Episode 1

1445 Words
CHARACTER ข้าวปั้น มหาลัยปี 2 อายุ 20 ปี ผู้หญิงธรรมดาๆที่ไม่มีอะไรโดดเด่น อยู่กับแฟนชอบไปผับ อยู่คนเดียวชอบไปห้องสมุด ชิโน่ แฟนของข้าวปั้น มหาลัยปี 2 อายุ 20 ปี หล่อ รวย แบดบอย เที่ยว กินเหล้า ไปเรื่อย เอย์จิ มหาลัยปี 4 อายุ 22 ปี เงียบขรึม ไม่สุงสิงกับใคร ชอบอยู่ที่เงียบๆโดยเฉพาะห้องสมุด น้ำตาล มหาลัยปี 2 อายุ 20 ปี ชู้รักของชิโน่ Episode 1   "ขอโทษนะคะ ที่ตรงนี้ยังว่างใช่ไหม?" เสียงหวานใสของหญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยดังขึ้น ผมที่ไม่ได้สนใจอะไรก็ได้แต่พยักหน้าเบาๆ ผมไม่อยากละสายตาออกไปจากหนังสือที่ตัวเองกำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านอยู่ เลยไม่ทันได้เงยหน้ามองผู้หญิงคนนั้นว่าเธอมีรูปร่างหน้าตาเช่นไร   ถึงแม้ว่าจะมองไป... ผมก็ไม่สนใจอยู่ดี เพราะผมไม่คิดจะสนใจผู้หญิงคนไหนอยู่แล้ว ผมมาที่ห้องสมุดในมหาลัยก็เพื่ออ่านหนังสือ ไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจใครต่อใครที่ผ่านเข้ามาในชีวิต   "ฮึก.... ฮือ" หลังจากที่เสียงเลื่อนเก้าอี้ดังขึ้นและผมก็รู้ได้ว่าเธอนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว จากนั้นไม่นานผมก็ได้ยินเสียงสะอื้นจากฝ่ายตรงข้าม ทำให้ผมถึงกับเลิกคิ้วเล็กน้อยแต่สายตาคมเข้มของผมเองก็ยังไม่อยากจะละสายตาไปจากอักษรบรรทัดสุดท้าย   "ฮืออออ ฮึก.... อึก" เสียงสะอื้นของผู้หญิงคนนั้นเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเธอจะพยายามอดกลั้นแต่เสียงสะอื้นนั้นก็ยังคงเล็ดรอดออกมา ทำให้ผมเริ่มที่จะหนวกหูมากขึ้นเรื่อยๆ   ผมไม่สนใจเหรอกนะว่าเธอจะร้องไห้เสียใจ แต่เวลาเเบบนี้เธอไม่ควรจะมาห้องสมุด เพื่อมาร้องไห้ มันรบกวนสมาธิของคนอื่น ผมอยากจะพูดแบบนี้ออกไปจริงๆ แต่ก็ได้แค่คิด เพราะผมไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับใครมากนัก   อ่า... จะว่าไปผมยังไม่แนะนำตัวเลยใช่ไหม? ผมชื่อ เอย์จิ อยู่มหาลัยปี 4 ตอนนี้อายุ 22 เเล้ว โสดสนิทและไม่คิดจะสนใจผู้หญิงคนไหน พูดง่ายๆก็คือไม่มีผู้หญิงคนไหนสนใจผมเหมือนกันนั่นแหละ...   ผมเป็นสิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างจะน่าเบื่อ เพราะว่าผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเข้าสังคม และไม่ค่อยชอบที่จะปริปากคุยกับใครยกเว้นคนที่สนิทชิดเชื้อด้วย   พูดสั้นๆก็คือผมเป็นคนที่เงียบขรึม พูดน้อย ส่วนงานอดิเรกของผมก็คือการอ่านหนังสือ ผมชอบมาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดมากๆ มันเป็นที่ที่ทำให้จิตใจของผมสงบสุขสุดๆ   