10

1225 Words
เขาเคยให้การต้อนรับคณะทูตจากต่างแคว้นต่างดินแดนมาหลายครั้ง แต่ไม่เคยเห็นชนชาติไหนแต่งกายแบบนี้เลย กำไล ต่างหู สร้อยคอ แหวนที่นิ้ว ล้วนไม่เคยเห็น เขามั่นใจว่าสินค้าจากทั่วทุกดินแดน ที่มีขายในเมืองนี้ล้วนผ่านตาเขามาแล้วทั้งสิ้น แม้กระทั่งเครื่องบรรณาการก็ล้วนต้องผ่านสายตาเขา ก่อนนำเข้าถวาย ใครที่ต้องการทำการค้ากับวังหลวง ก็ล้วนต้องมานำเสนอกับเขาก่อนทั้งสิ้น แต่เครื่องประดับที่อยู่บนตัวนาง เขาไม่เคยเห็นมาก่อนแม้แต่ชิ้นเดียว รวมถึงตัวนางด้วย.. เขามองสายเข็มขัดที่นางคาดเอวไว้ คิดว่ามันคงอึดอัดสำหรับคนที่หมดสติอย่างนาง จึงลองผิดลองถูกจนสามารถถอดออกจากเอวคอดกิ่วได้สำเร็จ จากนั้นจึงพยายามจัดให้นางนอนอยู่ในท่าที่คิดว่าสบายตัวที่สุด คฤหาสน์กุ้ยอ๋อง ภายในเรือนรับรองหลังใหญ่ ท่านอ๋องกำลังยืนดูหมอหลวงตรวจชีพจรของสตรีแปลกหน้าด้วยใจจดจ่อ “อาการนางเป็นอย่างไรท่านหมอหลวง” “ร่างกายของนางไม่ถูกกับความเย็น จึงทำให้มีไข้ กระหม่อมจะจัดสมุนไพรบำรุงหยินหยางให้นาง หลังจากหายไข้ดีแล้วให้ดื่มสมุนไพรอีกเทียบอย่างต่อเนื่อง ดื่มทุกวันก่อนนอน แล้วอาการแพ้อากาศเย็นของนางก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ถ้าเจออากาศที่เย็นจัดก็ควรทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ ส่วนรอยปูดบวมที่ศีรษะกระหม่อมจะจัดยาทาให้ขอรับ ไม่เกินสองวันถึงสามวันก็ยุบเป็นปกติ” “นางต้องดื่มสมุนไพรไปตลอดชีวิตเลยหรือ” กุ้ยอ๋องถามอย่างสนใจใคร่รู้ “กระหม่อมมีความเห็นว่าควรดื่มต่อเนื่องสักหนึ่งปี จากนั้นก็ดื่มเฉพาะช่วงที่อากาศหนาวจัด ที่สำคัญต้องทำให้ร่างกายอบอุ่นเข้าไว้ แล้วอาการพวกนี้จะไม่กำเริบ” หมอหลวงนึกแปลกใจ ทำไมท่านอ๋องที่เย็นชาต่อสตรี ต้องเป็นห่วงเป็นใยสตรีผู้นี้นัก แต่ใครจะกล้าก้าวเท้าเข้าไปสอด รังแต่จะหาที่ตายเปล่า ๆ “ขอบใจท่านหมอหลวงมาก เชิญท่านกลับไปพักผ่อนเถิด” เขาเรียกให้องครักษ์ไปส่งหมอหลวง แล้วจึงหันมาสนใจกับคนป่วยอีกครั้ง เขาเรียกสาวใช้ให้มาเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้นาง ส่วนเขานั่งจิบน้ำชารออยู่ด้านนอก “เสร็จแล้วหรือ” เห็นสาวใช้สองคนยกอ่างน้ำออกมาจึงถาม “เจ้าค่ะ” “เจ้าสองคนชื่ออะไร” “บ่าวชื่อเสี่ยวหลันเจ้าค่ะ” “ข้าน้อยเสี่ยวซิงเจ้าค่ะ” “ต่อไปนี้พวกเจ้ามีหน้าที่ดูแลปรนนิบัตินางจนกว่านางจะหายดี” “เจ้าค่ะท่านอ๋อง” ทั้งสองรับคำพร้อมเพรียง เขาชี้ไปที่กระเป๋าใบใหญ่ “ของใช้ของนางน่าจะอยู่ในนั้น เจ้านำออกมาจัดให้เป็นระเบียบ ถ้านางฟื้นขึ้นมา อยากได้อะไรจะได้หยิบจับได้สะดวก” นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขาแปลกตา แต่ก็ชอบใจ เพราะมันสามารถลากจูงได้โดยไม่ต้องแบกหามให้เมื่อย เสี่ยวซิงเป็นคนแรกที่เดินไปที่สิ่งนั้น ทำอะไรกับมันอยู่พักใหญ่ “ข้าใช้มันไม่เป็น เจ้าพอจะรู้วิธีหรือไม่” เสี่ยวซิงถามเสี่ยวหลัน “เปิดไม่ได้หรือ” กุ้ยหย่งหมิงถามเสี่ยวหลันที่กำลังมองรอบ ๆ ของสิ่งนั้น “เจ้าค่ะท่านอ๋อง บ่าวไร้ความสามารถเจ้าค่ะ” สาวใช้ยอมรับ “ช่างเถอะ รอให้นางจัดการเองก็แล้วกัน” เขาลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินไปดูหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง