ตอนที่ ๕ ผู้หญิงเชย ๆ
สามเดือนผ่านไป
“เย้ จบสักที สุดท้ายฉันก็เรียนจบแล้ว” เสียงของกระต่ายดังขึ้น เมื่อเดินออกมาจากห้องสอบทั้งที่ยังไม่รู้ว่าคะแนนสอบจะผ่านหรือเปล่า “อิจฉาแต่คนเรียนเก่ง ขนาดหลับตายังกาข้อสอบถูกเลย”
“เว่อร์ไป แต่ยัยมุกก็เก่งจริงแหละ” ปิ่นทรายหันมาพูดกับเพื่อนสนิท “คืนนี้ไปฉลองกันดีไหม มุกไปด้วยกันนะอย่าปฏิเสธ”
“ฉันไม่ดื่มแกก็รู้ ไปด้วยได้แต่ไม่ดื่มนะ” เธอเป็นคนคออ่อน ดื่มได้แต่ไม่อยากดื่มเดี๋ยวเป็นภาระของเพื่อนจะทำให้เพื่อนหมดสนุก
“ได้ เจอกันที่ร้านเดิมแล้วกัน แกไปถูกใช่ไหม” กระต่ายถามไข่มุกที่เดินตามหลังมาก่อนที่เพื่อนจะพยักหน้าตอบรับ “หรือว่าจะให้พวกฉันไปรับแกดีไหม”
“ไปรับแกดีกว่า คืนนี้ก็ค้างกับพวกเราเลยแล้วกัน บอกแม่แกด้วยนะ” ปิ่นทรายไม่อยากให้ไข่มุกขับรถไปเอง
“ได้ หนึ่งทุ่มนะ เดี๋ยวฉันแต่งตัวรอ” เธอยิ้มแล้วแยกย้ายกับเพื่อนตรงกลับบ้าน
ภายในบ้านหลังใหญ่เงียบอย่างน่าแปลกใจ แม่ของเธอส่งข้อความมาบอกว่าที่ร้านมีปัญหานิดหน่อยจะกลับดึก ส่วนพ่อเลี้ยงนั้นก็ยังไม่กลับจากที่ทำงานเปรมก็เช่นเดียวกัน
ในเวลาบ่ายสามเธอขึ้นมาบนห้องแล้วจัดเก็บหนังสือเรียนที่ใช้มาตั้งแต่ปีหนึ่งลงกล่อง เพราะจะส่งต่อหนังสือเหล่านี้ให้น้องรหัสของเธอ เมื่อทำทุกอย่างเสร็จเวลาล่วงเลยมาถึงหกโมงเย็นจึงได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวรอเพื่อนทั้งสองมารับ
“สาบานเถอะ ว่านี้ชุดไปเที่ยวของแก” ปิ่นทรายกวาดตามองชุดของไข่มุก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเธอบ่นแต่สุดท้ายก็ยอมให้ไข่มุกสวมเสื้อยืดกระโปรงยีนเลยหัวเข่าขึ้นมาเล็กน้อย
“ไม่เห็นแปลกเลย ฉันไม่ชอบชุดแบบที่พวกเธอใส่มันรัดเกินไป ถ้ากินอิ่มท้องคงปลิ้นออกมามันน่าเกลียด”
“นี่แกกำลังจะบอกว่าพวกฉันน่าเกลียดเหรอ” กระต่ายเอ่ยออกมาแต่เป็นการถามแบบล้อเล่นมากกว่า รู้ว่าเพื่อนไม่ได้หมายความแบบนั้นกับพวกเธอ
“ฉันคิดว่าตัวเองจะเป็นแบบนั้น”
“ก็เลยใส่เสื้อยืดตัวใหญ่เหน็บในมานะเหรอ นี่แกจะเชยไปไหนยัยมุก แต่งตัวให้สวย ๆ บ้างเถอะ”
“ไม่เป็นไร พวกเธอแต่งกันเถอะ ฉันสะดวกแบบนี้” เธอยิ้มให้กับการแต่งกายของตนเอง เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่เหน็บในกระโปรงยีนสีขาวเข้าชุด พร้อมกับรองเท้าผ้าใบ ผมรวบตึงเป็นหางม้าไม่ปล่อยยาวให้รำคาญใจ
“เอาเถอะ แกจะแต่งแบบไหนก็ได้หมดแหละ วันนี้แกต้องทำหน้าที่คนขับนะพวกฉันจะเต็มที่” กระต่ายกล่าวอย่างร่าเริง ที่ไข่มุกมาด้วยก็ดีเหมือนกันเพราะพวกเธอจะได้ดื่มให้เต็มที่ ไม่ต้องห่วงว่าจะกลับบ้านกันยังไง
“นี่ผับใหม่ไม่ใช่เหรอ” ไข่มุกถามเพื่อนเพราะไม่เคยมาผับนี้มาก่อน แต่ก็คุ้นมากทีเดียวสุดท้ายเธอก็รู้ว่าผับที่มาคือผับที่พี่ชายของเธอมีเรื่องเมื่อหลายเดือนก่อน
“ฉันอยากมาผับนี้นานแล้ว เห็นบอกว่าการ์ดหล่อมาก เจ้าของผับยิ่งหล่อเข้าไปใหญ่” กระต่ายตอบอย่างตื่นเต้น ปิ่นทรายเองก็ยิ้มกว้างไม่ต่างกัน
“คนเยอะนะ ดูสิวันนี้มีโชว์พิเศษหรือเปล่านะ” ปิ่นทรายมองเห็นคนที่เดินเข้าไปด้านในต่อแถวยาว “ถ้ามีโชว์พิเศษคงไม่ได้เข้าแล้วล่ะ” เธอถอนหายใจ
ถ้าวันนี้ที่ผับแห่งนี้มีนักร้องชื่อดังขึ้นโชว์หากไม่ได้จองโต๊ะเอาไว้คงไม่มีสิทธิ์เข้าไปด้านใน จากการตรวจสอบของการ์ดที่อยู่ด้านหน้าแล้ว ดูก็รู้ว่าตรวจตราอย่างเข้มงวดเพียงใด
“ไม่ต้องห่วงฉันมีวิธี มาแล้วจะให้เสียเวลาได้ไง” กระต่ายยิ้มกว้างก่อนเดินตรงไปที่การ์ดของร้าน เธอพูดคุยอยู่นานก่อนที่จะเดินยิ้มกลับมา “ไปกันได้โต๊ะแล้ว” เธอชูการ์ดสีดำให้เพื่อนได้ดู
“เหลือเชื่อ แสดงว่าวันนี้มีโชว์พิเศษจริงด้วยสินะ” ปิ่นทรายเอ่ยถาม
“อืม แต่โต๊ะที่ได้ราคาแพงหน่อยนะ อย่าลืมนะต้องหารกันด้วย” กระต่ายที่ไม่ได้เป็นคนมีเงินมากเอ่ย แน่นอนว่าเพื่อนทั้งสองยอมจ่ายเพราะไหน ๆ ก็ตั้งใจมาที่ผับแห่งนี้แล้ว
ไข่มุกยอมรับด้วยตาตัวเองว่าที่แห่งนี้ใหญ่โตและสวยงาม ดูจัดโซนนั่งได้ดีกว่าผับที่เธอเคยไปกับเพื่อนเมื่อคราวก่อน แถมยังมีการ์ดหลายสิบคนคอยดูแลลูกค้าที่มาให้บริการ
“เสียดายที่นั่งหลบมุมไปหน่อย แต่ก็ยังดีที่ไม่ห่างจากเวที” กระต่ายวางกระเป๋าใบเล็กลงบนโต๊ะ ในตอนนี้ผู้คนเริ่มแน่น มีนักร้องประจำร้านกำลังขึ้นร้องเพลงช้า แต่เสียงดีมากสองคนชายหญิง