เอาเป็นว่าประโยคแรกๆเหมือนผมเอาแต่พูดข้อเสียของตัวเองทั้งนั้นเลยแหะ มาพูดข้อดีของตัวเองมั่งดีกว่า คนส่วนมากบอกว่าผมมีหน้าตาที่ดีพอควร และมีรูปร่างที่สมส่วน แม้ว่าผมจะไม่ได้ออกกำลังกายมากก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นคนส่วนมากก็ชอบบอกว่าผมเป็นผู้ชายที่น่าเบื่ออยู่ดี   "ฮึก.... ฮือ... ฮืออออ" เสียงสะอื้นดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผมรู้สึกรำคาญมากกว่าเดิม และเมื่อถึงจุดที่ผมหมดความอดทนผมก็รีบปิดหนังสือทันทีก่อนจะใช้สายตาสีดำสนิทคมเข้มจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังนั่งสะอกสะอื้นอยู่   เธอเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าหวาน แต่ตอนนี้ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตา แม้ว่าจะเอาหนังสือบังใบหน้านั่นเอาไว้แต่ผมก็ยังเห็นใบหน้าของเธอได้อย่างชัดเจน...   ถ้าให้พูดตรงๆ... เธอจัดเป็นผู้หญิงที่น่ารักเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนดัดเป็นลอนเหมาะกับวัย ทำให้ผิวขาวๆของเธอยิ่งสว่างเป็นประกายมากขึ้น ที่สำคัญนัยน์ตาของเธอที่เป็นสีน้ำตาลทำให้ผมรู้สึกหลงใหลสุดๆ   ทำไมเธอถึงได้เป็นผู้หญิงที่ดูดีขนาดนี้นะ... แต่กลับกำลังร้องไห้ด้วยความเสียใจซะงั้น ดูไม่จืดเลยทีเดียวทั้งๆที่ออกจะน่ารักแท้ๆ   "เธอร้องไห้ทำไม รู้ไหมมันสร้างความรำคาญให้กับคนอื่น" เสียงทุ้มเข้มของผมเอ่ยดังขึ้นอย่างปากร้ายพลางมองเธอด้วยแววตาที่ไม่พอใจทำให้ร่างบางที่เริ่มรู้ตัวถึงกับสะดุ้งโหยงก่อนจะเอาหนังสือปิดหน้าตัวเองด้วยความเขินอายอีกครั้ง   เฮ้ยๆ ที่จริงผมก็ไม่ได้คิดจะพูดแรงแบบนี้นะ แต่จู่ๆปากมันก็ไปไวกว่าความคิด   "ฉะ....ฉันขอโทษ ฉันไม่คิดว่านายจะได้ยิน" เสียงหวานใสเอ่ยดังขึ้นอย่างรู้สึกผิดพร้อมกับใช้มือเล็กเช็ดหน้าตัวเองที่เปอะเปื้อนเบาๆ ผมได้แต่มองเธอด้วยแววตาน่ารำคาญ   "เสียงสะอื้นดังขนาดนี้ ใช้สมองส่วนไหนเนี่ยถึงได้มาร้องไห้ที่ห้องสมุดแบบนี้?" ผมเอ่ยขึ้นอย่างปากร้ายอีกครั้ง เฮ้ย... ผมไม่ได้จะตั้งใจพูดแบบนี้ออกไปนะ แค่อยากจะถามเธอว่าทำไมถึงมาร้องไห้ในห้องสมุดเฉยๆ แถมเธอยังทำหน้าเจือนใส่ผมอีกต่างหาก   "ฉันคิดว่า... อยู่ห้องสมุดถ้าร้องไห้คงจะไม่มีใครสนใจ ขอโทษนะที่ฉันมันโง่คิดอะไรแบบนี้" ร่างบางเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม แต่มันเป็นรอยยิ้มที่แสนจะฝืนใจเอามากๆ ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่พูดอะไรแบบนั้นออกไป   "เหอะ... รู้ตัวก็ดีแล้ว แต่ถ้าให้ดีเธอไปร้องไห้ที่อื่นเถอะนะ มันน่ารำคาญ" ผมบอกออกมาพลางมองเธอด้วยแววตาที่เรียบนิ่งทำให้เธอถึงกับชะงักเล็กน้อยและเธอก็ปิดหนังสือเล่มหนานั่นทันทีพร้อมกับคลี่ยิ้มให้ผมอีกครั้ง   เธอที่ยิ้มแบบนี้ ทำให้ผมรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่เลยแหะ   "อืม ขอโทษนะที่สร้างความรำคาญให้กับนาย ฉันไปก่อนนะ" ร่างบางเอ่ยขึ้นอย่างสดใสก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินลับตาหายไป ผมได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับตัวเองเบาๆ   เมื่อกี้... ผมพูดอะไรออกไปวะเนี่ย ไม่ได้อยากจะไล่เธอไปสักหน่อย...   เป็นครั้งแรกเลยที่ผมเห็นผู้หญิงร้องไห้ต่อหน้าแบบนี้ กะจะปลอบใจซะหน่อย แต่มันคงจะยากสำหรับคนอย่างผมที่ไม่มีมนุษย์สัมพันธ์อะไรกับใครเขา   จะได้เจอผู้หญิงคนนั้นอีกไหมนะ... ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะขอโทษที่ตัวเองปากเสียออกไปจัง... แต่คงไม่มีทางที่จะเจอเธออีกแล้วละมั้ง...   "อะ...เอ่อ หวะ...หวัดดี" เสียงหวานใสของผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยดังขึ้น มันเป็นเสียงที่คุ้นหูผมเอามากๆทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมามองก็พบว่าเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวกับเมื่อวานที่มานั่งร้องไห้อยู่ตรงอีกฝั่งของโต๊ะ   "อืม..." ผมได้แต่ตอบรับในลำคอเบาๆ ตอนนี้เธอเลื่อนเก้าอี้นั่งตรงฝ่ายตรงข้ามผมอย่างไม่ขออนุญาต คงจะรู้อยู่แล้วละมั้งว่าไม่มีคนนั่งอยู่ตรงนี้เป็นปกติ   "เมื่อวานฉันขอโทษนะที่สร้างความรำคาญให้กับนาย" เสียงหวานใสเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด ผมชะงักเล็กน้อยก่อนจะมองเธอและพอลเื่อนสายตาลงก็พบกับกล่องช็อกโกแลตกล่องหนึ่งในมือของเธอ   "ฉันให้ แทนคำขอโทษเมื่อวาน" ร่างบางเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มก่อนจะยื่นกล่องช็อกโกแลตนั่นให้ผม ผมรับมาก่อนจะปากเสียใส่เธออีกครั้ง   "เธอไม่ได้ใส่ยาพิษลงไปใช่ไหม?"   "ทำไมฉันต้องทำเรื่องแบบนั้นด้วย ฉันแค่อยากจะให้แทนคำขอโทษเฉยๆ นายนี่มันขี้ระแวงจัง!" ร่างบางเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีที่หงุดหงิดเล็กน้อย ผมรับมาก่อนจะวางข้างๆตัว   "ฉันไม่ชอบรับของจากคนแปลกหน้า"   "โถ่! ฉันไม่ใช่คนแปลกหน้าซะหน่อย ว่าแต่นายชื่อไรอ่ะ" ร่างบางเอ่ยขึ้นอย่างใคร่รู้ ผมเงียบและไม่ตอบคำถามของเธอทำให้เธอต้องเปลี่ยนเรื่องคุย   "พรุ่งนี้ฉันมาหานายที่นี่อีกได้ป่ะ?"   "อืม...."   "งั้นวันนี้ฉันไปก่อนนะ ไว้เจอกัน"   สุดท้าย... ผมก็จะได้เจอยัยนี่ทุกวันเลยสินะ หึ... ไม่เห็นจะอยากเจอสักนิด ไม่เลย...        
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD