Rrrrrr….
“ว่าไง” ฉันกดรับโทรศัพท์ แต่สายตาก็ยังมองไปยังผู้ชายที่เดินเข้าออกอย่างไม่ขาดสาย มาทำงานที่นี้ก็ดีอยู่อย่าง ได้เห็นของดี เกิดอาการซาดิสในใจ
“แกลืมนัดพวกเราหรือไง” เสียงเข้มจากปลายสาย ทำให้ฉันต้องมานั่งขุ่นคิด ว่าฉันมีนัดอะไร นัดอะไรวะ!
(“วันนี้พวกเรามีนัดกัน ที่ร้านของแฟนฉัน แกลืมหรอยัยหมวย”) ยิ่งปลายสายพยายามตรอกย้ำ ฉันเลยต้องเอาโทรศัพท์ออกจากหู เพื่อดูสายที่โทรเข้ามา ‘แป้ง’ เพื่อนสนิทฉันเอง เราเคยสนิทกัน แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยอยากจะสนิทกับเธอ เบื่อ! เบื่อที่ต้องมารับฟังแฟนผู้ดีของยัยแป้ง เบื่อที่ต้องมาได้ยินความหวานจากปากของยัยแป้ง เบื่อที่ต้องมารับฟังว่าแฟนยัยแป้งจะเซอร์ไพรส์อะไร และเบื่อ ความใจป๋าของแฟนยัยแป้ง
สรุปง่ายๆ ฉันอิจฉา
“อ่อ...ไม่ลืมหรอก เดี๋ยวฉันจะแต่งตัวสวยๆ ไปหาพวกแกเลย”
(“โอเค ห้ามเบี้ยวล่ะ”)
ฉันทำงานเก็บกวาดเช็ดถูเสร็จ วันแรกของการทำงานก็ถือว่าโอเคนะ เพราะแม่บ้านก็รับผิดชอบเป็นชั้นๆ ไป ฉันก็รับผิดชอบแค่ชั้นสอง ชั้นที่ไว้ถ่ายแบบ ที่เอาพวกนายแบบนางแบบมาถ่ายรูปในสตูดิโอ แล้วลงปกหนังสือ บอกตามตรงว่าโคตรเพอร์เฟค
“ไปก่อนนะคะป้า” ฉันบอกลาป้าหัวหน้าแม่บ้าน ก่อนจะพาตัวเองเดินออกมาจากบริษัทอย่างสบายใจ
“ไปก่อนนะพี่ริน” ซึ่งระหว่างทางจะกลับก็ต้องเดินผ่านแผนกที่พี่รินทำงาน เลยบอกลาพี่แกสักหน่อย
“เดี๋ยวยัยหมวย” พี่รินเรียกฉัน จนฉันต้องหยุดแล้วหันมาสบตากับพี่รินอีกรอบ
“ไหวใช่ไหม”
“ไหวค่ะพี่ สบายมาก”
“แล้วไป แล้วแกจะไปไหน”
“นัดเพื่อนไว้นะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะคะ” ฉันรีบออกมาจากบริษัท ก็ต้องมารีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ฉันไม่ได้นัดเพื่อนแบบนี้มาสองเดือนละ ทุกครั้งที่เจอกันฉันก็ต้องแต่งตัวสวยดูดี ให้สมกับอาชีพโปรดิวเซอร์ ถึงตอนนี้จะตกงาน และพลันตัวเองมาเป็นแม่บ้าน แต่เพื่อนตัวเองก็ห้ามรู้เด็ดขาด ฉันจะต้องคงอาชีพโปรดิวเซอร์ สาวมาดมั่นคนเดิม ที่มีงานทำที่ดี ถึงจะโสดก็เหอะ!
“อ๊ายย~ ลูกแม่” ฉันเดินเข้ามาในห้องเช่าของตัวเอง รีบเปิดประตูตู้เสื้อผ้า เพื่อหาชุดตัวโปรดที่ฉันใส่เป็นประจำ ชุดนี้ที่ใส่ทีไรก็ทำให้ฉันเป็นนางฟ้าได้ทุกที โชคดีมากที่ฉันยังคงเก็บชุดนี้ไว้อย่างดี คงต้องเอาชุดนี้มาใส่อีกครั้งก็งานนี้แหละ
ชุดเดรสแขนกุดรัดรูปสีดำ แต่งด้วยแถบเลื่อมสีทองตรงกลาง เป็นชุดตัวเดียวที่เป็นของแบรนด์เนมที่ยังหลงเหลืออยู่ บวกกับกระเป๋าสะพาย Fandi สีดำ ร้องเท้า Lady Peep สนเข็มสีดำเงาที่ฉันใส่เป็นประจำ มันคือชุดที่โชว์เรือนร่างผู้หญิงอย่างฉัน ได้เห็นส่วนเว้า ความขอดของเอวอย่างชัดเจน แบบนี้ละผู้ชายที่ไหนเห็นก็ต้องหลงกันทั้งนั้น ยิ่งทำผมลอนสยายปัดข้างมาข้างเดียว ยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่เข้าไปใหญ่ ลิปสติกสีแดงคู่ใจถูกทาทาบทับลงบนริมฝีปากอันบางของตัวเอง ฉันมองตัวเองผ่านกระจก ยัยบ้านี้ใครเนี้ย...โคตรสวย (หลงตัวเอง)
Rrrrrr….