เขามองนางอย่างพิจารณาอีกครั้ง ใบหน้ารูปไข่เริ่มมีสีเลือดฝาด หน้าผากกลมมน คิ้วเรียวดกดำโค้งยาวดั่งคันศร ขนตายาวงอนเป็นแพ จมูกโด่ง ริมฝีปากแดงอวบอิ่มชวนเย้ายวนใจ แต่ทำไมสีผมของนางจึงมีสีเหมือนสตรีชาวตะวันตก ทั้งที่หน้าตาและการแต่งตัวก็บ่งบอกว่าไม่ใช่ นางไม่เหมือนสตรีจากดินแดนตะวันตก แต่ก็ไม่ใช่สตรีชาวฉางอานที่ส่วนใหญ่คิ้วบาง ตาเล็กไม่มีชั้น จมูกสั้นไม่ค่อยโด่งเท่าไหร่นัก ริมฝีปากบาง เขาอยากจะเห็นยามที่นางลืมตาตื่นขึ้นมา อยากเห็นว่านางจะงดงามเพียงใด “ที่หัวของนางหมั่นทายาด้วยนะ” “เจ้าค่ะท่านอ๋อง” เสี่ยวหลันและเสี่ยวซิงรับปากพร้อมกัน “ถ้านางฟื้นแล้วไปเรียกข้าที่ห้องทำงานด้วย” ห้องทำงานกุ้ยอ๋อง “อี่เฉิน โต้วฉือ” กุ้ยหย่งหมิงวางบัญชีในมือ รอให้องครักษ์คู่ใจเข้ามาพบ “ท่านอ๋อง” “โต้วฉือ พรุ่งนี้เจ้าไปบอกกับเขอเข่อว่าข้าจะไม่ได้ไปที่ร้านอีกหลายอาทิตย์ เรื่องซื้อขายสินค้าให้เขาตัดสินใจได้เลย ส่วนเจ้า พรุ่งนี้ส่งข่าวแบบเดียวกันไปยังร้านค้าทั้งสี่มุมเมืองของเรา ถ้าสุดวิสัยให้แจ้งไปทางเขอเข่อ เสร็จแล้วรีบตามข้าไปที่ท่าเรือ” “ขอรับท่านอ๋อง” “อือ...” เสียงอืออาในลำคอของสตรีบนเตียงนอน ทำให้สองสาวใช้ที่กำลังเติมไฟรีบถลาเข้าไปดู “แม่นาง รู้สึกตัวแล้วหรือ” เสียงที่บ่งบอกความยินดีทำให้พุทธิญาลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ รีบลุกขึ้นนั่ง “แม่นางรู้สึกยังไงบ้าง ท่านหลับไปตั้งสามวัน” คำถามกึ่งคำบอกเล่าเป็นภาษาจีน ทำให้เธอนึกไล่ลำดับเหตุการณ์ก่อนหน้า มองหญิงสาววัยรุ่นในชุดจีนโบราณสองคนที่ส่งยิ้มมาให้ ก่อนจะมองไปรอบ ๆ.. เธอไม่ได้ฝันเหมือนทุกครั้งใช่ไหม ตอนนี้มันคือเรื่องจริงใช่ไหม “ขอน้ำดื่มหน่อยได้ไหม” “เจ้าค่ะ” เสี่ยวหลันรีบเดินไปเทน้ำสมุนไพรที่ต้มเตรียมไว้ “ดื่มน้ำสมุนไพรก่อนแล้วค่อยดื่มน้ำนะเจ้าคะ หมอหลวงบอกว่าถ้าท่านหญิงดื่มได้ทุกวันอาการที่เป็นอยู่จะดีขึ้น” หมอหลวง!... อย่าบอกนะว่าที่นี่คือวังหลวง! ที่ที่เธออยู่กับทหารยามคนนั้น คือข้างกำแพงคฤหาสน์ท่านอ๋องไหนสักอ๋องนี่แหละ แม้จะปวดหัวแทบระเบิด แต่เธอก็จำคำพูดของทหารยามคนนั้นได้แม่น.. เธอค่อย ๆ ดื่มน้ำสมุนไพรจนหมด แล้วต่อด้วยน้ำเปล่าอีกหนึ่งอึก “เอ่อ.. ขอถามเจ้าหน่อย ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้ข้าอยู่ที่ไหน” “ที่นี่คือคฤหาสน์กุ้ยอ๋องเจ้าค่ะ ท่านอ๋องเป็นคนช่วยแม่นางเอาไว้ และเรียกให้หมอหลวงมาตรวจดูอาการของท่าน แล้วสั่งให้พวกเราดูแลปรนนิบัติท่านให้ดีที่สุด” เสี่ยวหลันตอบ “ขอบคุณแม่นางทั้งสองมาก ๆ ที่ดูแลข้าอย่างดี” พุทธิญากล่าวอย่างซาบซึ้งใจ “พวกเราเป็นเพียงบ่าวรับใช้ ท่านไม่ต้องพูดกับพวกเราดีขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะ” สองสาวรีบคุกเข่าลงตรงหน้า พูดด้วยเสียงสั่นรัว เพราะกลัวว่าคนอื่นจะมาได้ยินแล้วเอาไปรายงานต่อท่านอ๋อง “ทำไมจะไม่ได้เล่า” ถามไปแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในยุคสองพันอีกแล้ว แต่เธอหลุดมาอยู่ในยุคเก่าคร่ำครึยุคไหนก็ยังไม่รู้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD