ยบอกสาวๆ ให้เข้าไปนั่งข้างในทั้งๆที่ตัวเองเดินนำเข้าไปก่อนอย่างอึดอัด
ดิเชร์กับดรีมใช้เวลาการกินก๋วยเตี๋ยวไม่นาน ต่างจากดรีมที่เหมือนจะถ่วงเวลาเธอกินก๋วยเตี๋ยวที่มีปริมาณไม่ได้มาก แต่กลับใช้เวลาในการกินราวกับว่านั่งกินบุฟเฟต์ยังไงยังงั้น
"กลับกันเถอะเชร์ ถ้าจะกินช้าขนาดนี้ทีหลังมากินคนเดียวก็แล้วกัน"
"อ่า...ครับ"
"พี่เชร์จะกลับจริงเหรอคะ ทำยังไงดีล่ะตอนนี้รถต้องติดมากๆเลย พี่เชร์ช่วยไปส่งหนูได้ไหมคะ"
"ถ้าอย่างงั้นก็รีบทาน จะได้ออกไปพร้อมกัน"
"เชร์!" ดรีมแทบไม่เชื่อว่าดิเชร์จะรอ แล้วยิ่งท่าทางที่ดูเหมือนกับว่าใส่ใจพิ้งค์พลอยนั้นอีกมันกำลังทำให้ดรีมโกรธจนแทบจะระงับอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่
"ใจเย็นๆครับพี่ดรีม"
"พี่คงเย็นไม่ไหวหรอกเชร์ เชิญเชร์นั่งรอเด็กคนนี้ไปคนเดียวเถอะ" ดรีมพูดพลางหันหน้าไปมองพิ้งค์พลอยที่ตอนนี้กำลังยิ้มเยาะราวกับว่าสะใจที่ทำให้เธออารมณ์ขึ้นได้
"พี่ดรีม! เดี๋ยวครับ"
ดรีมเธอลุกออกไปจากร้าน โดยที่ไม่รอฟังอะไรทั้งนั้นเพราะตอนนี้เธอทนไม่ไหว ที่จะต้องนั่งฟังพิ้งค์พลอยพูดนั่นนี้กับดิเชร์ ราวกับว่าสองคนนั้นสนิทกันมานาน ในขณะที่ดิเชร์ถูกพิ้งค์พลอยรั้งที่ข้อมือเอาไว้แน่น
ดิเชร์พรูลมหายใจออกมายาวๆ แล้วหลับตาเพื่อให้ตัวเองอารมณ์เย็นขึ้นก่อนจะลืมตาแล้วถามคนที่นั่งข้างๆกันกับตัวเอง
"พลอยต้องการอะไรเหรอ"
"หนูไม่ได้ต้องการอะไรนี่คะ และอีกอย่างหนูไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย อยู่ๆพี่ดรีมก็มาไม่พอใจหนู"
"แต่ตอนนี้พลอยทำเกินไปนะ ไม่รู้ตัวหรือไง..."
ดิเชร์สบัดข้อมือออกจากมือของพิ้งค์พลอยจนหลุดแล้วรีบลุกขึ้นเดินออกไปจ่ายเงินหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวก่อนจะรีบเดินสลับวิ่งตามดรีมไปที่ป้ายรถเมล์
"พี่ดรีม กลับกับผม"
"..." ดรีมไม่พูดไม่ตอบอะไรแม้กระทั่งหน้าของดิเชร์เธอก็ไม่มองด้วยซ้ำ จนดิเชร์คว้ากระเป๋าสะพายของดรีมมาสะพายเอาไว้เอง แล้วใช้แรงของตนที่มีมากกว่ารั้งข้อมือเล็กให้เดินกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองที่จอดอยู่ในบริษัท
"ปล่อย...เชร์" น้ำเสียงของดรีมไม่ได้แข็งกระด้างหรือโกรธ แต่กลับเต็มไปด้วยความน้อยใจที่ดรีมคิดว่าดิเชร์สนใจพิ้งค์พลอยมากกว่าเธอ
ตลอดทางที่เดินกลับไปที่รถ พิ้งค์พลอยที่แอบตามดูอยู่ห่างๆ เธอยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคนทั้งสองก่อนจะเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านไป ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
"ไปห้องผมก่อนก็แล้วกันเพราะเราต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อนครับ แล้วต้องคุยกันด้วยเหตุผล ผมถึงจะปล่อย"