(“ถึงไหนละ ยัยหมวย”) ยัยแป้งยังคงโทรจิกฉันตลอดเวลา เห็นแล้วก็แอบหงุดหงิดในใจเหมือนกัน
“ขับรถมาแล้วละ” ความจริงอยู่บนรถแท็กซี่
(“ถึงแล้วบอกด้วยละ”)
“โอเค” ฉันกดวางสาย อาการหงุดหงิดก็เริ่มกำเริบ ไม่รู้ว่าการโทรจิกของยัยแป้งจะต้องนำมาความอิจฉามาให้ตัวเองขนาดไหน ยัยแป้งคงต้องพูดอวดแฟนตัวเองให้ฉันฟังเหมือนเดิมแน่ๆ ยิ่งเป็นร้านของแฟนนางด้วย คงจะมาสวีทและให้ฉันเห็นความหวานต่อหน้าต่อตาตัวเองเหมือนเคย พูดแล้วก็หงุดหงิด
“จอดตรงหน้าค่ะลุง!” ฉันพูดขึ้นมาเสียงดังจนลุงขับแท็กซี่ตกใจ ฉันเลือกที่จะให้ลุงจอดห่างจากร้านประมาณ 200 เมตร เพราะถ้าจอดหน้าร้านมีหวังพวกนั้นรู้แน่นอนว่าฉันไม่ได้ขับรถมาเอง
“เท่าไรค่ะ” ฉันรีบจ่ายค่าโดยสารอย่างรวดเร็ว แล้วรีบพาตัวเองเข้ามาในร้าน มันเป็นร้าน Bar ที่ไว้สำหรับนั่งเล่น นั่งจิ๊บเบียร์ จิ๊บเหล้า แล้วก็จะมีนักร้องผู้ชายรูปงามมาร้องบนเวที ยืนสวยได้ไม่นานยัยแป้งก็เดินเข้ามาเรียกฉัน
“ทางนี้ยัยหมวย” ยัยแป้งชูมือขึ้นให้ฉันเห็นว่านางนั่งอยู่ตรงนั้น พอเข้ามานั่งก็เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด ยัยแป้งนั่งคู่กับแฟนตัวเอง ตัวแนบชิดติดกันเหมือนกับกาวสองหน้าไม่มีผิด
“เพิ่งมาถึงหรอ” ส่วนนี้ยัย ’เกด’ หรือ ลูกกอก เธอเป็นสาวเรียบร้อยมาก แต่งตัวอ่อนหวาน ตามฉบับผู้ดีตีนแดง ที่มีพร้อมทุกอย่างทั้งหน้าตา ฐานะ รวมถึงคู่ครอง
“ดูยัยแป้งสิ นัดเพื่อนยังจะมานั่งสวีทกับแฟนอีก” ส่วนนี้ยัย ‘ปราง’ หรือ ประปราง สาวสวย พูดจาอ่อนหวานไพเราะ แต่งตัวน่ารักเหมือนกับสาวญี่ปุ่น แต่นางมีแฟนมาแล้วเป็นสิบคน
“พวกแกอิจฉาฉันใช่ไหมละ” (-_-) ใช่ฉันอิจฉามาก!
“งั้นแป้งนั่งเล่นกับเพื่อนไปก่อนดีกว่า ผมขอตัวก่อน” รอยยิ้มแบบสุขุมนุ่มลึกที่มองยัยแป้งผ่านสายตาอันละมุมละหม่อมช่างน่าอิจฉาที่สุด
“ได้ค่ะ” แป้งก็ตอบกลับแฟนของเธอด้วยรอยยิ้มที่สดชื่นเช่นกัน
“เต็มทีเลยนะครับ ผมเลี้ยงเอง” นั้นไงนอกจากจะมาโชว์ความหวานให้ฉันได้เห็น ก็ต้องมาโชว์ความป๋าให้ฉันเห็นที่แหละ
“แฟนแกใจปล้ำตลอดเลยน่า...” ปรางที่ดูจะเข้ากับแป้งได้อย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย สองคนนี้ชอบพูดชื่นชมกัน เพราะแฟนยัยปรางก็รวยเหมือนกัน
“ก็ไม่ต่างจากแฟนแกเท่าไรหรอก ครั้งก่อนแฟนแกก็เลี้ยงพวกเรา” แฟนปรางเป็นทนายที่มากความสามารถ เงินเดือนก็ตกหลายล้านต่อปี ซึ่งปรางก็พูดให้ฉันฟังอยู่เป็นประจำ
“งั้นคราวหน้า ฉันถือโอกาสให้แฟนฉันเลี้ยงเอง” เกดที่ฟังเพื่อนทั้งสองพูดมาได้สักพักก็ถึงเวลาของเธอที่เธอจะพูดถึงแฟนตัวเองให้คนอื่นได้ฟังบ้าง แฟนของเกดเป็นอาจารย์มหาลัย เรื่องเงินเดือนก็ไต้องพูดถึงมีมากพอสมควร
“นัดเลยไหมละ” ซึ่งฉันดูจะเป็นส่วนเกินขึ้นมาทันที ตรงที่ทั้งสามคนนี้พูดถึงแฟนตัวเองข้ามหัวฉันไปข้ามหัวฉันมา
“คราวหน้าแกต้องไปด้วยนะยัยหมวย” เกดหันมายิ้มให้ฉัน ซึ่งฉันก็ไม่เคยปฏิเสธความปรารถนาของเพื่อน
“อ่อได้สิ”
“จะว่าไปแกก็โสดมานานแล้วเหมือนกันเนอะ” ปรางหันมาพูดกับฉันด้วยใบหน้าค่อนข้างจะสมเพช และนี้คือสิ่งที่ฉันไม่อยากมาเจอพวกหล่อน เพราะฉันจะกลายเป็นจุดอ่อนในกลุ่ม ฉันก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ตอบกลับพวกนางไป
“ก็ยัยหมวยมันเลือก ตัวมันจะขึ้นคานอยู่ละ ยังไม่ยอมมีสักที” มันกลายเป็นประเด็นสนทนาหลักของวันนี้ เพราะทุกคนดูจะสนุกปาก ขนาดยัยแป้งยังต้องหันมาแหยะยิ้มให้ฉันอย่างน่าหมั่นไส้เหมือนกัน
“แกไม่รู้อะไร เวลาคนเป็นแฟนกันนะ นอกจากเรื่องคบหากันแล้ว เรื่องบนเตียงก็สำคัญนะ” เกดหันมาจับขาฉัน คำพูดเธอเหมือนจะดูดีดูเป็นห่วงเป็นใย แต่สายตาเธอกลับมองฉันอย่างสมเพชเช่นกัน
“ฮ่าๆ ใช่ๆ” ซึ่งทุกคนก็ขำกับคำพูดของเกด นี้เรื่องฉันกลายเป็นเรื่องตลกสำหรับพวกเธอเลยหรอ
“แต่ยัยหมวยมันไม่มีประสบการณ์ไง” ทุกคนยังดูสนุกที่สามารถพูดดูถูกฉันได้ ฉันรู้สึกตัวเองเป็นหลุมดำที่ทุกคนสามารถพูดจาถากถางฉันได้อย่างเต็มที ยิ่งเห็นใบหน้าของทุกคนกำลังยิ้ม กำลังหัวเราะ ฉันยิ่งโมโห มือทั้งสองข้างของตัวเองกำชายกระโปรงแน่น ก่อนที่ตัวเองจะรวบรวมความมีสติของตัวเองตรอกกลับพวกนางไป
“ใครบอกว่าฉันไม่มี” ฉันพูดออกมาเสียงนิ่ง เชิดหน้าตาอย่างสง่างาม พร้อมกับรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ ซึ่งทั้ง แป้ง ปราง และ เกด ก็ดูจะอึ้งกับคำพูดของฉัน
“แกมีแฟนแล้วหรอ” คำพูดของยัยแป้งดูจะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด แต่ฉันก็ต้องทำให้พวกนางเชื่อ!
“ใช่! วันนี้เขาก็มาส่งฉัน” ฉันตอบกลับเพื่อนตัวเองด้วยความมั่นใจ
“เขาอยู่ที่นี้ด้วยหรือเปล่าละ” ปรางถามฉันต่อ
“...” ซึ่งฉันก็ยังคงเงียบ เพราะถ้าตอบว่าอยู่ที่นี้ พวกนางจะต้องให้ฉันเอาแฟนมาอวด ฉันพยายามหลบสายตาของเพื่อน และมองไปยังรอบๆ เพื่อหาตัวช่วย เพื่อจะเจอคนรู้จักและนึกอะไรออก
“เฮ้ย! ไอ้เวฟเมามากเลยวะไปส่งมันหน่อยสิ” ซึ่งฉันก็เหลือบไปเห็นกลุ่มผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่กำลังจะเดินออกจากร้าน ในกลุ่มนั้นมีผู้ชายอยู่คนหนึ่งที่เมาไม่ได้สติ
“นั้นไง แฟนฉัน”